โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

แฟชั่น บิวตี้

ไอเทมกู้ชีพสำหรับ "ผิวขาดน้ำ" จาก 2 แบรนด์ดังอย่าง BIODERMA & INSTITUT ESTHEDERM

SistaCafe

อัพเดต 17 ก.พ. 2563 เวลา 18.10 น. • เผยแพร่ 17 ก.พ. 2563 เวลา 04.31 น. • wanvismo

ปัญหา "ผิวขาดน้ำ" นับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของใครหลายต่อหลายคน ซึ่งจากที่เราได้ลองสอบถามหลายๆ คนพบว่า ส่วนใหญ่จะลืมให้ความสำคัญเรื่อง "การเติมน้ำให้ผิว" เพราะเข้าใจว่าประเทศเราเป็นเมืองร้อน ชื้น เหงื่อออกง่าย และมักจะมีปัญหาผิวมันร่วมด้วย ทำให้ข้ามขั้นตอนการเติมน้ำให้ผิวไป

กว่าจะรู้ตัวผิวก็เกิดอาการแห้งกร้าน หรือหนักหน่อยก็เกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมาให้เจ็บปวดหัวใจ แต่สำหรับเราด้วยความที่เรามักจะมีสิวอุดตัน สิวเสี้ยนขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เราต้องใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวอย่าง BHA เพื่อขจัดการปัญหาเหล่านั้น แต่พอใช้ไปนานๆ เข้ากลายเป็นว่าผิวเราดันระคายเคือง และแห้งลอกซะนี่!!

วันนี้เราเลยหยิบไอเท็มกู้ชีพสำหรับ "ผิวขาดน้ำ" ที่ได้มาจากการไปร่วมกิจกรรมจากทา Jeban x NAOS มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันถึง 2 แบรนด์ ได้แก่ BIODERMA และ INSTITUT ESTHEDERM เอาเป็นว่าแต่ละแบรนด์มีอะไรบ้างไปชมรีวิวกันเลยฮะ…

BIODERMA HYDRABIO H2O (500ml)

BIODERMA HYDRABIO H2O
BIODERMA HYDRABIO H2O

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าและเช็ดเครื่องสำอางสูตรน้ำ (Cleansing Water) ชนิดไม่ต้องล้างออก อ่อนโยนและคงความชุ่มชื้น ใส่ใจในผิวที่บอบบาง

Texture / Scent / Packaging

BIODERMA HYDRABIO H2O
BIODERMA HYDRABIO H2O
  • Texture : เนื้อผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบ Liquid ใส โปร่งแสง แต่ต้องใช้น้องคนนี้ร่วมกับสำลีเพื่อเช็ดทำความสะอาด ซึ่งเรามีทริคนิดนึง คือ แนะนำให้เพื่อนๆ เลือกสำลีที่มีคุณภาพ ไม่บาดผิว แล้วเทผลิตภัณฑ์ให้ชุ่มๆ(ห้ามงกเน้อ!) จากนั้นให้เช็ดอย่างเบามือ เพื่อลดแรงที่กระทำกับผิว และลดการระคายเคืองให้ได้มากที่สุดขอรับ

  • Scent : Makeup Remover ขวดนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม(Fragrance Component) ซึ่งกลิ่นก็ทำออกมาได้หอมละมุนๆ กำลังดี ไม่ได้ฉุนจนเกินไป แต่ถ้าใครแพ้น้ำหอม หรือผิวระคายเคืองง่ายอยู่แล้ว เราแนะนำให้ใช้สูตร "Sensibio" แทนขอรับ

  • Packaging : ด้วยเหตุว่าไซส์ที่เราได้มามีปริมาณถึง 500ml. ซึ่งก็ถือว่าขวดใหญ่เบิ้มอยู่พอตัว ถึงแม้ว่าการเปิดฝาแล้วเทผลิตภัณฑ์จะไม่ใช่เรื่องลำบากลำบนอะไร แต่เราก็ยังแอบคิดว่าถ้าเป็นแบบหัวปั๊มน่าจะใช้งานง่ายกว่านี้ไม่น้อยเลยหละฮะ

