โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

‘ความรักบนความร้าย’ ของศิลปินหญิงชาวเม็กซิกันที่ดังที่สุดของโลก Frida Kahlo - เพจพื้นที่ให้เล่า

TALK TODAY

เผยแพร่ 09 พ.ย. 2562 เวลา 02.40 น. • เพจพื้นที่ให้เล่า

ในชีวิตหนึ่งที่เกิดมา ถ้าถามว่าความรักร้ายกับเราได้มากแค่ไหน? แต่ละคนคงมีคำตอบที่ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับไอคอนหญิงแกร่งศิลปินสาวชาวเม็กซิกัน Frida Kahlo ที่ถ่ายทอดชีวิตผ่านผืนผ้าใบแล้ว ความรักทำร้ายและทำลายเธอได้มากกว่าที่ใครจะคาดคิด 

ถึงใครจะไม่รู้จักชื่อ Frida Kahlo  แต่เรามั่นใจว่าทุกคนเคยเห็นผลงานของเธอผ่านตากันมาบ้างแน่นอน เธอเป็นหญิงชาว Mexican ที่มีพรสวรรค์ด้านศิลปะ ถึงจะป่วยเป็นโปลิโอและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระอย่างใจตั้งแต่วัยเด็ก แต่เธอก็ใช้ชีวิตร่าเริงสดใสไม่ต่างจากเด็กทั่วไป*จนกระทั่งเจอกับจุดเปลี่ยนชีวิตในวัย 18 ปีที่ชีวิตร้ายกับเธอเหลือเกิน รถเมล์ที่ฟรีดานั่งประสบอุบัติเหตุใหญ่ เธอถูกแท่งเหล็กแทงชะลุเชิงกรานบาดเจ็บสาหัส ต้องใส่เครื่องรัดตัวเหล็กดามร่างกายและอาศัยอยู่บนเตียงเหล็ก ต้องละทิ้งความฝันการเป็นหมอ และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อิสระไปตลอดชีวิต *

หลายคนคิดว่าฟรีดาจะยอมแพ้ แต่เธอนำความเจ็บปวด ความฝันสลายและน้ำตาของตัวเอง เปลี่ยนพวกมันเหล่านั้นให้กลายเป็นงานศิลปะที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เธอสั่งให้คนในบ้านแขวนกระจกที่ส่องให้เห็นเตียงและตัวเธอเอาไว้บนเพดาน จากนั้นก็ลงมือวาดภาพเหมือนของตัวเอง ควักหัวใจออกมาให้ทุกคนเห็น เห็นถึงสิ่งที่เธอเกลียด ถึงสิ่งที่เธอรัก และสิ่งที่เธอปวดใจ รูปภาพกว่า 55 ภาพในชีวิตของเธอได้ถ่ายทอดมุมมองและความรู้สึกของฟรีดา ในการต้องรับกับการผ่าตัดที่หลังและขาขวากว่า 30 ครั้ง  

ผู้คนมากมายเห็นงานศิลปะของเธอแล้วกล่าวว่า.. ผลงานของเธอเป็นภาพแนวเหนือจริง และยกย่องให้เธอเป็นสุดยอดศิลปินแนว surrealism (แนวเหนือจริง) แต่ฟรีดากล่าวปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า “ฉันไม่เคยวาดภาพความฝัน ฉันวาดแต่ความจริงของตัวเองเท่านั้น” ภาพ Portrait หรือภาพตัวเองที่ฟรีดาวาด จึงเป็นภาพความจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ ณ ขณะนั้น การระบายความเกลียดชังร่างกายที่พิการและความเศร้ากับชีวิต เป็นเหมือนการบำบัดและเยียวยาให้เธอยอมรับตัวเองและภูมิใจกับชีวิตได้มากขึ้น  

แต่ถ้าถามว่าหัวใจฟรีดาโดนถูกทุบให้แตกจากน้ำมือของพระเจ้าเท่านั้นหรือเปล่า?

เปล่าเลย หัวใจของฟรีดายังถูกทุบให้แตกด้วยน้ำมือของผู้ชายอีกหนึ่งคน นั่นก็คือ Diego Rivera จิตรกรวาดจิตรกรรมฝาผนังมือฉมังในยุคนั้น ผู้ชายที่ฟรีดาหลงรักเหลือเกิน แม้ว่าดิเอโกจะมีชื่อเสียงย่ำแย่เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงและอายุที่ห่างกันกว่า 20 ปี ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนรอบข้าง ความรักระหว่างฟรีดาและดิเอโกงอกเงยเป็นความหลงใหลอย่างรวดเร็ว

ดิเอโกคือทุกอย่างของฟรีดา เขาเป็นทั้งครูผู้แนะนำและนักวิจารณ์ชั้นดีที่ช่วยให้เธอก้าวหน้าในวงการศิลปะ เป็นทั้งผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดและก็เกลียดมากที่สุด ภาพวาดที่ฟรีดาวาดทั้งหมดในชีวิตกว่า 143 รูป นักวิจารณ์แทบทุกคนได้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า.. ภาพส่วนใหญ่ที่ฟรีดาวาดหลังการแต่งงาน การแท้งลูก รวมถึงการเลิกรา มักมีเรื่องราวและความรู้สึกที่เกี่ยวกับดิเอโกซ่อนอยู่เสมอ 

