โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

‘ครูอ้วน มณีนุช’ เปิดความลับสุดช้ำ เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน!

The Bangkok Insight

อัพเดต 21 พ.ค. 2562 เวลา 11.18 น. • เผยแพร่ 21 พ.ค. 2562 เวลา 11.18 น. • The Bangkok Insight
‘ครูอ้วน มณีนุช’ เปิดความลับสุดช้ำ เคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน!

เป็นอีกหนึ่งคนที่เราได้เห็นหน้าเห็นตากันบ่อย ๆ ซึ่งเป็นทั้งคอมเมนเตเตอร์และเป็นนักแสดงมากความสามารถ สำหรับครูอ้วน มณีนุช ที่นอกจากจะมีงานเบื้องหน้ามากมายแล้ว คุณครูอ้วนยังมีงานสอนร้องเพลงอีกด้วย แต่ก็มีเรื่องทำให้ครูอ้วนเคยคิดจะเลิกร้องเพลงเลยทีเดียว ล่าสุด ครูอ้วน ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องone31 ที่มีหนิง ปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกร

มีข่าวว่า ช่วงนี้มีหนุ่ม ๆ รุมจีบเพียบเลยจริงไหม? ครูอ้วน : มันเป็นสีสันของชีวิตค่ะ จริง ๆ แล้วเนี่ยนะ ในวงการเราก็ต้องมีสีสันของชีวิตที่เราจะรู้ได้ว่า เพื่อนกัลยาณมิตรที่ดี คนที่จะให้สติสัมปชัญญะกับเรา คำพูดดี ๆ แนวทางการใช้ชีวิตที่ดี จริง ๆ มันมีแค่นั้นเอง อาจารย์เชนเป็นหนึ่งในคนที่มีความเก่ง แล้วก็มีคำพูดที่ดี แล้วเราอยู่ใกล้ ๆ เราก็จะเก่งขึ้น มีความสุข เห็นว่าไม่นานมานี้เพิ่งกลับมาเจอกัน เป็นยังไงบ้าง? ครูอ้วน : จริง ๆ แล้วอาจารย์เชนเป็นคนที่เรารู้กันอยู่แล้ว เราคุยกันอยู่เสมอ ๆ แล้วเราก็รู้ว่าเขาเป็นคนขี้อายมาก พอมาเจอกัน เราก็รู้สึกดีนะ แล้วทำไม ไม่ใจอ่อน และพัฒนาความสัมพันธ์? ครูอ้วน : เขาเป็นคนไม่พูด แต่ว่าเขาจะเป็นคนทำ ทำในที่นี้หมายถึงการกระทำ เคยได้ยินไหมที่โบราณเขาบอกว่า บางคนพูดมากแต่ไม่ลงมือกระทำ นั่นแหละแสดงว่าการกระทำเป็นสิ่งที่พิสูจน์ในความจริงของคนได้ เพราะฉะนั้นแล้วอาจารย์เชนจะเป็นคนที่พูดน้อยมาก สำหรับหลังจอนะ แต่สิ่งที่เขาเสมอต้นเสมอปลายเลยมาก ๆ ก็คือว่า การกระทำ เขาจะส่งคำที่ดี ๆ หรือว่าอะไรออกมาให้เราได้ฉลาดขึ้น และอ้วนคิดว่าการเป็นมิตรภาพกันมันน่าจะยั่งยืนกว่า และดีที่สุด