Key Ingredient

  • PEG-6 CAPRYLIC/CAPRIC GLYCERIDES : หรือที่รู้จักในชื่อ Cetiol 767 เป็นสาร Surfactant(สารลดแรงตึงผิว) ชนิดไม่มีประจุ หรือ non-ionic ซึ่งสารชำระล้างตัวนี้จะมีความอ่อนโยนต่อผิวมากเป็นพิเศษ สามารถทำละลายและกระจายตัวเข้าสู่รูขุมขนเพื่อดึงสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางที่ติดแน่นบนผิวได้ดี

  • Fructo Oligosaccharide (FOS) : คือ กลุ่มน้ำตาลฟรุกโตส หรือกลุ่มพรีไบโอติกส์ ซึ่งพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ที่เป็นอาหารของโปรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งมีความจำเป็นต่อแบคทีเรียชนิดที่มีประโยชน์กับผิว ซึ่งหากผิวเรามี Prebiotic และ Probiotic ที่เพียงพอจะส่งผลให้ผิวเกิดความสมดุล และแข็งแรงขึ้นนั่นเองฮะ

  • RHAMNOSE : น้ำตาลแรมโนสเกิดด้วยวิธีบ่มแบคทีเรียธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติหลายด้าน เช่น ปกป้องผิวจากแบคทีเรียชนิดต่างๆ ลดการอักเสบของผิว ซึ่งจากการทดลองของผู้ผลิตพบว่าการใช้ Rhamnose ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ความเข้มข้น 3% สามารถปกป้องผิวจากการก่อตัวของ P.Acnes Bacteria(แบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดสิว) ได้ถึง48% และ Staphylococcus Aereus (แบคทีเรียที่ทำให้เกิด Atopic Dermatitis) 28% และ Staphylococcus Epidermidis (แบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น) 24%

แถมยังมี Sugar Alcohol อย่าง MANNITOL และ XYLITOL ที่มีประโยชน์หลากหลายด้านต่อผิว อาทิ ลดการระคายเคือง ต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี เรียกว่าเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างลงตัวทีเดียวเชียวหละ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังแอบอยากให้ตัดน้ำหอมออกอยู่ดีแหละครับ

Let's Try…

เราได้ลองเช็ดเมคอัพด้วย BIODERMA HYDRABIO H2O ทีละครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง และดูประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเมคอัพ พบว่า…
เราได้ลองเช็ดเมคอัพด้วย BIODERMA HYDRABIO H2O ทีละครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง และดูประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเมคอัพ พบว่า…
คราบเมคอัพหลุดออกมาได้ดี แม้จะเช็ดด้วยแรงที่ค่อนข้างเบาก็ตาม โดยเราจะใช้วิธีการแปะสำลีไว้ประมาณ 5-10 แล้วลากออกเบาๆ เพื่อให้ BIODERMA HYDRABIO H2O จับกับคราบเมคอัพและความมันบนผิวได้ดีขึ้น
คราบเมคอัพหลุดออกมาได้ดี แม้จะเช็ดด้วยแรงที่ค่อนข้างเบาก็ตาม โดยเราจะใช้วิธีการแปะสำลีไว้ประมาณ 5-10 แล้วลากออกเบาๆ เพื่อให้ BIODERMA HYDRABIO H2O จับกับคราบเมคอัพและความมันบนผิวได้ดีขึ้น
ซึ่งเมื่อเราลองเทียบผลลัพธ์ระหว่างด้านที่เช็ดคราบเมคอัพด้วย BIODERMA HYDRABIO H2O กับด้านที่ยังมีเมคอัพอยู่ จะเห็นว่าด้านที่เช็ดเมคอัพออกแล้วยังดูชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง (สังเกตได้จากการสะท้อนแสงบริเวณโหนกแก้ม)
ซึ่งเมื่อเราลองเทียบผลลัพธ์ระหว่างด้านที่เช็ดคราบเมคอัพด้วย BIODERMA HYDRABIO H2O กับด้านที่ยังมีเมคอัพอยู่ จะเห็นว่าด้านที่เช็ดเมคอัพออกแล้วยังดูชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง (สังเกตได้จากการสะท้อนแสงบริเวณโหนกแก้ม)

BIODERMA HYDRABIO SÉRUM (40ml./1,390.-)

BIODERMA HYDRABIO SÉRUM
BIODERMA HYDRABIO SÉRUM

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ BIODERMA ในไลน์ HYDRABIO ซึ่งมาในรูปแบบเซรั่มที่นอกจากจะช่วยเรื่องผิวขาดน้ำแล้ว ยังช่วยลดอาการหมองคล้ำ(ซึ่งเกิดจากการขาดน้ำ) รวมถึงยังช่วยในเรื่องของริ้วรอยร่องตื้น(Fine Line) ได้อีกด้วย

