‘การเกณฑ์ทหาร’ ยังจำเป็นอยู่มั้ย? ในเมื่อยุคสมัยได้เปลี่ยนไปแล้ว
BY : TEERAPAT LOHANAN
เรื่องการเกณฑ์ทหารยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอย่างไม่ขาดสายในทุกวันนี้ และยิ่งเมื่อในกระแสการเลือกตั้งที่กำลังครุกรุ่นอยู่ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองไหน ๆ ต่างก็กำลังพูดถึง เรื่องของการเกณฑ์ทหาร และเรื่องของการตัดงบกระทรวงกันอยู่ทั่วทุกสารทิศ รวมไปถึงนักวิชาการและชาวเน็ตต่าง ๆ ที่จับประเด็นนี้ชูขึ้นมาให้ได้เป็นข้อถกเถียงกันผ่านโซเชียลมีเดีย
ยิ่งประกอบกับในยุคสมัยนี้ที่สภาพเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงต่ำอยู่ทุกวี่วัน ชาวบ้านแทบจะไม่มีข้าวให้กิน ปัญหาปากท้องเกิดขึ้นในทุกภูมิภาค เรายังจำเป็นที่จะต้องมีทหารเพื่อเผาผลาญงบประมาณจากภาษีที่พวกเราเป็นคนจ่ายอยู่อีกจริงหรือ
หากพูดกันด้วยเรื่องระบบของ ทหาร หรือหน้าที่ตามหลักการการมีอยู่ของทหารแล้ว ทหารนั้นมีไว้เพื่อปกป้องประเทศ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใด ๆ ไม่ว่าเราจะมีศึกสงครามหรือประเทศจะสงบสุขขนาดไหนก็ตาม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในเรื่องที่ระบอบการเกณฑ์ทหารของชาติตะวันตกนั้นได้ถูกเปลี่ยนแปลงการจัดการให้เป็นไปในรูปแบบของการ อาสาสมัคร (ประเทศไทยคือจับใบดำ ใบแดง) และมีระบบการฝึกที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงค่าตอบแทนและการเลี้ยงดูเหล่าทหารอาสาสมัครเหล่านั้นเป็นอย่างดี ทำให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น และมีงบประมาณเหลือเพื่อได้สามารถนำไปพัฒนาประเทศในอีกหลาย ๆ ส่วนได้
เมื่อมองอย่างนี้แล้ว หันกลับมาที่ประเทศของเรา ที่ต้องการจะมีกองกำลังขนาดใหญ่เข้าไว้ เราจะพบว่าประเทศของเรามีแนวคิดที่ค่อนข้างจะล้าหลังในเรื่องของกำลังพลสำหรับการสงคราม อยู่ค่อนข้างไกลจากความเป็นสากลของโลก ที่ไม่จำเป็นจะต้องมีกำลังพลในรูปแบบของกองกำลังขนาดใหญ่อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากรูปแบบของสงครามที่เกิดขึ้นในโลกเราได้ถูกเปลี่ยนไปอย่างเห็นภาพได้ชัดเจนแล้ว ตั้งแต่หลังการสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่ออาวุธแห่งวิทยาศาสตร์หรือนิวเคลียร์ ได้ถูกทิ้งลงไปที่เมือง ฮิโรชิม่าและนางาซากิ
สงครามถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามด้วยยุคสมัยใหม่เรียบร้อยแล้ว การรบระหว่าง รัฐหนึ่งกับอีกรัฐหนึ่งนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นในประเทศทางฝั่งตะวันตกจึงได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทหารให้เป็นไปตามยุคสมัย ที่ปัจจุบันเป็นการก่อการร้ายของกลุ่มหัวรุนแรงมากกว่า
แต่ในประเทศไทย เรายังคงต้องการที่จะสั่งสมกำลังพลเพื่อจะได้มีกำลังรบขนาดใหญ่ (โดยใช้เหตุผลประกอบว่าประเทศเพื่อนบ้านเราก็มีกำลังพลอย่างนี้) นั่นหมายถึงว่า เรากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดสงครามกับเพื่อนบ้านอย่างนั้นหรือ?
ประเทศไทยยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ของระบอบนี้เลย และด้วยวาทกรรมเกี่ยวกับชาติ ที่ว่ากันว่า การเป็นทหารคือการรับใช้ชาติ ยังคงฝังรากลึกไปในระบบความคิดของคนไทย ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามที่พูดถึง หรือต้องการปรับเปลี่ยนระบบนี้ จะถูกสาดโคลนใส่ทันทีว่าเป็นพวกที่ไม่รักชาติ
ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น สังคมเราไม่ได้อยู่ได้ด้วยอาชีพเดียว ความซับซ้อนของสังคมเหมือนเป็นนาฬิกาที่มีฟันเฟืองหลายอันซ้อนอยู่ ฟันเฟืองตัวเดียวหมุนนาฬิกาไม่ได้ ทุกอาชีพมีหน้าที่รับใช้รัฐและสร้างรัฐด้วยกันทั้งหมด ทุกอาชีพคือหนึ่งฟันเฟืองในนาฬิกาที่ต้องหมุนไปด้วยกัน ไม่ได้เกี่ยวกับว่าใครประกอบอาชีพไหนแล้วจะมีสามัญสำนึกรักชาติมากไปกว่าใครเลย
ซึ่งทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ก็ได้มีการตอบโต้กลับมาเมื่อวันที่ (18 กุมภาพันธ์ 2562) ในเชิงชี้แจงถึงความสำคัญในการที่ต้องเกณฑ์ทหาร เพื่อมารับใช้ชาติตามรัฐธรรมนูญ และไม่ว่าอย่างไรการเป็นทหารก็เป็นหน้าที่ของชายไทยที่ต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน และในเรื่องการจัดสรรงบประมาณกระทรวงกลาโหม ก็เป็นไปเพราะต้องซื้อของมาแทนที่ของเก่าที่ใช้งานมา 30-40 ปีแล้ว และไม่สามารถจะซ่อมแซมได้อีก
“การหาเสียงจะเอาแต่สนุกปาก พูดอะไรก็ได้ไม่ต้องนึกถึงประเทศชาติและความเป็นจริง วันหน้าถ้าเกิดอะไรขึ้นมาต้องรับผิดชอบด้วยทั้งหมด ทั้งเรื่องภัยพิบัติ เกิดน้ำท่วม ก็มีทหารเท่านั้นที่ออกไปทำงานได้ ยุทโธปกรณ์ทหารกว่า 50% ใช้เพื่อดูแลประชาชนทั้งสิ้น ไม่ใช่เก็บไว้ใช้ทางทหารเท่านั้น แต่ถ้าไปตัดงบและสิ่งเหล่านี้หายไปทั้งหมดจะทำอย่างไรเพราะทุกอย่างมีอายุการใช้งานทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวเอาไว้
แล้วท่านผู้อ่านล่ะคิดว่าในยุคสมัยนี้การเกณฑ์ทหารยังจำเป็นอยู่มั้ย?
อ้างอิง : https://thestandard.co/thailandelection2562-prayut-military-service/
ภาพประกอบ
http://100mtb22.blogspot.com/2013/04/blog-post_9966.html
https://www.phenkhao.com/contents/404951
https://voicetv.co.th/read/Hk1iuRpcf