เคยมีกระแสว่าอาจารย์ไม่ใช่ผู้ชาย? ครูอ้วน : อาจารย์เชนเป็นผู้ชายแท้ ๆ นะคะ แล้วก็เป็นคนที่ดีมาก และเก่งมากด้วย แล้วเขาก็เป็นคนขี้อายมาก เพราะฉะนั้นเขาจะเป็นคนที่ดูเหมือนกับว่าไม่ค่อยพูด คนก็เลยคิดไปต่าง ๆ นานา หรือที่มีข่าวว่าอาจารย์เป็นเกย์หรือเปล่า จริง ๆ แล้วเป็นผู้ชาย 100% ค่ะ เป็นคนดัง มีคนรู้จักทั้งประเทศ แต่ครั้งหนึ่งเคยถูกไล่ออกจากโรงเรียน? ครูอ้วน : เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นมานานแล้วนะ ต้องบอกว่ามันเป็นความทรงจำที่ประทับใจ ลองคิดดูว่าครั้งหนึ่งคุณถูกไล่ออกจากโรงเรียน แล้วคุณจะไม่จำไปตลอดชีวิตเลยเหรอ ใช่ค่ะ สาเหตุมาจากที่ดิฉันไปประกวดร้องเพลง แล้วได้ที่ 1 เป็นรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมแห่งทวีปเอเซีย แล้วโดนไล่ออกเพราะสาเหตุอะไร? ครูอ้วน : จริง ๆ แล้วที่บอกว่าโดนไล่ออกอาจจะไม่ใช่ แต่แค่ยื่นซองขาว แล้วก็บอกเหตุผลว่า ทางโรงเรียนไม่มีนโยบายที่จะให้นักเรียนไปทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับด้านการบันเทิง ซึ่งตรงนี้เราต้องยอมรับอย่างนึงนะคะว่า เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว เรามีความเข้าใจในฐานะที่เรามีความเป็นครู เราเข้าใจที่โรงเรียนจะต้องดูแลนักเรียนอยู่เป็นร้อย ๆ คน แล้วถ้าเกิดว่ามีนักเรียน 1 คนไปทำในลักษณะที่มันเป็นตัวอย่าง เพราะฉะนั้นอีกหลาย ๆ ร้อยคน อาจจะมีการเดินตามรอย แต่ก็ต้องยอมรับเหมือนกันว่าในปัจจุบันนี้เนี่ย มันเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไปแล้ว สังคมเปลี่ยนไป การศึกษาเปลี่ยนไป มุมมองทัศนคติทุกอย่างเปลี่ยนไป ตอนนี้เราก็เข้าใจแล้ว แต่สำหรับวันนั้นเราเข้าใจไม่ได้ มันเจ็บปวดมาก เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรที่เราคิดว่าเราทำผิด

เหตุการณ์ครั้งนั้นกระทบจิตใจครูขนาดไหน? ครูอ้วน : ก็กระทบอยู่มากนะคะ โรงเรียนเนี่ยอยู่ในซอยบ้าน เวลาที่เราออกจากบ้านโรงเรียนจะอยู่ทางขวา เราก็จะหันหน้าไปทางซ้าย มองไม่ได้มันรู้สึกเจ็บปวด แล้วก็คุณครูประจำชั้น ก็มาพูดในลักษณะที่ประมาณว่า “ฉันมีสามีและฉันก็มีลูก แล้วฉันยังมีนักเรียนอีก 25 คนที่ยังอยู่ในชั้นเรียน แล้วฉันจะต้องมาดูแลเธอเป็นกรณีพิเศษ เพราะฉะนั้นเธอไม่คิดว่าจะทำให้ฉันเหนื่อยจนเกินไปหรือ” เขาก็ให้เหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ แล้วเราก็เข้าใจนะ ทุกอย่างมันบีบเข้ามาให้เราพิจารณาตัวเอง แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวเป็นยังไง? ครูอ้วน : ก็ผ่านมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง โรงเรียนมีการจัดงานประจำปี ไม่ต่ำกว่าประมาณ 5-6 ปีผ่านไปนะ คือเวลามีรุ่นต่อ ๆ มาเรื่องราวของเราก็จะถูกพูดถึง และไม่เคยถูกลืมเลือนไปจากโรงเรียนเลย ก็มีอาจารย์จากที่โรงเรียนค่ะ มาที่บ้านแล้วก็บอกว่า “มณีนุชอยากเชิญไปร้องเพลงในงานศิษย์เก่า เพื่อเป็นเกียรติให้กับที่โรงเรียนหน่อย” เราก็งง ๆ นะ รู้สึกไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เราก็ตอบตกลงไปนะ แล้วตอนที่เราไปภาพหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนี่ย มันทำให้เราน้ำตาไหล เพราะว่าอาจารย์ท่านที่เคยเป็นอาจารย์ใหญ่ ท่านก็เป็นผู้ใหญ่มากแล้วสำหรับในงานนั้น ท่านก็เดินมาจากปรัมพิธี ซึ่งมาพร้อมกับดอกไม้ แล้วก็มายื่นดอกไม้ให้ เราก็ต้องโน้มตัวลงไปรับ แล้วอาจารย์ท่านนี้ก็พูดข้าง ๆ หูเราบอกว่า “ขอโทษในเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตอนนี้ครูเข้าใจ และรู้แล้วว่าครูผิด” ตอนนั้นเราร้องเพลงแค่จะไม่จบ พอลงจากเวทีทุกคนก็เงียบทั้งงานเลย เราก็เดินลงไปคุกเข่าแล้วก็ก้มกราบที่ตัก ต่างคนต่างก็ร้องไห้ มันเหมือนการทำลายกำแพงที่ค้างอยู่ทั้งหมดเลย