Texture / Scent / Packaging

BIODERMA HYDRABIO SÉRUM
BIODERMA HYDRABIO SÉRUM
  • Texture : เนื้อเซรั่มมีความเข้มข้นพอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อเซรั่มซึมเข้าสู่ผิวและเซทตัวดีแล้วไม่ทิ้งความเหนอะ ให้รำคาญผิวเลยแม่แต่น้อย แต่กลับให้ความชุ่มชื้นได้พอดิบพอดี

  • Scent : แอบเสียดายเล็กน้อยเพราะน้องคนนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม แต่ยังอภัยให้ได้อยู่เพราะกลิ่นที่ใส่มาไม่รุนแรงมาก ออกไปทางหอมซะด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็แอบหวังใจให้ตัดน้ำหอมออกอยู่เน้อ

  • Packaging : เป็นบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบ Airless Pump ที่เราเลิฟ ไม่ต้องมานั่งระวังว่าจะปนเปื้อน หรือเผลอลืมปิดฝาให้วุ่นวาย #กดไลค์รัวๆ ให้สิ่งนี้

Key Ingredients

  • PYRUS MALUS (APPLE) FRUIT EXTRACT : สารสกัดจาก Apple สายพันธุ์หนึ่งซึ่งทางผู้ผลิตเคลมว่าอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และสารบำรุงผิวมากกว่า 5 ชนิด มีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนในร่างกายตามธรรมชาติ จะไปทดแทนฮอร์โมนที่ลดลงในผิวที่มีอายุมากขึ้นเพื่อเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และไฟโบบลาสของผิวหนัง และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวหนังได้อีกด้วย

  • SODIUM HYALURONATE : รูปเกลือของ Hyaluronic acid มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่า สามารถจับโมเลกุลของน้ำได้ประมาณ 1000 เท่าของน้ำหนักตัว ขนาดโมเลกุลที่เล็กลงมีผลต่อการซึมผ่านเข้าสู่ผิวที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีความคงตัวที่มากขึ้นด้วย มีความน่าสนใจในแง่ที่ให้ความชุ่มชื้นที่เพียงพอแก่ผิวนั่นเองฮะ

  • NIACINAMIDE : เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อผิวในหลายด้าน อาทิ ช่วยลดริ้วรอย ลดรอยแดง/ดำ(hyperpigment) เพิ่มความชุ่มชื้น ด้วยการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน และเซราไมด์ (ceramide) และยังทำให้ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับการระคายเคือง (irritants) ต่างๆได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถลดความมันบนใบหน้า (sebum excretion) และยังเป็น Whitening อีกด้วย

Let's Try…

BIODERMA HYDRABIO SÉRUM
BIODERMA HYDRABIO SÉRUM

ต้องบอกว่าเซรั่มขวดนี้เป็นซึ่งที่เราใช้อยู่แล้ว และเป็นหนึ่งในเซรั่มที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวในวันที่เราเจอปัญหาผิวแห้งลอกจากการใช้ BHA ได้เป็นอย่างดีเชียวหละ เราขอหยิบภาพ Before-After ที่เราเคยทำไว้ในครั้งที่แล้วมาให้ชมแล้วกันเน้อ…

จะสังเกตว่าบริเวณข้างแก้มจากที่มีอาการแห้งลอกเป็นขุยเล็กๆ หลังใช้ดูดีขึ้น แถมความมันส่วนเกินบนผิวยังดูลดลงอีกด้วย นอกจากนี้เรายังรู้สึกว่าผิวดูกระจ่างใสขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากผลของการที่ผิวได้รับความชุ่มชื้นที่เพียงพอ ร่วมกับส่วนผสมที่เป็น Whitening Agent อย่าง Niacinamide เนี่ยแหละฮะ

INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM(30ml.)

