โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไม่พบล้มล้างปกครองฯ ศาลยกฟ้อง อนาคตใหม่ดินหน้าต่อ

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 21 ม.ค. 2563 เวลา 17.07 น. • เผยแพร่ 21 ม.ค. 2563 เวลา 22.05 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ปิยบุตรชี้นิติสงครามยังอยู่ เลขาสภาฯ ผวางบ 63 ส่อโมฆะ ปูดอีก ‘นาที’ ทัวร์จีนวันถกงบ

อนาคตใหม่รอดบ่วงยุบพรรค “คดีอิลลูมินาติ” ศาล รธน.วินิจฉัยไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองฯ ตาม รธน.49 ท่ามกลางอียู-องค์กรสิทธิฯร่วมเกาะติดสถานการณ์ “ธนาธร” ขอมุ่งมั่นทำงานทั้งในและนอกสภาฯต่อ “ปิยบุตร” ตอกรัฐประหารตัวดีล้มล้างการปกครอง พร้อมสู้คดีกู้เงินมั่นใจว่าไม่ผิด “ชวน” จี้สอบกล้องวงจรปิด ส.ส.กดบัตรแทนกัน บอกทิ้งบัตรคาเครื่องเป็นเรื่องปกติ เลขาสภาฯสรุปผลลงมติตั้งแต่ ม.31-55 พ่วงข้อสังเกตท้ายร่างงบฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ชง “ชวน” ส่งศาล รธน.ชี้ขาด “นิพิฏฐ์” แฉอีก “นาที” ไปทัวร์จีนวันถกงบฯ ท้า “ฉลอง” ไปสู้กันในชั้นศาล “เสี่ยหนู” ทำขึงขังตั้ง กก.สอบ ขู่หวดไม่เลี้ยงถ้าผิดจริง แซะ “นิพิฏฐ์” ให้รู้จักมีน้ำใจนักกีฬา “บิ๊กตู่” ฉุนเจอซักในฐานะผู้ใช้งบฯ ส.ว.ยังห่วงวุฒิสภาสมรู้ร่วมคิดผ่านงบฯ

พรรคอนาคตใหม่ได้ต่อลมหายใจอีกเฮือก เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยกคำร้อง ว่าการกระทำของพรรคอนาคตใหม่และแกนนำพรรคไม่ได้เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49

อียู-องค์กรสิทธิฯเกาะติดยุบ อนค.

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ท่ามกลางการวางมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย มีกำลังตำรวจ 1 กองร้อย กระจายรอบบริเวณ ขณะที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่ไปรวมตัวรับฟังที่พรรค ขณะที่สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงตัวแทนจากสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย หรืออียู ตัวแทนสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) นำโดย น.ส.ประทับจิต นีละไพจิตร เจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชน ทยอยเข้าร่วมรับฟังการอ่านคดี

ตุลาการฯเริ่มอ่านคำวินิจฉัย

ต่อมาเวลา 10.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดี โดย นุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ มอบหมายให้นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย ซึ่งใช้เวลาเพียง 12 นาที นายทวีเกียรติอ่านคำวินิจฉัยว่า กรณีนายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้อง ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยมีเพียงประเด็นเดียวว่า ผู้ถูกร้องใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากคำร้องพบว่าเป็นกรณีกล่าวอ้างว่าข้อบังคับ นโยบายพรรค และสัญลักษณ์ของพรรคอนาคตใหม่ มีลักษณะเป็นการใช้สิทธิเพื่อล้มล้างการปกครอง และเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

สั่งแก้ข้อบังคับไม่ให้คลุมเครือ

นายทวีเกียรติอ่านต่อว่า กรณีดังกล่าวปรากฏข้อเท็จจริงว่าในกระบวนการยื่นคำขอจดจัดตั้งพรรคการเมือง มีการยื่นเอกสารข้อบังคับพรรค พร้อมคำประกาศอุดมการณ์ และสัญลักษณ์พรรค ไม่มีลักษณะที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง และไม่มีลักษณะเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ เนื่องจากนายทะเบียนได้ตรวจสอบความถูกต้อง และผ่านความเห็นชอบของ กกต.แล้ว หากภายหลังพบว่าข้อบังคับพรรคไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องรายงานต่อ กกต. ให้มีมติเพิกถอนข้อบังคับพรรคตามมาตรา 17 (3) การยื่นคำร้องเป็นเพียงข้อห่วงใยของพลเมืองที่มีต่อสถาบัน และระบอบการปกครองของประเทศ ดังนั้น ข้อบังคับของผู้ถูกร้องที่ใช้ถ้อยคำว่าหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนการประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองข้อ 6 วรรคสอง ที่กำหนดว่าพรรคอนาคตใหม่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ การใช้ข้อความหรือข้อบังคับพรรคควรให้มีความชัดเจน ไม่มีความคลุมเครือ หรือแตกต่างจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 2 ที่บัญญัติว่าไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันอาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างชนในชาติ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 14 (3) ได้ ซึ่ง กกต.มีหน้าที่พิจารณาหรือมีมติให้เพิกถอนข้อบังคับนั้นได้ตามมาตรา 17 (3) เพื่อป้องกันความสับสนขัดแย้งอันที่อาจเกิดขึ้น สมควรที่ผู้เกี่ยวข้องจะร่วมกันแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญต่อไป

