โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ไม่ได้พูด! “ขุนคลัง” ลั่นพลังประชารัฐไม่เคยพูดลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ไทยโพสต์

อัพเดต 19 ก.ค. 2562 เวลา 06.54 น. • เผยแพร่ 19 ก.ค. 2562 เวลา 06.54 น. • ไทยโพสต์

ไม่ได้พูด! “ขุนคลัง” ลั่นพลังประชารัฐไม่เคยพูดลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% แจงยังไม่มีโอกาสชี้แจงว่าเป็นแค่การทบทวนโครงสร้างการจัดเก็บ หวังลดความเหลื่อมล้ำ ลั่นยึดวินัยการคลังเข้มข้น ประคองรายได้เข้ารัฐระยะยาว แจงมั่นใจแบงก์ชาติ คุมบาทแข็งอยู่ ระบุไม่มีการก้าวก่ายขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน

19 ก.ค.62 -  นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง เปิดเผยถึงนโยบายการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ว่า นโยบายการปรับลดภาษีจะต้องมองในกรอบใหญ่ สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอไว้ไม่ได้พูดถึงลดภาษีโดยตรง แต่กำลังพูดว่าถึงเวลาที่น่าจะมาทบทวนโครงสร้างภาษีของประเทศ เพราะว่าจะมีความเหลื่อมล้ำอยู่ เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล กับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่มีอัตราจัดเก็บห่างกันพอสมควร ส่วนโครงสร้างการจัดเก็บภาษีเงินได้ การปรับเปลี่ยนอย่างไร ลดอะไรบ้าง จะต้องมาดูในรายละเอียด 

 อีกประเด็นคือ จะต้องดูด้วยว่าเรื่องการสร้างรายได้ เพิ่มรายได้ให้ประเทศจะทำอย่างไร ข้างหนึ่งถ้าแตะภาษีจะตอบโจทย์รายได้รัฐในระยะยาวอย่างไร สุดท้ายแล้ววินัยการเงินการคลังต้องไม่ถูกกระทบ เพราะฉะนั้นจะไม่พูดเรื่องว่าอยู่ดี ๆ ไปปรับลดภาษี บางทีเป็นข่าวออกไป เพราะยังไม่มีโอกาสที่จะได้อธิบายให้ตรงจุด 

 “จะต้องดูทั้งระบบ โจทย์คือการปรับโครงสร้างภาษี ต้องช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งอาจจะมีทั้งลดทั้งเพิ่ม และต้องสนับสนุนให้คนไทยมีความมั่งคั่งที่ยั่งยืนจากการประกอบอาชีพมากขึ้น ธุรกิจต้องไปได้ ประเทศจะได้ประโยชน์จากภาษีที่เพิ่มขึ้น” นายอุตตม กล่าว    ทั้งนี้ ในเรื่องเศรษฐกิจนั้น กระทรวงการคลังจะเดินหน้าการสร้างความเข็มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ จากฐานราก ซึ่งแม้ว่าการส่งออกยังสำคัญ แต่โลกปัจจุบันถ้าประเทศไม่เข้มแข็งจากภายใน นอกประเทศยังผันผวน ก็จะไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศเพื่อประชาชนได้เต็มที่ ดังนั้นจะมีมาตรการออกมาดูแลเรื่องของเศรษฐกิจหากมีผลกระทบจากข้างนอก ว่าจะดูแลกันอย่างไร ตั้งแต่ฐานรากขึ้นมาถึงทุกภาคส่วน  นอกจากนี้ จะเน้นขับเคลื่อนในส่วนของนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนายกระดับประเทศไทยให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันก้าวทันโลก ตอนนี้เป็นโลกของเทคโนโลยี ภาคการเกษตรไม่เหมือนเดิมแล้ว ต้องใช้เทคโนโลยี การค้าขาย ภาคอุตสาหกรรม ชัดเจนเป็นโลกของเทคโนโลยี ภาคสังคม ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นกระทรวงการคลังจะดูแลในเรื่องงบประมาณ การสนับสนุนด้านการเงิน

 “กระทรวงการคลังจะดูแลสองเรื่องพร้อมกัน คือ การจัดสรรงบประมาณให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การยกระดับพัฒนาประเทศตั้งแต่ฐานรากขึ้นมาก และจะดูแลเรื่องวินัยการเงินการคลังต่อเนื่อง ไม่มีหย่อนยาน เพราะอย่างที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุไว้ว่านี่เป็นพื้นฐานของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ถ้าวินัยการเงินการคลังไม่เข้มแข็งก็ไม่มีแรงไปจัดงบประมาณขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ต้องมองระยะใกล้และระยะยาวว่าเราต้องมีเงินพอที่จะพัฒนาประเทศทุกส่วน ทุกพื้นที่ โดยสองเรื่องนี้ต้องไปด้วยกัน” นายอุตตม กล่าว   

อย่างไรก็ดี ในส่วนของค่าเงินบาทอย่างที่ทราบ มีปัจจัยที่กระทบอยู่ ทั้งด้านที่ทำให้บาทอ่อนและบาทแข็ง ซึ่งฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้พูดถึงว่าการที่ดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัดต่างๆ ของไทยเข้มแข็ง ก็อาจเป็นเหตุผลทำให้บาทแข็งขึ้นมาบ้าง ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนการดูแลอย่างที่ทราบ กระทรวงการคลังเชื่อมั่นในธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการทำหน้าที่นี้ การดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งกระทรวงการคลังกับ ธปท.จะต้องมีการหารือร่วมกันในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่า กระทรวงการคลังจะเข้าไปแทรกแซง หรือก้าวก่าย โดยเฉพาะเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ให้เป็นการตัดสินใจของ ธปท. ในส่วนของกระทรวงการคลังคงพูดไม่ได้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0