ปัญหา "ผิวขาดน้ำ" นับว่าเป็นเรื่องที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของใครหลายต่อหลายคน ซึ่งจากที่เราได้ลองสอบถามหลายๆ คนพบว่า ส่วนใหญ่จะลืมให้ความสำคัญเรื่อง "การเติมน้ำให้ผิว" เพราะเข้าใจว่าประเทศเราเป็นเมืองร้อน ชื้น เหงื่อออกง่าย และมักจะมีปัญหาผิวมันร่วมด้วย ทำให้ข้ามขั้นตอนการเติมน้ำให้ผิวไป

กว่าจะรู้ตัวผิวก็เกิดอาการแห้งกร้าน หรือหนักหน่อยก็เกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมาให้เจ็บปวดหัวใจ แต่สำหรับเราด้วยความที่เรามักจะมีสิวอุดตัน สิวเสี้ยนขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เราต้องใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวอย่าง BHA เพื่อขจัดการปัญหาเหล่านั้น แต่พอใช้ไปนานๆ เข้ากลายเป็นว่าผิวเราดันระคายเคือง และแห้งลอกซะนี่!!

วันนี้เราเลยหยิบไอเท็มกู้ชีพสำหรับ "ผิวขาดน้ำ" ที่ได้มาจากการไปร่วมกิจกรรมจากทา Jeban x NAOS มาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันถึง 2 แบรนด์ ได้แก่ BIODERMA และ INSTITUT ESTHEDERM เอาเป็นว่าแต่ละแบรนด์มีอะไรบ้างไปชมรีวิวกันเลยฮะ…

BIODERMA HYDRABIO H2O(500ml/950.-)

BIODERMA HYDRABIO H2O
BIODERMA HYDRABIO H2O

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าและเช็ดเครื่องสำอางสูตรน้ำ(Cleansing Water) ชนิดไม่ต้องล้างออก อ่อนโยนและคงความชุ่มชื้น ใส่ใจในผิวที่บอบบาง

Texture / Scent / Packaging

BIODERMA HYDRABIO H2O
BIODERMA HYDRABIO H2O
  • Texture : เนื้อผลิตภัณฑ์มาในรูปแบบ Liquid ใส โปร่งแสง แต่ต้องใช้น้องคนนี้ร่วมกับสำลีเพื่อเช็ดทำความสะอาด ซึ่งเรามีทริคนิดนึง คือ แนะนำให้เพื่อนๆ เลือกสำลีที่มีคุณภาพ ไม่บาดผิว แล้วเทผลิตภัณฑ์ให้ชุ่มๆ(ห้ามงกเน้อ!) จากนั้นให้เช็ดอย่างเบามือ เพื่อลดแรงที่กระทำกับผิว และลดการระคายเคืองให้ได้มากที่สุดขอรับ

  • Scent : Makeup Remover ขวดนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม(Fragrance Component) ซึ่งกลิ่นก็ทำออกมาได้หอมละมุนๆ กำลังดี ไม่ได้ฉุนจนเกินไป แต่ถ้าใครแพ้น้ำหอม หรือผิวระคายเคืองง่ายอยู่แล้ว เราแนะนำให้ใช้สูตร "Sensibio" แทนขอรับ

  • Packaging : ด้วยเหตุว่าไซส์ที่เราได้มามีปริมาณถึง 500ml. ซึ่งก็ถือว่าขวดใหญ่เบิ้มอยู่พอตัว ถึงแม้ว่าการเปิดฝาแล้วเทผลิตภัณฑ์จะไม่ใช่เรื่องลำบากลำบนอะไร แต่เราก็ยังแอบคิดว่าถ้าเป็นแบบหัวปั๊มน่าจะใช้งานง่ายกว่านี้ไม่น้อยเลยหละฮะ

Key Ingredient

  • PEG-6 CAPRYLIC/CAPRIC GLYCERIDES : หรือที่รู้จักในชื่อ Cetiol 767 เป็นสาร Surfactant(สารลดแรงตึงผิว) ชนิดไม่มีประจุ หรือ non-ionic ซึ่งสารชำระล้างตัวนี้จะมีความอ่อนโยนต่อผิวมากเป็นพิเศษ สามารถทำละลายและกระจายตัวเข้าสู่รูขุมขนเพื่อดึงสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางที่ติดแน่นบนผิวได้ดี

  • Fructo Oligosaccharide (FOS) : คือ กลุ่มน้ำตาลฟรุกโตส หรือกลุ่มพรีไบโอติกส์ ซึ่งพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) ที่เป็นอาหารของโปรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งมีความจำเป็นต่อแบคทีเรียชนิดที่มีประโยชน์กับผิว ซึ่งหากผิวเรามี Prebiotic และ Probiotic ที่เพียงพอจะส่งผลให้ผิวเกิดความสมดุล และแข็งแรงขึ้นนั่นเองฮะ