รอดไม่เข้าข่ายล้มล้างปกครอง

นายทวีเกียรติอ่านอีกว่า ส่วนกรณีที่ผู้ร้องอ้างว่าผู้ถูกร้องมีแนวคิดคลั่งไคล้ปรัชญาตะวันตก และเป็นปฏิกษัตริย์นิยม มีการแสดงความเห็นทั้งก่อนและหลังการจัดตั้งพรรค รวมถึงการให้สัมภาษณ์ และแสดงความเห็นต่อหน้าสาธารณชน การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือการแสดงความคิดเห็นในช่องทางต่างๆ ศาลเห็นว่าการใช้สิทธิ– เสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมาย และความประสงค์ในระดับที่วิญญูชนอาจคาดเห็นได้ว่าน่าจะเกิดผลเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯ โดยการกระทำนั้นจะต้องกำลังดำเนินการอยู่ ไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีเป็นเพียงข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออินเตอร์เน็ต ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 มีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองฯ กรณีจึงไม่เพียงพอรับฟังได้ว่าเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองฯตามมาตรา 49 วรรคหนึ่ง ส่วนการกระทำจะเป็นความผิดตามกฎหมายอื่นใดหรือไม่ ต้องว่ากันตามกระบวนการและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป ศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคอนาคต-ใหม่ ไม่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

“ณฐพร” พอใจในคำวินิจฉัย

นายณฐพร โตประยูร ผู้ร้องให้สัมภาษณ์ว่าภายหลังรับฟังคำวินิจฉัยว่า รู้สึกพอใจกับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นคำตัดสินที่ถูกต้องแล้ว ถือว่าทำหน้าที่สำเร็จแล้วในการรักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ตนต้องการชี้ให้ประชาชนเห็นว่ามีบางพรรคต้องการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ต้องการกลั่นแกล้งพรรคอนาคตใหม่ เท่าที่ฟังศาลเองได้ให้พรรคอนาคตใหม่ไปปรับเปลี่ยนข้อบังคับให้เกิดความชัดเจนขึ้น ไม่ให้มีความคลุมเครือ เรื่องนี้ กกต.ต้องเป็นหน่วยงานที่เข้ามาดำเนินการต่อไป

แกนนำ อนค.นัดรวมพลที่พรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่พรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่ช่วงเช้ามีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างชาติ เฝ้าเกาะติดความเคลื่อนไหวเพื่อรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค แกนนำ และ ส.ส.พรรค ทยอยมารวมตัวรอฟังคำวินิจฉัยที่ห้องประชุมชั้น 8 โดยทางพรรคได้เปิดพื้นที่ชั้น 5 ให้แก่ผู้ที่สนับสนุนพรรคเข้ามารอฟังคำวินิจฉัย พร้อมติดตั้งจอโทรทัศน์เพื่อถ่ายทอดสดระหว่างการพิจารณาคดีด้วย โดยมีผู้สนับสนุนพรรคเข้ามารอรับฟังจำนวนมาก ขณะที่บรรยากาศภายในห้องของแกนนำพรรคและ ส.ส. พูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย โดยเฉพาะนายธนาธรไม่มีท่าทางเครียด ยังคงยิ้มหัวเราะตามปกติ

แฟนคลับเฮหลังไม่ถูกยุบพรรค

กระทั่งเวลา 12.15 น. ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญการอ่านคำวินิจฉัยมีมติไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ มวลชนผู้สนับสนุนต่างพากันโห่ร้องด้วยความดีใจ พร้อมตะโกนว่า “พรรคอนาคตใหม่สู้ๆ” “พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป” “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ”

“ธนาธร” ขอมุ่งมั่นทำงานต่อไป

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงว่า ขอบคุณที่ช่วยสนับสนุนพรรคอนาคต-ใหม่ให้ก้าวมาถึงจุดนี้ พรรคจะเดินหน้าทำงานต่อไป เราขอสัญญากับประชาชนว่า ขาหนึ่ง ตนและ ส.ส. จะมุ่งมั่นทำงานในสภาอย่างมีคุณภาพ ตรวจสอบรัฐบาลอย่างแข็งขัน ในระยะกลาง 2-3 เดือนจะรณรงค์ในร่างกฎหมายหลายฉบับที่เราเสนอต่อสภาฯไป เช่น การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เป็นต้น เราจะจริงจังและมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน อีกขาหนึ่ง เราจะทำงานต่อเนื่องกับประชาชนนอกสภา แม้ตนจะไม่ได้เข้าสภาแล้ว แต่จะรับเอาปัญหาประชาชนมาฝากให้ ส.ส.ไปผลักดันแก้ไขปัญหาต่อไป วันนี้ทุกคนเห็นแล้วว่าพวกเราทำงานหนักแค่ไหน ขอบคุณประชาชนทุกคนที่สนับสนุนเรา การเดินทางนี้เพิ่งเริ่มต้นวันนี้ยังไม่ถึง 2 ปี มีหลายเรื่องที่เราอยากผลักดัน สัญญาว่าจะผลักดันนโยบายให้เป็นจริง และเป็นตัวแทนความฝันของประชาชนที่ต้องการเห็นประเทศไทยไปข้างหน้า ขอบคุณทุกกำลังใจ