อยากให้ฝากอะไรถึงคนที่เจอเรื่องแย่ ๆ ในชีวิตหน่อย? ครูอ้วน : กำลังใจเป็นสิ่งที่เราจะต้องพูดกับตัวเองนะคะ เราอาจจะตั้งคำถามได้ว่า ทำไมมันเป็นอย่างนี้ เพราะอะไร เราทำอะไรผิดเหรอ สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่คิดได้ค่ะ คิดแต่ว่าเราต้องหาเหตุผลให้ได้ ซึ่งเหตุผลนั้นมันอาจจะไม่ได้มาจากเหตุผลของตัวเรา เพราะเรามักจะคิดเข้าข้างตัวเราเอง แต่เราจะต้องคิดฝ่ายเขาบ้าง ซึ่งอย่างตลอดมา ต้องยอมรับว่า เราก็มีความเจ็บปวด เรามีความเสียใจ เรามีความรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ แต่เหมือนกันเราต้องคิดด้านของอาจารย์บ้าง ถ้าอาจารย์จะต้องดูแลเด็กเยอะแยะมากมายเลย แล้วสังคมในตอนนั้นมันจะต้องเป็นแบบนั้น เราก็ต้องยอมรับสภาพในวันนั้นว่าเราเป็น “แกะดำ” เราแตกต่าง แต่พอเรามานึกในด้านของเรา มันเป็นความแตกต่างที่มันบวกหมดเลย ถ้าเราคิดในด้านของเราอย่างเดียว เราจะคิดว่าสังคมนี้ผิดหมดเลย เพราะฉะนั้นเราลองเปิดใจที่จะเข้าใจในฝ่ายตรงข้ามบ้าง มันจะทำให้ความรู้สึกของเราดีขึ้นค่ะ ย้อนกลับไป ตอนเด็ก เคยเกือบจมน้ำทะเลตาย? ครูอ้วน : เป็นเพียงแค่ว่า ชีวิตเนี่ยมันอยู่กับทะเล มันไม่มีพื้นดินเลย เพราะฉะนั้นเมื่อบ้านอยู่ในทะเล แล้วลองคิดดูถ้าเกิดว่ามันหลุดออกนอกประตูไป มันก็ไม่ได้ลงดินไง ชีวิตเราอยู่กับน้ำมาตั้งแต่เด็กๆ เราจะรู้ว่าถ้ามีเสียงแบบนี้น้ำมันกำลังจะขึ้น หรือน้ำมันกำลังจะลง ชีวิตมีความสุขมาก ๆ แล้วอย่างที่บอกการตกทะเลถือเป็นเรื่องปกติมาก พอตกปุ๊บแม่ก็พร้อมที่จะลงไปหยิบขึ้นมาทันที แล้วน้ำทะเลมันไม่จมนะ แต่ด้วยเวลาที่เราลงไปอยู่ในน้ำ เราจะไม่สามารถว่ายน้ำได้เหมือนคนที่ตัวโต หน้าเราก็จะคว่ำลงไป แล้วก็อาจจะนานหน่อย พอขึ้นมาหน้าก็จะเขียว ๆ เล็กน้อย แล้วก็สำลักน้ำอะไรประมาณนี้