  • RHAMNOSE : น้ำตาลแรมโนสเกิดด้วยวิธีบ่มแบคทีเรียธรรมชาติ ซึ่งมีคุณสมบัติหลายด้าน เช่น ปกป้องผิวจากแบคทีเรียชนิดต่างๆ ลดการอักเสบของผิว ซึ่งจากการทดลองของผู้ผลิตพบว่าการใช้ Rhamnose ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ความเข้มข้น 3% สามารถปกป้องผิวจากการก่อตัวของ P.Acnes Bacteria(แบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดสิว) ได้ถึง48% และ Staphylococcus Aereus (แบคทีเรียที่ทำให้เกิด Atopic Dermatitis) 28% และ Staphylococcus Epidermidis (แบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น) 24%



แถมยังมี Sugar Alcohol อย่าง MANNITOL และ XYLITOL ที่มีประโยชน์หลากหลายด้านต่อผิว อาทิ ลดการระคายเคือง ต้านอนุมูลอิสระ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดี เรียกว่าเป็นส่วนผสมที่ค่อนข้างลงตัวทีเดียวเชียวหละ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังแอบอยากให้ตัดน้ำหอมออกอยู่ดีแหละครับ

Let's Try…

เราได้ลองเช็ดเมคอัพด้วย BIODERMA HYDRABIO H2O ทีละครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง และดูประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเมคอัพ พบว่า…
เราได้ลองเช็ดเมคอัพด้วย BIODERMA HYDRABIO H2O ทีละครึ่งหน้า เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง และดูประสิทธิภาพในการทำความสะอาดเมคอัพ พบว่า…

คราบเมคอัพหลุดออกมาได้ดี แม้จะเช็ดด้วยแรงที่ค่อนข้างเบาก็ตาม โดยเราจะใช้วิธีการแปะสำลีไว้ประมาณ 5-10 แล้วลากออกเบาๆ เพื่อให้ BIODERMA HYDRABIO H2O จับกับคราบเมคอัพและความมันบนผิวได้ดีขึ้น

ซึ่งเมื่อเราลองเทียบผลลัพธ์ระหว่างด้านที่เช็ดคราบเมคอัพด้วย BIODERMA HYDRABIO H2O กับด้านที่ยังมีเมคอัพอยู่ จะเห็นว่าด้านที่เช็ดเมคอัพออกแล้วยังดูชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง (สังเกตุได้จากการสะท้อนแสงบริเวณโหนกแก้ม)

BIODERMA HYDRABIO SÉRUM (40ml.)

BIODERMA HYDRABIO SÉRUM
BIODERMA HYDRABIO SÉRUM

อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ BIODERMA ในไลน์ HYDRABIO ซึ่งมาในรูปแบบเซรั่มที่นอกจากจะช่วยเรื่องผิวขาดน้ำแล้ว ยังช่วยลดอาการหมองคล้ำ(ซึ่งเกิดจากการขาดน้ำ) รวมถึงยังช่วยในเรื่องของริ้วรอยร่องตื้น(Fine Line) ได้อีกด้วย

Texture / Scent / Packaging

  • Texture : เนื้อเซรั่มมีความเข้มข้นพอสมควรเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อเซรั่มซึมเข้าสู่ผิวและเซทตัวดีแล้วไม่ทิ้งความเหนอะ ให้รำคาญผิวเลยแม่แต่น้อย แต่กลับให้ความชุ่มชื้นได้พอดิบพอดี

  • Scent : แอบเสียดายเล็กน้อยเพราะน้องคนนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม แต่ยังอภัยให้ได้อยู่เพราะกลิ่นที่ใส่มาไม่รุนแรงมาก ออกไปทางหอมซะด้วยซ้ำ แต่ถ้าเป็นไปได้เราก็แอบหวังใจให้ตัดน้ำหอมออกอยู่เน้อ

  • Packaging : เป็นบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบ Airless Pump ที่เราเลิฟ ไม่ต้องมานั่งระวังว่าจะปนเปื้อน หรือเผลอลืมปิดฝาให้วุ่นวาย #กดไลค์รัวๆ ให้สิ่งนี้