ฉะรัฐประหารคือตัวการล้มล้าง

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พรรคเห็นว่ากรณีนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก ยืนยันว่าไม่ได้มีความคิดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่พวกเราคิดและทำคือการรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้มั่นคง และยั่งยืน ไม่ใช่ประชาชนและพรรค การเมืองที่คิดล้มล้างการปกครอง แต่เป็นกองทัพที่ก่อการรัฐประหารต่างหากที่ล้มล้างการปกครอง แม้วันนี้คำร้องยุบพรรคจะถูกยกไป แต่ยังมีกระบวนการร้องยุบทำลายพรรคอนาคตใหม่อยู่ เราเชื่อว่าการร้องยุบพรรคและนิติสงคราม ไม่ใช่การทำให้ประชาธิปไตยยั่งยืนได้ มีแต่การเปิดพื้นที่ให้เข้ามาตามกระบวนการเท่านั้นถึงจะพาประเทศไปสู่อนาคตแบบใหม่ได้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรสัปดาห์นี้ ส.ส.ของพรรคได้ยื่นญัตติขอให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการป้องกันการรัฐประหาร เพราะเราเชื่อว่าประชาธิปไตยจะยั่งยืนไม่ได้หากยังตกในวงจรของการรัฐประหาร

พร้อมสู้คดีกู้เงินมั่นใจไม่ผิด

เมื่อถามว่าจะฟ้องกลับหรือไม่ นายปิยบุตรตอบว่า ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ แต่เชื่อว่าการร้องเรียนไปมาไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาธิปไตย ขอให้ยุติกระบวนการนิติสงคราม มาทำงานดีกว่า ส่วนคดี เงินกู้ของพรรคเราพร้อมต่อสู้คดี เพราะการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ถูกต้อง ภายหลังคณะอนุกรรมการของ กกต.ยกคำร้องไปแล้ว แต่ กกต.ยังดำเนินการต่อ เราฟ้องร้องเป็นคดีอาญาต่อ กกต.แล้ว ขณะเดียวกันจะร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญเปิดการไต่สวนเพื่อเรียกเอกสารและพยานบุคคลเข้ามาพิจารณา การกู้เงินไม่มีกฎหมายห้าม เพราะมีหลายพรรคกู้เงิน และเราทยอยคืนไปบางส่วน มั่นใจว่าไม่มีความผิด เมื่อถามว่าพรรคอนาคตใหม่จะดำเนินการแก้ไขข้อบังคับพรรคหรือไม่ นายปิยบุตรตอบว่า ประเด็นนี้ยังไม่ได้หารือกัน คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าเป็นหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง คือเลขาธิการ กกต. ที่ต้องแจ้งมายังพรรคอนาคตใหม่ หากเห็นว่าข้อบังคับพรรคมีความไม่คลุมเครือหรือไม่ชัดเจน ดังนั้น ทางพรรคจะรอการพิจารณาของนายทะเบียนพรรคการเมืองก่อน

“ชวน” ชี้ ส.ส.ทิ้งบัตรคาเครื่องปกติ

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแฉข้อมูลการเสียบบัตรแทนกันของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ในการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า มอบให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังว่ามีการเสียบบัตรแทนกันจริงหรือไม่ ใครเป็นผู้กระทำ แต่ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าต้องเสร็จภายในกี่วัน ปกติบัตรลงคะแนนมักอยู่ที่ ส.ส. แต่ ส.ส.ส่วนหนึ่งมักทิ้งบัตรคาเครื่องไว้ เมื่อเลิกประชุมแล้วเจ้าหน้าที่จะไปดึงบัตรเหล่านี้ออกจากเครื่องในทุกที่นั่งแล้วนำมาเก็บไว้ พอตอนเช้า ส.ส.จะมาขอบัตรลงคะแนนจากเจ้าหน้าที่ที่เก็บไว้

พูดปากเปียกปากแฉะก็ยังทำกัน

นายชวนกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยสั่งให้ตรวจสอบกรณีนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ที่มีลักษณะเดียวกัน แต่สุดท้ายไม่สามารถชี้ได้ว่าใครเป็นคนกดบัตรให้ เคยเตือนมาตลอดว่าอย่าไปลงมติซ้ำ หรือไปทำอะไรผิด เพราะฝ่ายนิติบัญญัติต้องเป็นแบบอย่างเคารพเสียงประชาชน และกติกาบ้านเมือง เมื่อถามว่า การเสียบบัตรคาไว้บนเครื่อง อาจเปิดโอกาสให้เกิดการเสียบบัตรแทนกันได้หรือไม่ นายชวนตอบว่า โดยทั่วไปถ้าไม่สมคบกัน คงไม่มี อยู่ดีๆจะไปกดบัตรแทนคนอื่นได้อย่างไร การเสียบบัตรคาไว้เป็นเรื่องปกติ บางเรื่องต้องลงมติหลายครั้ง เช่น เรื่องงบประมาณ ส.ส.จะเสียบบัตรคาไว้ ยกเว้นฝากให้เพื่อนมากดแทนเป็นอีกเรื่อง ทำไม่ได้ หากพบว่ามีการเสียบบัตรแทนกันจริงต้องมีมาตรการบางอย่าง แต่ขอรอดูผลสอบก่อนค่อยมาว่ากันจะดำเนินการอย่างไร เมื่อถามว่า จะมีผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ต้องเป็นโมฆะหรือไม่ นายชวนตอบว่า เป็นคนละเรื่องกัน