“ในช่วงชีวิตของฉันเจออุบัติเหตุร้ายแรงอยู่ 2 อย่าง หนึ่งคือการต้องอยู่บนรถเข็น สองคือดิเอโก และดิเอโกนั้นเลวร้ายที่สุด” 

คำพูดนี้ของฟรีดาได้ถูกเปิดเผย หลังจากที่เธอจับได้ว่าดิเอโกสวมเขาให้เธอกับน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ภาพวาดหนึ่งที่เปิดเผยความทุกข์ทรมานของเธอคือภาพ Memory, the Heart ที่แม้ใบหน้าของฟรีดาในภาพจะไม่ฟูมฟายมากนัก แต่สภาพของเธอกลับแย่เหลือเกิน อกข้างซ้ายถูกแทงจนกลวงโบ๋ด้วยแท่งเหล็ก แถมยังมีกามเทพตัวน้อยนั่งเล่นอยู่ตรงปลายแท่งเหล็กอีกด้วย.. (เหมือนคนโดนล้อเล่นกับหัวใจ เจ็บขนาดไหน คิดดู!)  

ถึงจะเจอการหักหลังอันเจ็บปวด หลังการหย่าร้าง ฟรีดาก็ยังรักดิเอโกมากเหลือเกิน เธอได้กลับบ้านเกิดและวาดภาพชื่อ The Two Fridas โดยในภาพมีเธอสองคนที่แต่งกายแตกต่างกัน คนหนึ่งสวมเสื้อผ้าสากลแบบที่ฟรีดานิยมใส่ ส่วนอีกคนกลับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าพื้นเมืองอนุรักษ์นิยมแบบที่ดิเอโกชื่นชอบ ที่สำคัญฟรีดาทั้งสองคนยังมีการโยงใยแชร์หัวใจกันอีกด้วย นั่นก็คือการสื่อถึงความรักที่ยังตัดใจจากดิเอโกไม่ขาดนั่นเอง

ภาพ The Two Fridasนี้เป็นภาพที่นอกจากจะโชว์ความรักอันเจ็บปวดของเธอต่อคนทั้งโลกแล้ว ยังทำให้เธอรู้จักกันในนามของจิตรกรสาวแนวหน้าของโลก สามารถยึดอาชีพ “ศิลปิน” ได้อย่างนับหน้าถือตา ไม่ใช่เพียงแค่ภรรยาหรือแฟนสาวที่ตามดิเอโกไปออกงานสังคมในวงศิลปินเฉยๆ อีกต่อไป!!

ฟรีดาได้ผ่านการรัก หักหลัง หย่าร้าง และกลับมาคบกับดิโอโกอยู่หลายรอบ พวกเขาทั้งสองคนพบว่าความรักระหว่างทั้งคู่จะดีที่สุดต่อเมื่อไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เพียงแต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความคิดของฟรีดาก็ยังวนอยู่รอบตัวดิโอเกเสมอ ถึงแม้จะรู้ว่า “ดิเอโกไม่มีวันเป็นสามีของใคร” 

ดิเอโกจึงเปรียบได้ว่าเป็นทั้ง ‘ผู้สร้าง’ และ ‘ผู้ทำลาย’ ฟรีดาอย่างแท้จริง เขาเป็นแสงสว่างจนฟรีดาประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินชื่อดัง แต่ในฐานะสามี เขาไม่เคยเป็นความรักที่ฟรีดาอุ่นใจ หัวใจดิเอโกยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่ตื่นเต้นหลงใหลไปกับการตกหลุมรักคนใหม่ ๆ อยู่เสมอ เขากลายเป็นความมืดส่วนหนึ่งที่กัดกินชีวิตฟรีดา เป็นความรักและความผูกพันที่ฟรีดาไม่สามารถปล่อยวางได้จนวาระสุดท้ายของชีวิต  

หลายคนอาจคิดว่าการก้าวข้ามผ่านความรักไม่ได้เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่สำหรับโลกที่ไม่มีอะไรแน่นอน  

สิ่งหนึ่งที่มั่นคงอยู่เป็นเพื่อนฟรีดาจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต 

คือ ‘ความทรงจำรสหวานอมขม’ และมิตรภาพอันซับซ้อนที่มีแต่เธอและเขาที่เข้าใจ  

น่าเศร้าเหลือเกินที่ความงดงามของศิลปะนั้น บางครั้งแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่มากมายของศิลปิน ดังคำตลกร้ายที่คนมักเปรยอยู่บ่อย ๆ ว่า.. Art never comes from happiness  

.

.

ติดตามบทความของเพจพื้นที่ให้เล่า ได้บน LINE TODAY ทุกวันเสาร์

.

.

*อ้างอิง *

http://mentalfloss.com/article/80067/17-artful-facts-about-frida-kahlo

https://thematter.co/life/frida-kahlo-9-self-portrait/32344?fbclid=IwAR3QGlU8-QUcp757a7_WudTaxlSWRE31M-TcOH1DXC7ZwVuuUlGZ5ttBXXo

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0