Key Ingredients

  • PYRUS MALUS (APPLE) FRUIT EXTRACT : สารสกัดจาก Apple สายพันธุ์หนึ่งซึ่งทางผู้ผลิตเคลมว่าอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และสารบำรุงผิวมากกว่า 5 ชนิด มีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนในร่างกายตามธรรมชาติ จะไปทดแทนฮอร์โมนที่ลดลงในผิวที่มีอายุมากขึ้นเพื่อเข้าสู่กระบวนการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และไฟโบบลาสของผิวหนัง และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสภาพผิวหนังได้อีกด้วย

  • SODIUM HYALURONATE : รูปเกลือของ Hyaluronic acid มีขนาดโมเลกุลเล็กกว่า สามารถจับโมเลกุลของน้ำได้ประมาณ 1000 เท่าของน้ำหนักตัว ขนาดโมเลกุลที่เล็กลงมีผลต่อการซึมผ่านเข้าสู่ผิวที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีความคงตัวที่มากขึ้นด้วย มีความน่าสนใจในแง่ที่ให้ความชุ่มชื้นที่เพียงพอแก่ผิวนั่นเองฮะ

  • NIACINAMIDE : เป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อผิวในหลายด้าน อาทิ ช่วยลดริ้วรอย ลดรอยแดง/ดำ(hyperpigment) เพิ่มความชุ่มชื้น ด้วยการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน และเซราไมด์ (ceramide) และยังทำให้ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับการระคายเคือง (irritants) ต่างๆได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถลดความมันบนใบหน้า (sebum excretion) และยังเป็น Whitening อีกด้วย

Let's Try…

BIODERMA HYDRABIO SÉRUM
BIODERMA HYDRABIO SÉRUM

ต้องบอกว่าเซรั่มขวดนี้เป็นซึ่งที่เราใช้อยู่แล้ว และเป็นหนึ่งในเซรั่มที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวในวันที่เราเจอปัญหาผิวแห้งลอกจากการใช้ BHA ได้เป็นอย่างดีเชียวหละ เราขอหยิบภาพ Before-After ที่เราเคยทำไว้ในครั้งที่แล้วมาให้ชมแล้วกันเน้อ…

จะสังเกตว่าบริเวณข้างแก้มจากที่มีอาการแห้งลอกเป็นขุยเล็กๆ หลังใช้ดูดีขึ้น แถมความมันส่วนเกินบนผิวยังดูลดลงอีกด้วย นอกจากนี้เรายังรู้สึกว่าผิวดูกระจ่างใสขึ้น ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจากผลของการที่ผิวได้รับความชุ่มชื้นที่เพียงพอ ร่วมกับส่วนผสมที่เป็น Whitening Agent อย่าง Niacinamide เนี่ยแหละฮะ

INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM(30ml.)

INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM
INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM

เซรั่มเติมความชุ่มชื้นที่มีไฮยาลูรอนความเข้มข้นสูงถูกบรรจุไว้ในแคปซูล เพื่อการส่งผ่านและแตกตัวภายในผิวให้ริ้วรอยจากการขาดน้ำถูกเติมเต็ม เพื่อผิวที่ดูอิ่มน้ำเรียบเนียนและเปล่งประกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยจากการขาดน้ำ

Texture / Scent / Packaging

INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM
INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM
  • Texture : เนื้อเซรั่มทำออกมาได้กำลังพอดี ไม่เหลวหรือข้นจนเกินไป ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าซึมเข้าสู่ผิวได้ไวกว่า BIODERMA HYDRABIO SÉRUM อีกหละ

  • Scent : เป็นจุดเดียวจริงๆ ที่เราเสียดายเพราะด้วยความที่น้องคนนี้มีส่วนผสมของน้ำหอมและยังมีกลิ่นที่ Intense พอสมควร ถึงแม้เราใช้แล้วจะไม่ก่อให้เกิดการแพ้/ระคายเคือง แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้มีสูตรที่เป็น Fragrance Free อยู่เหมือนกันฮะ

  • Packaging : เป็นบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบ Airless Pump ที่เราเลิฟ ไม่ต้องมานั่งระวังว่าจะปนเปื้อน หรือเผลอลืมปิดฝาให้วุ่นวาย #กดไลก์รัวๆ ให้สิ่งนี้