เลขาสภาฯสรุปเสียบบัตรแทนจริง

นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ได้เรียกประชุมทีมกฎหมายสภาฯ พบว่าข้อกล่าวหาของนายนิพิฏฐ์เป็นความจริง จากการเชิญเจ้าหน้าที่สำนักชวเลขมาตรวจสอบ พบว่าในมาตรา 31-55 และข้อสังเกตร่างพ.ร.บ. มีชื่อนายฉลองร่วมลงมติจริง ขณะเดียวกันได้เรียกเจ้าหน้าที่เก็บรักษาบัตรลงคะแนนในห้องประชุมมาให้ข้อมูล ปรากฏว่านายฉลองได้เบิกบัตรลงคะแนนไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2563 โดยไม่ได้ส่งบัตรคืนให้เจ้าหน้าที่เก็บไว้ จากนั้นมาพบอีกครั้งว่าบัตรลงคะแนนของนายฉลองถูกเสียบไว้ในเครื่องลงคะแนนวันที่ 11 ม.ค.2563 และเรียกฝ่ายเทคนิคมาช่วยตรวจสอบช่องเสียบบัตรลงคะแนน แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าบัตรของนายฉลองถูกเสียบบัตรไว้ในที่นั่งตำแหน่งใด ขณะที่กล้องก็ไม่สามารถจับภาพไว้ได้ เมื่อประมวลกันแล้วทีมกฎหมายเห็นว่าข้อกล่าวหาเป็นจริง ทำให้ผลการลงมติตั้งแต่มาตรา 31-55 ตลอดจนข้อสังเกต ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ชงให้ “ชวน” ส่งศาล รธน.ชี้ขาด

นายสรศักดิ์กล่าวต่อว่า กระบวนการที่จะทำให้ถูกต้อง คือต้องทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 139 คือหากร่าง พ.ร.บ.ฉบับใดที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ก่อนส่งให้นายกรัฐมนตรี ให้ชะลอไว้ 3 วัน เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 หรือ 75 คน เสนอเรื่องต่อประธานสภาฯให้ส่งเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นร่างที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยข้อสังเกตของทีมกฎหมายเห็นว่ากรณีนี้ไม่ทำให้ร่างกฎหมายต้องตกไป เพราะเป็นเพียงแค่เสียงเดียว แต่พร้อมเคารพการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการ ได้แจ้งผลสอบให้ประธานสภาฯทราบแล้ว เรื่องนี้คงต้องนำไปหารือในที่ประชุมสภาฯในวันที่ 22 ม.ค. ว่าที่ประชุมจะเห็นเป็นอย่างไร อาจเห็นไม่ตรงกับทีมกฎหมายก็ได้

แฉอีก “นาที” ทัวร์จีนวันถกงบฯ

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “คุณศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย พูดว่าผมเหมือนสุนัขพันธุ์บลูด็อกที่กัดไม่ปล่อย ผมว่าท่านไม่สุภาพ พูดไม่ให้เกียรติกัน แต่ไม่เป็นไรสันดานของท่านอาจเป็นคนอย่างนั้น ผมเพียงทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมือง แต่ไหนๆท่านก็ว่าผมกัดไม่ปล่อยแล้ว ผมจะขอให้ท่านศุภชัย ใจสมุทร ช่วยตรวจสอบการกดบัตรของ ส.ส.ให้ผมอีกสักราย ดูซิว่าข้อมูลในมือของผมกับข้อมูลในมือท่านจะตรงกันไหม เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2563 ขณะที่มีการประชุมร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ผมได้ข่าวว่านางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เดินทางไปประเทศจีน ลองตรวจดูหน่อยสิครับว่า หลังจาก check in (เช็กอิน) ที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว บัตรของคุณนาที รัชกิจประการ ยังมีการกดโหวตอยู่ที่สภาฯหรือเปล่า อย่าว่าใครผิดใครถูกเลย ถือว่างานนี้ผมท้าให้ท่านเปิดเผยข้อมูลก็แล้วกันครับ แล้วมาดูกันว่าข้อมูลในมือของท่านกับข้อมูลในมือของผม ตรงกันหรือเปล่า” พร้อมกันนี้ นายนิพิฏฐ์ยังโพสต์ภาพถ่ายหมู่ของกรุ๊ปทัวร์ดูงานตามโครงการพัฒนาความสัมพันธ์ด้านการศึกษาการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนระหว่างจังหวัดระนองกับเมืองซานเหมินเซียะ มณฑลเหอหนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-15 ม.ค. รวม 3 ภาพ

