กรณีหนุ่มเลี้ยงควายเคราะห์ร้าย ถูกสัตว์ป่าไม่ทราบชนิด โดยเข้าใจว่าเป็นเสือกระโจนเข้าตะปบและกัดจนได้รับบาดเจ็บแทบทั้งร่าง เดชะบุญวิ่งหนีได้ทัน พาร่างโชกเลือดขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงพยาบาล หวังให้แพทย์รักษา ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 20 ม.ค. นายฐิติ โสมภีร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยัง รพ.ท่ากระดาน จ.กาญจนบุรี เพื่อเข้าเยี่ยมดูอาการของ นายมงคล จำปา อายุ 26 ปี หนุ่มรับจ้างเลี้ยงกระบือที่ถูกสัตว์ป่าไม่ทราบชนิดทำร้าย โดยนำกระเช้าและเงินสดจำนวนหนึ่งไปมอบให้เป็นขวัญกำลังใจ
จากการสอบถามนายมงคล ซึ่งมีอาการปลอดภัยและดีขึ้นตามลำดับ ทราบว่าก่อนเกิดเหตุได้นำฝูงกระบือไปเลี้ยงที่บริเวณป่า หมู่ที่ 7 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ขณะเดินเข้าไปในป่าเพื่อต้อนกระบือกลับบ้าน จู่ ๆ สุนัขที่พาไปด้วยส่งเสียงเห่าและถูกสัตว์ป่ากระโจนเข้าใส่ ซึ่งขณะนั้นด้วยความตกใจกลัวและเห็นไม่ชัดเจน จึงเข้าใจว่าเป็นเสือวิ่งตามสุนัขมาติด ๆ ด้วยความตกใจกลัว วิ่งหนีแต่ไม่ทันสัตว์ตัวดังกล่าวกระโจนเข้าหานายมงคล ทั้งกัดทั้งตะปบ แต่นายมงคลได้พยายามยกแขนขึ้นป้องกันและตะโกนเรียกให้คนช่วย สัตว์ตัวดังกล่าวตกใจเสียงของนายมงคล ทั้งสัตว์ทั้งคนวิ่งแยกกันคนละทาง จากนั้นนายมงคลได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปที่ รพ.ส่งเสริมสุขภาพบ้านน้ำมุด ต่อมาเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทราบเหตุ จึงนำตัวส่งต่อไปที่ รพ.ท่ากระดาน จ.กาญจนบุรี "ร่องรอยบาดแผลที่ถูกทำร้าย เป็นของสัตว์ป่าที่มีเขี้ยวและเล็บเป็นอาวุธ แต่ยังไม่สามารถระบุชนิดของสัตว์ได้ จากผลการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่ บริเวณที่เกิดเหตุนี้ ไม่มีรายงานการพบร่องรอยของเสือมาตั้งแต่ พ.ศ.2549 ถึงปัจจุบัน ขณะนี้เพื่อให้ชาวบ้านสบายใจ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคอยดูแลความปลอดภัย พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า อย่าเดินทางไปเก็บหาของป่าเพียงลำพัง" นายฐิติ กล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ด้านสัตว์ป่ารายหนึ่ง บอกว่า จากลักษณะบาดแผลที่สัตว์ป่าทำร้ายนายมงคล เชื่อว่าน่าจะเป็นหมีควาย หรือหมีคน เพราะนิสัยของหมีหากพบผู้คนหรือตกใจจะวิ่งเข้าทำร้ายตะปบกัดทันที แต่หากเป็นเสือซึ่งมีจมูกสัมผัสกลิ่นได้ไวมาก เมื่อได้กลิ่นคนจะรีบหนีไปทันที จะไม่เข้าทำร้ายเหมือนสัตว์ตระกูลหมี. ขอบคุณภาพบางส่วน : @ด่านตรวจสัตว์ป่าปาดังเบซาร์ อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง…