Key Ingredients

  • Hyaluronic Acid 3 Forms : ซึ่งประกอบด้วย

  • 0.05% High molecular weight : ทำหน้าที่ในการเคลือบผิว และดึงความชุ่มชื้นจากภายนอกเข้าสู่ผิว

    • 1% intermediate molecular weight : ช่วยในการกระตุ้นให้ผิวผลิต Hyalulonic Acid เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวดูเต่งตึง และฟูขึ้นนั่นเอง
    • 2% micro-encapsulated : ช่วยกระต้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ให้มีปริมาณมากขึ้น
  • DISODIUM ADENOSINE TRIPHOSPHATE : เป็นส่วนสำคัญของการทำงานของ Cell ผิว เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณของ Adenosine ของผิวจะลดต่ำลง ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย (aging) และชราลง การให้ Adenosine แก่ผิว เป็นเหมือนพลังงานให้ผิวสามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

  • LAMINARIA DIGITATA EXTRACT : สารสกัดจากสาหร่ายทะเลริมชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ ซึ่งทางผู้ผลิตเคลมว่ามีความสามารถในการยับยั้งการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย P. Acnes เชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว

Let's Try…

INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM
INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM

หลังจากที่เราได้ลอง INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM มาประมาณเกือบ 10 วัน ผลลัพธ์ที่ได้เป็นดังภาพด้านล่างนี่เลยฮะ…

เราอยากให้เพื่อนๆ ลองสังเกตุริ้วรอยใต้ตา(ที่เราวงกลมสีแดงไว้) จะสังเกตว่ามีบางส่วนที่ริ้วรอยดูตื้นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงอาการบวมและรอยคล้ำใต้ตาก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจุดนี้เป็นอีกจุดที่ตอนเราทำรีวิวเราเพิ่งมาซักเกตุพบเหมือนกัน (นี่ขนาดเรายังไม่ได้ลองใช้ตัว Eye Serum ของเค้าเลยนะ!!)

Conclusion

จากที่เราได้ลองเล่นผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ตัวของแบรนด์ BIODERMA & INSTITUT ESTHEDERM ที่เราได้รับมาจากงาน Jeban x NAOS เราขอสรุปสั้นๆ เรียงที่ละผลิตภัณฑ์ให้เพื่อนๆ เข้าใจง่ายๆ ดังนี้ :

  • *BIODERMA HYDRABIO H2O : *

  • เป็น Cleansing Water ที่สามารถเช็ดเมคอัพได้ดีทีเดียว Based On ที่เราใช้ประจำเป็นหลักก็เช่น Base, Primer, Foundation และแป้งฝุ่น

  • ในแง่ความชุ่มชื้นหลังเช็ดถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว เช็ดแล้วหน้าไม่แห้งตึง ไม่ระคายเคือง

  • BIODERMA HYDRABIO SÉRUM :

  • ด้วยเนื้อเซรั่มที่ค่อนข้างเข้มข้น น่าจะถูกใจคนที่ผิวขาดน้ำ และแห้งกร้าน เพราะน้องคนนี้ช่วยเติมน้ำให้ผิวได้ค่อนข้างดีทีเดียว ผิวโดยรวมดูฟูขึ้นหลังใช้ประมาณ 1 สัปดาห์

  • INSTITUT ESTHEDERM NTENSIVE HYALURONIC SERUM :

  • ในแง่การลดริ้วรอยที่เกิดจากการขาดน้ำก็อย่างที่เพื่อนๆ เห็นในภาพ Before-After ก็ต้องยอมให้เค้าจริงๆ แหละ เล่นงัดให้ริ้วรอยเล็กๆ ดูตื้นขึ้นได้ในเวลาไม่ถึง 2 วีค #กราบ!!

และนี่ก็ผลิตภัณฑ์หลักที่เราได้จากกิจกรรมในงานวันนั้น ซึ่งนอกจาก 3 ไอเทมนี้เรายังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้กลับมาอีก แต่เราขอทำเป็นบทความแยกแล้วกันเน้อ ไม่งั้นคงจะยาวเกินไป(นี่คือยังไงไม่ยาว?) เอาเป็นว่าหากเพื่อนๆ เคยลองไอเทมไหนแล้วก็สามารถคอมเม้นต์มาคุยกันได้นะค๊าบ แล้วไว้พบกันใหม่ในบทความถัดไปค๊าบ บับบาย….

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0