ท้า “ฉลอง” ไปสู้กันในชั้นศาล

นายนิพิฏฐ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ข้อมูลที่ได้มีชาวบ้านในพื้นที่ส่งมาให้ และฝากให้ตนตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ส.ส. เพราะวันที่เขาเดินทางไปจีน ยังมีการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ วันนี้ไม่อยากพูดอะไรมาก เอาเป็นว่ายังมีข้อมูลในเรื่องนี้อีก แต่ขอให้นายศุภชัยไปตรวจสอบดูว่าบุคคลที่ตนระบุถึง ได้อยู่โหวตและอยู่ร่วมประชุมสภาฯพิจารณางบฯ63 จริงหรือไม่ แล้วค่อยมาว่ากัน กรณีของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ต้องแยกเป็นสองส่วนคือ 1.กรณีความไม่สมบูรณ์ของร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 ถ้ามีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญก็อาจขัดรัฐธรรมนูญตามแนวทางคำวินิจฉัยคดีที่ 3-4/2557 ในคดีร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท 2. นายฉลองจะมีความผิดทางอาญาหรือไม่ ต้องดูว่าเจ้าตัวรู้เห็นเป็นใจในการให้ผู้อื่นเสียบบัตรลงคะแนนแทนหรือไม่ การอ้างว่าเสียบบัตรคาทิ้งไว้ที่เครื่อง ต้องดูว่าปกติเจ้าหน้าที่สภาฯจะเก็บบัตรทั้งหมดหลังจากปิดประชุมในแต่ละวัน แต่วันที่ 11 ม.ค. ใครเอาบัตร ส.ส.ของนายฉลองไปเสียบและกดโหวตแทน เป็นเรื่องที่สภาฯต้องตรวจสอบ ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก เรื่องนี้ให้ไปสู้กันในชั้นศาล และดูว่าศาลท่านจะเชื่อหรือไม่ และจะพิจารณาตัดสินอย่างไร

“ศักดิ์สยาม” โยนเป็นภาระสภาฯ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ในวันประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ63 ยังเห็นนายฉลองมาร่วมประชุมด้วย แต่ไม่ทราบว่ามีช่วงไหนที่นายฉลองไม่อยู่ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของสภาฯตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องว่าไปตามนั้น ดูว่าเรื่องมีความเป็นมาอย่างไร ถ้าทำไม่ถูกต้องก็ต้องถูกดำเนินการ พรรคภูมิใจไทยมีประมวลจริยธรรมนักการเมืองอยู่ แต่เรื่องนี้ต้องให้สภาฯเป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ หากผิดจริงทางพรรคก็จะดำเนินการต่อไป

“เสี่ยหนู” ทำขึงขังตั้ง กก.สอบ

นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการในการปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของพรรค มีนายสิรภพ ดวงสอดศรี ผอ.พรรค เป็นประธาน เพื่อดำเนินการสอบสวนกรณีของนายฉลอง หากผิดจริงจะมีบทลงโทษคือ ขั้นไม่ร้ายแรง ก็ตักเตือน แต่หากผิดร้ายแรง ก็ให้พ้นจากสมาชิกภาพพรรค เบื้องต้นนายฉลองยอมรับว่าไม่ได้ลงมติ และลืมบัตรไว้ในที่ประชุม ไม่ทราบว่ามีการกดบัตรลงคะแนน และมีเพื่อน ส.ส.นำบัตรมามอบคืนให้ในอีก 2-3 วันต่อมา นายฉลองยอมรับผิดที่ลืมบัตร และขอโทษต่อประชาชนชาวพัทลุง ขอโทษพรรค ขอโทษต่อสภาผู้แทนราษฎร ที่เป็นเหตุให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น แต่ยืนยันไม่ได้มีเจตนาที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ได้ใช้หรือวานให้ใครกดบัตรลงคะแนนให้ เป็นบทเรียนของ ส.ส.ใหม่ ที่จะจดจำและนำไปเตือนใจทุกครั้งในการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ต่อไป

“อนุทิน” ขู่หวดไม่เลี้ยงถ้าผิดจริง

ต่อมาช่วงเย็น ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ได้เซ็นหนังสือตั้งคณะกรรมการสอบพฤติกรรมนายฉลอง เทอดวีระพงศ์แล้ว หากนายฉลองทำผิดจริงไม่เลี้ยงไว้แน่นอน เบื้องต้นทราบว่าลืมบัตรไว้ที่สภาฯถือเป็นเรื่องปกติ เรื่องลืมเป็นเรื่องธรรมดา ขนาดตนยังลืมปากกา ลืมแว่น ไม่ใช่สาระสำคัญ ที่สำคัญคือต้องไม่ให้ใครกดบัตรแทน อย่างไรก็ตาม วันที่ 22 ม.ค. จะมีการประชุมพรรค หากเจอตัวต้องตำหนิอย่างรุนแรง ต้องหวดกันบ้าง เพราะการประชุมสภาฯเป็นสิ่งสำคัญ ต้องขออภัยในฐานะหัวหน้าพรรค จะกำชับ ส.ส.เข้มงวดให้มากกว่านี้ การอยู่ในห้องประชุมเป็นเรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือต้องไม่ให้ใครกดบัตรแทน เชื่อว่าเจ้าตัวไม่ได้สั่งให้ใครกดแทน เพราะทราบดีถึงโทษและระเบียบอยู่แล้ว

แซะ “นิพิฏฐ์” ให้รู้จักน้ำใจนักกีฬา

นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนกรณีนางนาที รัชกิจปราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่มีรูปปรากฏตัวอยู่ที่ประเทศจีน แต่กลับมีชื่อเป็นองค์ประชุมโหวตด้วยนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่กรณีนางนาทีเดินทางไปครั้งนี้มีการแจ้งให้ทราบ ต้องกลับไปดูอีกครั้ง เมื่อถามว่า การที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ออกมาแฉเรื่องดังกล่าว จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ความจริงทุกคนควรมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย การแข่งขันเป็นเรื่องปกติ ถ้าชนะต้องไม่ประมาท ถ้าแพ้ต้องปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ไม่ใช่ใช้อารมณ์ส่วนตัวมาหาวิธีแก้มือกัน คิดว่าคงไม่กระทบ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง เริ่มจากการสอบสวนว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงเป็นแบบนี้ เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่เมื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและจะกระทบกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณล่าช้า นายอนุทินตอบว่า อยากให้ยึดผลประโยชน์บ้านเมืองเป็นที่ตั้ง อย่าเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้บ้านเมืองเสียหาย ถ้าผิดก็ว่าตามผิด พูดได้คำเดียวถ้าเขาผิดตนก็ไม่เลี้ยง