เห็นว่ามีความในใจที่ยังไม่เคยพูดและอยากบอกคุณพ่อ คืออะไร ครูอ้วน : จริง ๆ เราก็อายุมากแล้วนะที่จะต้องมาพูดเกี่ยวกับการสูญเสียของคุณพ่อ ซึ่งมันก็นานมาแล้วด้วย แต่ว่าบางสิ่งบางอย่างถ้าเกิดว่ามันลึกอยู่ในหัวใจของเรานาน ๆ แล้วถ้าเกิดว่ามันได้หลุดออกมามันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราสบายใจขึ้น จริง ๆ มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ เลยทีเดียว ก็คือเรื่องของการที่เรารอ ซึ่งการรอมันเป็นสิ่งที่มันไม่จบ มันเป็นความหวัง คือวันที่คุณพ่อเสีย เป็นวันที่เรามีนัดกัน แล้วคุณพ่อก็ทราบว่าเราจะต้องไปประกวดที่ฮ่องกง แล้วคุณพ่อก็บอกว่าเดี๋ยวมาเอากระเป๋านะ การที่เราจะได้กระเป๋าของพ่อไปกับเราในวันเดินทางของเราแล้วมันเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เขายอมที่จะให้กระเป๋าของเขากับเรา มันสำคัญมาก มันคือคุณค่าทางจิตใจ ประกอบกับเขาถามว่า จะไปวันไหน สิ่งเหล่านั้นมันทำให้เราคิดว่า เขาจะไปกับเราด้วย และมันก็ทำให้เรารอ รอที่พ่อจะตัดสินใจ แล้วก็ไปอยู่ในสถานที่นั้นด้วยกัน ซึ่งมันก็ไม่มีวันนั้น คุณพ่อได้เสียไปก่อนวันที่เราจะเดินทางค่ะ

เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ? ครูอ้วน : เสียจากเรื่องเครื่องบินตกค่ะ ในสมัยก่อนประเทศไทยจะมีเครื่องบินอยู่ไม่กี่สาย หนึ่งในนั้นก็คือ บ.ด.ท. ซึ่งมันเป็นเครื่องบินลำเล็ก เขาเรียกว่า Afro แล้วก็ไปเจอในเรื่องของพายุภาคฤดูร้อน ในช่วงเดือนเมษายน ที่มันจะมีพายุหนัก ๆ ซึ่งมันจะเป็นอยู่อย่างนี้ทุกปี แล้วคุณพ่อก็เสียชีวิตก่อนที่เครื่องจะลงที่สนามบินดอนเมืองประมาณ 8 นาทีค่ะ วันนี้เป็นวันที่เราประสบความสำเร็จแล้ว อยากจะพูดอะไรกับคุณพ่อ? ครูอ้วน : เราก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากค่ะ คุณพ่อมีความภูมิใจในตัวเรา อย่างน้อยคุณพ่อก็ได้ฟังเพลงของเรา ติดตามข่าวของเรา แล้วก็มีความสุขค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่ายังมีชีวิตอยู่ บอกรักกันค่ะ อยากทำอะไรเราทำให้กัน ไม่ต้องเขินอาย ไม่ต้องคิดว่ารู้กันอยู่แล้วว่ารักแค่ไหน อย่าคิดอย่างนั้นค่ะ พูดเถอะ ทำเถอะ แล้วเราทั้งสองคนจะมีความสุขและเป็นความทรงจำที่ดีไปตลอดชีวิต โดยที่เราจะไม่รู้สึกว่าเราขาดอะไร หรือเราพลาดที่เราจะทำอะไรให้กันเลยค่ะ

คลิปสัมภาษณ์ ครูอ้วน มณีนุช

ที่มา รายการ คุยแซ่บShow

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0