โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

​โควิด-19 ทำให้วิกฤตโลกร้อนดีขึ้นจริงหรือ?

Businesstoday

เผยแพร่ 01 มิ.ย. 2563 เวลา 09.10 น. • Businesstoday
​โควิด-19 ทำให้วิกฤตโลกร้อนดีขึ้นจริงหรือ?

นับตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 ที่ได้สร้างความปั่นป่วนแก่สังคมโลกในหลายแง่มุมโดยเฉพาะผลกระทบทางลบต่อเศรษฐกิจประเด็นที่หลายคนมักพูดถึงและกลับถูกมองในด้านดีคือโควิด-19 ได้ทำให้ปัญหาวิกฤตโลกร้อนคลี่คลายลงสะท้อนจากคุณภาพสิ่งแวดล้อมและอากาศที่ดีขึ้นจากการหยุดชะงักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ผู้เขียนยังจำภาพถ่ายดาวเทียมขององค์กรนาซาในประเทศจีนได้ดีซึ่งแสดงปริมาณมลภาวะที่ลดลงอย่างมากในช่วงเวลาเพียงแค่ 1 เดือนจากผลของมาตรการปิดเมืองและปิดโรงงานที่ทำให้มลพิษที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมลดลงไปโดยปริยาย

ดังนั้นคำถามสำคัญที่ตามมาคือโควิด-19 ทำให้สถานการณ์วิกฤตโรคร้อนดีขึ้นแล้วจริงหรือไม่? วันนี้จึงมาชวนท่านผู้อ่านคิดและตีแผ่ความจริงที่หลายท่านอาจไม่เคยได้ยินดังนี้ครับ

1. แม้คุณภาพอากาศจะดีขึ้นจริงในระยะสั้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก แต่โควิด-19 ไม่ได้ช่วยให้วิกฤตโลกร้อนดีขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะปัญหาขยะของเสียและพลาสติกที่เพิ่มพูนขึ้น: 

เมื่อช่วงต้นเดือนเม.ย. 63 ผู้อำนวยการโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้ออกมาชี้แจงว่าโควิด-19 ไม่ควรถูกมองว่า “เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม” โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาซึ่งทำให้คุณภาพอากาศดีขึ้นและปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงล้วนเป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้นเพราะอย่าลืมว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่นี้ส่งผลให้ปริมาณขยะทางการแพทย์และของเสียอันตรายรวมทั้งขยะพลาสติกที่เกิดจากการบริโภคอาหารที่ส่งถึงบ้านโดยเฉพาะหีบห่อแบบใช้ครั้งเดียวเพิ่มขึ้นมากมายหากมนุษย์ยังไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการผลิตและบริโภคให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นวิกฤตโลกร้อนก็จะยังคงอยู่และรุนแรงขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน

2. การแก้ไขปัญหาโลกร้อนอาจถูกลดความสำคัญลงในช่วงระยะการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤต และจะยิ่งซ้ำเติมให้วิกฤตโลกร้อนรุนแรงขึ้นอีก: 

เมื่อวิกฤตโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้วการฟื้นฟูเศรษฐกิจจะเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆของรัฐบาลในแต่ละประเทศการตัดสินใจฟื้นฟูด้วยวิธีการใดขึ้นอยู่กับแนวนโยบายของแต่ละประเทศเพราะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวสามารถจะทำได้ควบคู่ไปกับการรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอาทิการลงทุนในพลังงานทดแทนการขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือนโยบายของบางประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯภายใต้การนำทิศทางของประธานาธิบดีทรัมป์ (และจะยังคงนำต่อหากได้รับเลือกตั้งกลับมาในปลายปีนี้) และได้ถอนตัวออกจากความตกลงปารีสว่าด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปแล้วจะเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยทิศทางใด?

ผู้เขียนคาดว่าทรัมป์จะเดินหน้าฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตอย่างเต็มกำลังและจะเร่งผลิตโดยไม่ได้ให้ความใส่ใจกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกซ้ำเติมด้วยรัฐบาลในหลายประเทศที่อาจให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาดลดลงด้วยเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันปรับลดลงมากจากสงครามราคาน้ำมันและมองไปข้างหน้าราคาน้ำมันก็จะยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำส่วนหนึ่งจากอุปสงค์โลกที่หดตัวทำให้ไม่มีแรงจูงใจที่ประเทศต่างๆจะหันไปใช้พลังงานสะอาดทดแทนซึ่งมีราคาสูงกว่า

3. การเพิ่มขึ้นของปริมาณการสัญจรบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Internet traffic) และปริมาณของดิจิทัลดาต้า โดยเฉพาะในระบบคลาวด์ (Cloud) ที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงการกักตัวที่บ้าน ได้เร่งให้วิกฤตโลกร้อนแย่ลงในระยะยาว โดยเฉพาะจากการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างท่วมท้น: 

การใช้อินเทอร์เน็ตและดิจิทัลดาต้าอย่างไม่ระมัดระวังเช่นการชมภาพยนตร์หรือซีรีย์จากสตรีมมิ่งวิดีโอเพื่อความบันเทิงตลอดทั้งวันนำมาซึ่งการใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์ที่ต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้ามหาศาลและมักเป็นประเด็นที่หลายคนมองข้ามในมุมมองของผู้เขียนเห็นว่าเมื่อสังคมโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบทุกคนควรตระหนักถึงเหรียญอีกด้านหนึ่งของอินเทอร์เน็ตและนวัตกรรมที่มาพร้อมกับมันด้วย… แน่นอนว่าการใช้อินเทอร์เน็ตและดิจิทัลดาต้าสร้างคุณประโยชน์อย่างมหาศาลและจำเป็นต้องใช้ในการทำงานแต่สิ่งที่ผู้เขียนชวนคิดคือ“ทุกครั้งที่ใช้เราควรใช้ด้วยความตระหนักรู้ถึงประโยชน์และโทษภัยของมันและพึงใช้อย่างพอดีเท่าที่จำเป็น”

โดยสรุปแล้วหากเราไม่ร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตั้งแต่วันนี้โทษภัยของวิกฤตโลกร้อนจะมาหาเราทุกคนโดยไม่ทันตั้งตัวอย่างแน่นอนเฉกเช่นเดียวกับวิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ที่มาแบบเงียบเชียบยืดเยื้อรุนแรงและสร้างผลกระทบต่อพวกเราเป็นอย่างยิ่งครับ!

นายสุพริศร์ สุวรรณิกฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0