“บิ๊กตู่” ฉุนเจอซักในฐานะผู้ใช้งบฯ

ที่ จ.นราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่าเป็นเรื่องของสภาฯ เป็นเรื่องของการเมือง อย่าเอาปัญหานี้มาถามตนเพราะตนเป็นรัฐบาล เป็นฝ่ายบริหาร เป็นเรื่องของสภาฯเป็นเรื่อง ของคนอื่น ขอให้ไปถามคนที่พูดหรือคนที่ทำเรื่องนั้น รัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบในฐานะฝ่ายบริหาร แต่สภาผู้แทนราษฎรอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ อย่าเอาเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติมาถามฝ่ายบริหาร เพียงแต่ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรวจสอบฝ่ายบริหารได้ เรื่องเสียบบัตรแทนกันอย่ามาถามตน ทุกคนทราบดี ขอให้ไปตรวจสอบกันว่าทำถูกหรือไม่ถูก ส่วนกรณีร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 63 จะเป็นโมฆะหรือไม่นั้น อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ถ้ามีส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก็ดำเนินการไป บางเรื่องแม้จะเคยมีลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้น แต่รายละเอียดที่แตกต่างกัน ต้องไปดูกันอีกที ถ้าส่งให้ศาลพิจารณาก็เป็นเรื่องของศาล ไม่ขอก้าวล่วง เมื่อถามว่าแต่นายกฯเกี่ยวข้องในฐานะผู้ใช้งบฯ พล.อ.ประยุทธ์ตอบด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ก็เขาไม่ออกงบฯมาให้ แล้วเป็นความผิดของใครล่ะ เป็นความผิดที่ผมเหรอ ความผิดของใครไปตรวจสอบมาสิจ๊ะ ขั้นตอนมันติดตรงไหน ไม่ใช่มาถามผม เพราะผมเป็นคนรอรับงบฯมาใช้”

“เสรี” ท้วง ส.ว.ถกงบฯ 63 รอบคอบ

ช่วงสายที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานฯเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เป็นวันที่สอง ทั้งนี้ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. หารือต่อที่ประชุมกรณีร่าง พ.ร.บ.งบฯ2563 ที่ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย ไม่อยู่ในที่ประชุมสภาแต่มีชื่อลงมตินั้น เรื่องนี้มีผลเกี่ยวข้องกับวุฒิสภาโดยตรง อยากหารือว่าวุฒิสภาจะดำเนินการอย่างไร จะกลายเป็นการลงมติกฎหมายไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และกลายเป็นลงมติไม่ชอบทั้งวุฒิสภาหรือไม่ ขณะที่นายพรเพชรชี้แจงว่า ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงคือสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ความผิดของวุฒิภา เพราะวุฒิสภาไม่มีหน้าที่วินิจฉัยหรือไปก้าวก่าย เราต้องพิจารณาไปตามที่สภาฯยืนยันมาว่าถูกต้อง จากนั้นปล่อยให้ ส.ว.อภิปรายกันต่อ กระทั่งเวลา 16.20 น. ที่ประชุมลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 63 ด้วยคะแนน 225 ต่อ 0 งดออกเสียง 8

“เหลิม” แช่งคนปูดข่าวพบวิบัติ

ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย คณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค มีแกนนำพรรคเข้าร่วม อาทิ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมามีข่าวสับสน คนปล่อยข่าวบัดซบ เป็นพวกจัญอัป ปล่อยข่าวว่าตนไปกินข้าวไปพูดคุยตกลงรับเงินจากบางคน เพื่อไม่อภิปรายรัฐมนตรีบางคน ขอสาปแช่งคนที่เอาข่าวไปพูด และคนออกข่าวให้พบกับความวิบัติ ถ้าคณะตนทำเช่นนั้นขอให้เกิดความวิบัติเช่นกัน นับแต่เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ ไม่ได้บอกให้เสนอ หรือไม่เสนอใคร

ฟุ้ง รบ.กลัวเงาเลยต้องมาขย่ม

“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ไม่มีซูเอี๋ย ไม่มีดีล มีแต่การเอาข้อเท็จจริงมาบอกประชาชน บอกกับสื่อมวลชนว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เหมาะจะบริหารประเทศชาติอีกต่อไป ยังไม่รู้ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายใครบ้าง ชุดกิจการพิเศษวางไว้ 5 คน ทั้ง 5 ชื่อนี้เรามีข้อมูลพร้อมประเด็นที่จะอภิปราย แอบบอกให้ก็ได้ว่าเมื่อช่วยคดีบริษัทต่างชาติไม่ได้ก็มาแก้กฎหมาย สุดท้ายเก็บภาษีไม่ได้ แล้วรัฐบาลแบบนี้จะให้อยู่ได้อย่างไร คุณจะตอบอย่างไร ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ผมไม่มีสิทธิเข้าไปประชุมกับผู้บริหารพรรค ไม่มีสิทธิเข้าไปประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แล้วใครจะโง่มาดีลกับผม วันนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่ Final แล้วจะมาดีลอะไรกับผม ไม่เคยเล่นการเมืองอะไรเลวๆแบบนั้น ต้องด่ารัฐบาลชุดนี้มันกลัวเงาผม เลยต้องมาขย่ม เสียดายรอบนี้ไม่ได้เข้าสภาฯเลยออกไม่เต็มหมัด แต่ถึงออกได้แค่ครึ่งหมัด ก็ล้มรัฐบาลได้” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ กล่าวว่า 7 พรรคฝ่ายค้าน มีมติยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 29 ม.ค. ตัวเลขผู้ที่จะถูกอภิปรายเบื้องต้นคือ 7 บวกๆ

