กรณีที่มีผู้เเชร์ข้อความในโลกโซเชียลทำนองว่า "วันนี้เป็นวันแรกของการบังคับใช้กฎหมายเมาแล้วขับ ปรับ 1 หมื่น คุก 1 เดือน ไม่รอลงอาญาไม่บำเพ็ญประโยชน์ แปลว่า… เป่าเจอ ไปติดคุกเลย" ซึ่งแม้จะมีการชี้แจงไปแล้ว แต่กลับมีผู้นำมาแชร์บนโลกออนไลน์หลายต่อหลายครั้ง จนสร้างความสับสนให้กับผู้ดื่มแล้วขับ รวมถึงประชาชนทั่วไปด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงการลงโทษผู้กระทำผิด ตามพ.ร.บ.จราจร ฯ ว่า ปกติแล้วเป็นดุลพินิจของศาล ที่จะลงโทษ หนัก-เบากับผู้กระทำผิด โดยศาลจะพิจาณาตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และพฤติการณ์การกระทำผิดว่า มีความรุนแรง และร้ายแรงมากน้อยเพียงใด รวมทั้งอาชีพการงานของผู้กระทำผิด เช่น มีอาชีพขับโดยสาร ขับรถยนต์ส่งของ หรือขับรถรับจ้าง ฯลฯ แต่ดื่มสุราเมามาย ปริมาณแอลกอฮอร์ ในโลหิตสูงมากๆ ซึ่ง จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้โดยสาร หรือผู้ที่ใช้ยานพาหนะร่วมกันบนท้องถนน ศาลอาจใช้ดุลพินิจลงโทษสถานหนัก ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกรณีๆ ไป หรือหากเคยกระทำผิดแล้ว มากระทำผิดซ้ำอีก โทษจำคุกที่เคยรอลงอาญาไว้ ศาลก็อาจสั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญาหรือสั่งปรับมากกว่าเดิมก็ได้
"ศาลจะใช้ดุลพินิจพิจารณาอย่างรอบคอบไปตามกรอบกฎหมายที่กำหนดไว้ โดยจะไม่ใช้ดุลพินิจลงโทษผู้กระทำผิดสูงกว่าที่กำหนดไว้ หรือใช้ดุลพินิจต่ำลงโทษกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เพราะหาก จะกำหนดว่า ศาลจะต้องลงโทษแบบนั้น แบบนี้นะ ก็จะทำให้ศาลไม่มีอิสระในการใช้ดุลพินิจ และกำหนดบทลงโทษ" โฆษกศาลยุติธรรม กล่าว.