นายภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้จัดการสายงานวิจัย บล. เอเซียพลัส เปิดเผยถึงภาวะตลาดหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,524.15 จุด ลบ 45.40 จุด หรือลบ 2.89 % ระหว่างวันเคลื่อนไหวสูงสุด 1,548.11 จุด และต่ำสุดที่ 1,519.03 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69,174.18 ล้านบาทว่า ตลาดหุ้นไทยปิดลบตามตลาดหุ้นภูมิภาควิตกการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงและขยายวงกว้าง โดยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 80 คน และมีผู้ติดเชื้อ 2,800 คน ทำให้ตลาดเกิดความตื่นตะหนกกดหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว ขนส่ง และโรงแรมปรับตัวลงแรง เช่น หุ้น AWC ลง 6.67% มาปิดที่ 5.60 บาท ERW ลง 6.38% มาปิดที่ 4.40 บาท CENTEL ลง 4.50% มาปิดที่ 21.20 บาท AAV ลง 6.74% มาปิดที่ 1.80 บาท THAI ลง 3.25% มาปิดที่ 5.95 บาท
นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากการเมืองในประเทศ โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเสียบบัตรแทนกับของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการโหวตมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 63 ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ รวมถึงกรณีที่สหรัฐฯเตรียมตัดสิทธิจีเอสพีสินค้าไทยเพิ่มกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าตั้งแต่สิ้นปีจนถึงปัจจุบัน 2.3% ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 24 ม.ค.63 วงเงิน 5,800 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากที่สุดในภูมิภาค
" การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ถือว่าแรงมากเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี 1 เดือนหากเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค ขณะที่ญี่ปุ่นลง 2% อินโดนีเซียลง 1.8% ส่วนดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลง 350 จุด ทั้งนี้จากสถิติในอดีต 10 ปีย้อนหลังพบว่าหากดัชนีลงเกิน 3% มี 14 ครั้งที่ปรับตัวลงแรง และหลังจากนั้น 3 วัน หุ้นจะฟื้นตัว 1.2% ซึ่งเป็นเทคนิคเคิลรีบาวด์ ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้เน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อนค่า และเป็นหุ้น outperform ประเมินแนวรับพรุ่งนี้ที่ 1,515 จุด แนวต้านที่ 1,540 จุด"
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีแถลงการณ์“ไวรัสโคโรนา” และ “ฝุ่น PM 2.5” เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมองว่าหากภาวะเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวจากปัญหาโคโรนา ส่งออกหด การเบิกจ่ายงบประมาณ 63 ล่าช้ามีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% อีกครั้ง เพื่อพยุงเศรษฐกิจและส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 1% ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 5 ก.พ.นี้