ห่วงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯโมฆะ

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านติดตามการกดบัตรแทนกัน เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ที่นอกจากกระทบต่อมาตรฐานจริยธรรมของ ส.ส.แล้ว ยังมีผลอาจทำให้กฎหมายหลายฉบับ ถูกตีความว่าเป็นโมฆะหรือไม่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.งบฯ เพราะหากเทียบเคียงกับกรณีการเสียบบัตรแทนกัน ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เรื่องนี้ถือว่าน่าเป็นห่วง มีผลกระทบกว้างขวาง และยังมีกรณีซ้ำซ้อนมาอีกว่า หากสถานภาพ ส.ส.อนาคตใหม่ถูกขับออก 4 คน ถ้าถูกตีความหมดสมาชิกภาพไปแล้ว แต่ยังไปกดโหวตอีก อาจทำให้ต้องถูกตีความกันอีก อยากให้รัฐบาลเคลียร์เรื่องเหล่านี้ให้จบ ไม่อยากให้นำขึ้นทูลเกล้าฯทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เป็นเรื่องที่ประธานสภาฯต้องสะสางหาคำตอบ

แจง “บิ๊กป้อม” อยู่ในข่ายซักฟอก

นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วนสถานภาพ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ถือว่ายังมีเอกภาพ ไม่ได้หวั่นไหวต่อกระแสข่าวฮั้ว ซูเอี๋ย เราคุยกันด้วยดีไม่มีปัญหา เดินหน้าต่อ เชื่อว่าผลงานจะออกมาดี ในส่วนของรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจากเดิม 5 คน อาจเพิ่มเป็น 7 คน รายชื่อที่อยู่ในข่ายประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม อยู่ที่ข้อมูลหลักฐาน

งานปีใหม่ พท. “เจ๊-เฉลิม” ชื่นมื่น

ช่วงค่ำที่พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรคเพื่อไทยได้จัดงานเลี้ยงปีใหม่ประจำปี 2563 ภายใต้ธีมคัลเลอร์ฟูล สีสันฉูดฉาด มีแกนนำ อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค และบรรดา ส.ส. เข้าร่วมงานกันคึกคัก โดยหัวหน้าพรรค ประธานที่ปรึกษาพรรค ประธานยุทธศาสตร์พรรค ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค นั่งร่วมโต๊ะพูดคุยแบบสนิทแนบแน่นอย่างเป็นกันเอง

“บิ๊กตู่” รปภ.เข้ม ครม.นราธิวาส

วันเดียวกัน เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุม อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ จ.นราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา) ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 1/2563 (ครม.สัญจร) ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด มีเจ้าหน้าที่ยืนประจำจุด พร้อมเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กบินตรวจการณ์อย่างเข้มข้น มีรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 20 ม.ค. นายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พักค้างคืนในกองพันทหารราบที่ 9 รักษาพระองค์ ค่ายจุฬาภรณ์

ปลื้ม รมต.แข็งขันลงพื้นที่ 3 จว.

ก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ทักทายนักศึกษาวิชาทหารหญิงชั้นปีที่ 4 และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และร่วมถ่ายรูป เยี่ยมชมกิจกรรมต่างๆอย่างอารมณ์ดี อาทิ ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูด กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มกระจูดโคกพะยอม ทดลองนวดคลายเส้นแก้เมื่อย โดยกล่าวกระเซ้าว่าช่วงนี้รู้สึกเมื่อย ขณะที่นายกฯกล่าวก่อนเริ่มวาระประชุมว่า ครม.ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดต่างๆทั้ง 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นภาพที่ตนพอใจ ประชาชนมีรอยยิ้มสร้างความเข้าใจด้วยในโครงการต่างๆ ครม.นอกสถานที่ก่อให้เกิดโครงการใหม่ๆที่ต้องการเร็วขึ้นใช้งบฯไม่มาก 5 ปีทำลักษณะนี้ตลอด เน้นใช้จ่ายงบฯ อย่างคุ้มค่า และแก้ปัญหาทุจริต ไม่เอื้อประโยชน์กับใครทั้งสิ้น

