ไม่อยากเลือกก็ต้องเลือก! “เลือกตั้ง” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เลือกคนดีเข้าสภา!

ไม่อยากเลือกก็ต้องเลือก! “เลือกตั้ง” ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เลือกคนดีเข้าสภา! 

BY : TEERAPAT LOHANAN

กระแสการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562 กำลังมาแรง ราวกับว่าผู้คนกำลังเฝ้ารอวันที่เสียงของตนเองกำลังจะกลับมามีบทบาทในรัฐสภาอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายจากการเลือกตั้งมานานถึง 8 ปี จากเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 

ซึ่งการกลับมาเลือกตั้งในปีนี้ ถึงแม้ว่าจะมีชาวเน็ตหลายคนที่ได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลของการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่จัดขึ้นโดย กกต. อยู่เป็นจำนวนมากก็ตามที จนทำให้ใครหลาย ๆ คนอาจจะไม่อยากไปใช้สิทธิของตัวเอง หรืออยากไปที่คูหาเพื่อกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนก็ตามที

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบใจ การออกไปใช้สิทธิก็เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับพวกเราทุกคนที่ยังถือสิทธิความเป็นคนไทยอยู่ เพราะการเลือกตั้งก็คือ การใช้สิทธิของเราไปเลือกผู้แทนฯ (ส.ส.) เพื่อไปทำหน้าที่แทนเราในรัฐสภา ซึ่งตามหลักการหน้าที่ขั้นพื้นฐานของ ส.ส. นั้นก็คือ คนที่ต้องไปออกกฎหมาย ไปตั้งรัฐบาล และไปตรวจสอบรัฐบาลแทนเรา ซึ่งหน้าที่ทั้งหมดที่ได้กล่าวไปนั้น ก็เกี่ยวข้องกับชีวิตการเป็นอยู่ของพวกเราในทุก ๆ วัน

แต่ถ้าหากว่าเราไม่เลือกตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

ทางกฎหมายได้บัญญัติเอาไว้อย่างชัดเจน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 35 ได้บัญญัติถึงสิทธิที่จะถูกจำกัดไว้ 5 ประการ คือ

1. ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

2. สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือ สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา

3. สมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้านตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่

4. ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา

5. ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ทั้งนี้ การจำกัดสิทธินี้มีกำหนดเวลาครั้งละ 2 ปีนับแต่วันเลือกตั้งครั้งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่หากการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ไปใช้สิทธิอีก ให้นับเวลาการจำกัดสิทธิจากวันที่มิได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งใหม่ กำหนดเวลาที่ถูกจำกัดสิทธิจากการเลือกตั้งครั้งก่อนเหลืออยู่เท่าใดให้สิ้นสุดลง

และนอกเหนือจากการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว การไปใช้สิทธิในการกาไม่ประสงค์ลงคะแนน ก็มีผลลัพธ์ที่จะตามมาเหมือนกัน

เพราะตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 92 ระบุว่า “เขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งรายใดได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งมากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตเลือกตั้งนั้น ให้จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่และมิให้นับคะแนนที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่ละคนได้รับไปใช้ในการคํานวณตามมาตรา 91 ในกรณีเช่นนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งดําเนินการให้มีการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งใหม่ โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งเดิมทุกรายไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นใหม่นั้น”

ถึงเรื่องสิทธิที่จะถูกจำกัดไปของพวกเราส่วนมากจะดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรการที่เราได้ไปใช้สิทธิใช้เสียงของตัวเองในการเลือกตัวแทนพรรคการเมืองที่เราชื่นชอบให้เข้าไปจัดการเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเราให้ดีขึ้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะมองข้ามไป เพราะถ้าคุณเลือกที่จะไม่ใช้สิทธิของคุณและปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้ผ่านไป ไม่ว่าใครหรือพรรคใดได้รับเลือกเข้ามาบริหารประเทศ คุณจะไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้เต็มปากอีกเลย เพราะว่าคุณได้ละทิ้งสิทธิในการเลือกของคุณไปแล้วนั่นเอง

แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้ทุกอย่างในสังคมดีขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นก้าวที่สำคัญของประเทศไทย ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การไปเลือกคนดีเข้าสภา แต่เป็นการช่วยกันทำให้ประเทศไทยเดินหน้าจากหล่มโคลนเดิม ๆ สักที!!

อ้างอิง : https://www.kpi-corner.com/content/5726/content130162-1

https://thestandard.co/7-years-thai-politics-without-election/

https://thestandard.co/thailandelection2562-reasons-you-should-vote/

https://themomentum.co/the-meaning-of-vote-no-in-thai-election

ภาพประกอบ

https://www.ect.go.th/kalasin/ewt_news.php?nid=100&filename=index
https://workpointnews.com/2019/01/23/กำหนดแล้วเลือกตั้ง-24-มี-ค-62/
https://www.springnews.co.th/politics/442854