ย้ำพัฒนานำการทหารแก้ปัญหา

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์แถลงภายหลังการประชุม ครม.ว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมหารือนำไปสู่แผนการขับเคลื่อน ทั้งด่านการค้าชายแดน เส้นทางคมนาคม และศูนย์วัฒนธรรม บางอย่างต้องศึกษาใหม่นำเข้าสู่แผนปฏิบัติในงบฯ ปี 64 ตลอด 4-5 ปี หลายอย่างที่เสนอมาก่อนหน้าได้บรรจุเข้าแผนแล้ว ว่าไปตามงบฯที่มีอยู่ โครงการไหนเร่งรัดได้ปรับเปลี่ยนงบฯได้ก็ทำก่อน ยืนยันว่ารัฐบาลรับทุกเรื่องไปพิจารณานำสู่การขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติในทุกประเด็น สิ่งเหล่านี้จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ และเป็นแนวทางลดความรุนแรงลงได้ เพราะเราแก้ปัญหาด้วยการพัฒนานำการทหาร ทำให้ทุกคนมีความสุข การบ่มเพาะอะไรต่างๆจะลดลง การใช้กฎหมายจากกราฟลดลงทุกปี แต่สั่งเข้มงวดในมาตรการเชิงพื้นที่ ระมัดระวังและป้องกันเขตเมืองให้มากขึ้น

“พิชัย” เย้ย “ลุงตู่” เพิ่มเซลล์สมอง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า หากเดือน ม.ค.ส่งออกยังคงติดลบอีก ในปี 63 จะมีแนวโน้มติดลบต่อ จากที่อุตสาหกรรมส่งออกเริ่มล้าสมัย ขาดการลงทุนใหม่ๆ เป็นความล้มเหลวจากการปฏิวัติรัฐบาลสืบทอดอำนาจ อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่บอกว่าตัวเองมีเซลล์สมองเพียง 84,000 เซลล์ หาทางเพิ่มเซลล์สมองให้เท่ากับคนปกติที่มีประมาณ 1 แสนล้านเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ด้านเศรษฐกิจ ให้ไปอ่านศึกษาบทวิจารณ์ของนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกฯ และ รมว.คลัง จะได้ทราบความเป็นจริงของเศรษฐกิจที่กำลังจะยิ่งเสื่อมลงไปเรื่อยๆ ทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กับแบงก์ชาติไม่เข้าใจธรรมชาตินักลงทุน ถ้ารัฐบาลไม่ทำให้มั่นใจต่อให้เอาปืนจี้ก็ไม่มาลงทุน รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูความมั่นใจ หาวิธีทำให้เงินบาทอ่อนลง ปรับแนวทางให้แบงก์ชาติมาอยู่ภายใต้การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลตามแนวคิดของนายวีรพงษ์

เปิดเซฟ “เผดิมชัย” รวย 58 ล้าน

อีกเรื่อง ที่สำนักงาน ป.ป.ช. มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้แก่ 1.นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.นครปฐม พรรคชาติไทยพัฒนา กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 6 พ.ย.62 มีทรัพย์สิน 58,391,967 บาท 2.นายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กรณีพ้นตำแหน่ง เมื่อวันที่ 16 ต.ค.62 มีทรัพย์สิน 35,915,624 บาท มีหนี้สิน 1,355,010 บาท 3.นายอภิชาต โตดิลกเวชช์ ส.ว. กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 พ.ย.62 มีทรัพย์สิน 42,674,051 บาท

เพิ่มหมวก “สมคิด” คุมขับเคลื่อน ศก.

อีกเรื่องที่ประชุม ครม.สัญจรนราธิวาส มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนแผนการลงทุนของประเทศ ทั้งการลงทุนภาครัฐและรัฐวิสาหกิจในช่วงปี 63-64 และกำหนดแนวทางหรือมาตรการด้านการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ การคลัง ส่งเสริมการลงทุน การร่วมทุน และเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุน ในโครงการขนาดใหญ่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นประธาน มี รมว.คลัง เป็นรองประธาน ขณะที่กรรมการ อาทิ รมว.คมนาคม รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รมว.พลังงาน รมว.อุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ มีเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นกรรมการ และเลขานุการ

ศาลฎีกาควักใบดำผู้สมัคร ปชป.

ที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ศาลอ่านพิพากษา คดีที่ กกต.ผู้ร้อง ขอให้ศาลวินิจฉัยกรณีที่ กกต.มีมติสั่งเพิกถอนสิทธิการลงรับสมัครเลือกตั้ง และสิทธิเลือกตั้ง (แจกใบดำ) นายชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เหตุปราศรัยหาเสียงด้วยการใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรค การเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเอง พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายชาติชาย ผู้ถูกกล่าวหา เป็นเวลา 10 ปี

ทำ ส.ส.ระส่ำ กกต.คิดแต้มใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลฎีกามีคำพิพากษาดังกล่าว สำนักงาน กกต.ได้รายงานให้ที่ประชุม กกต.พร้อมความเห็นต่อกรณีดังกล่าว ว่าต้องมีการคำนวณ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองใหม่ เนื่องจากเป็นเหตุให้การเลือกตั้งในเขตนั้น มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 131 ซึ่งจะมีผลกับจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่จะถูกหักคะแนนของนายชาติชาย ออกไป และอาจทำให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับสุดท้ายต้องพ้นจากการเป็น ส.ส. อีกทั้งต้องจับตาดูว่า กกต.ยังคงใช้สูตรใดคำนวณ เนื่องจากปัจจุบันหลายพรรคมี ส.ส.เกินจำนวน ส.ส.พึงมี เช่น การเลิกพรรคของ พรรคประชาชนปฏิรูปที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ หรือกรณีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.นครปฐม เขต 5 ที่ทำให้ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ต่ำกว่าจำนวนพึงมี

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0