สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นัดหมายให้สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.ทั้ง 250 คน ไปลงทะเบียนที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา อาคารสุขประพฤติ ถนนประชาชื่น เพื่อเตรียมความพร้อม ก่อนจะพาขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางพร้อมกันไปประกอบรัฐพิธีเปิดการประชุมรัฐสภา ที่กระทรวงการต่างประเทศ
โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้จัดเตรียมรถบัสไว้อำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกจำนวน 7 คัน ซึ่งสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน จะออกเดินทางจากอาคารสุขประพฤติเพื่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศในเวลา 13.00 น.
ภายหลังเสร็จสิ้น "รัฐพิธีเปิดการประชุมรัฐสภา" ที่กระทรวงการต่างประเทศแล้ว สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คนจะเดินทางด้วยรถบัสพร้อมกันไปยังห้องประชุมทีโอที ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อดำเนินการเปิดการประชุมวุฒิสภานัดแรก เลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภา ในเวลา 17.30 น. โดยทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาไม่อนุญาตให้สมาชิกวุฒิสภาเดินทางไปด้วยตนเอง โดยให้เหตุผลเรื่องความสะดวกและความพร้อมเพรียงของการประชุม
สำหรับการประชุมวุฒิสภานัดแรก เพื่อเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภา จะมี ร้อยเอกทินพันธุ์ นาคะตะ อดีตประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาที่มีความอาวุโสสูงสุด ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมชั่วคราว และจะนำข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2560 มาใช้ในการประชุมนัดแรกเป็นการอนุโลมก่อน
โดยขั้นตอนของการเลือกประธานวุฒิสภา สมาชิกแต่ละคนจะมีสิทธิ์เสนอชื่อได้คนละ 1 ชื่อ และต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน ก่อนที่จะมีการลงคะแนน ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องมีการแสดงวิสัยทัศน์ในการดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาต่อที่ประชุม หากมีการเสนอชื่อเพียงคนเดียว ให้ถือว่าผู้นั้นได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา แต่หากมีการเสนอชื่อ 2 ชื่อ หรือมากกว่า 2 ชื่อ ให้มีการลงคะแนนเป็นการลับ
วิธีการลงคะแนน คือเขียนชื่อผู้ที่ตนประสงค์จะเลือกลงบนกระดาษใส่ซองที่เจ้าหน้าที่จัดให้ แล้วให้เรียกชื่อสมาชิกตามลำดับอักษรมาลงคะแนนเป็นรายคน โดยนำซองใส่ลงในภาชนะที่จัดเตรียมไว้
สำหรับการนับคะแนน ให้ประธานชั่วคราวเชิญสมาชิกจำนวน 5 คนเพื่อเป็นกรรมการตรวจนับคะแนน ซึ่งหากมีการเสนอชื่อชิงประธานวุฒิสภา 2 คน ให้ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ได้รับเลือก (ข้อบังคับไม่ได้บอกว่าต้องได้คะแนนเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดที่ลงคะแนน) ถ้าผลการนับคะแนนออกมาเท่ากัน ให้เลือกใหม่อีกครั้ง ถ้าคะแนนยังเท่ากันอีก ให้ใช้วิธีจับสลาก
หากมีการเสนอชื่อมากกว่า 2 คน ให้ผู้ได้คะแนนสูงสุด และมีคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มาประชุมเป็นผู้ได้รับเลือก ส่วนขั้นตอนการเลือกรองประธานวุฒิสภาก็ใช้วิธีเดียวกันกับการเลือกประธานวุฒิสภา
สำหรับคาดการณ์ผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานวุฒิสภา น่าจะมีแคนดิเดตเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น คือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย อดีตประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ส่วนรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 คือ พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร อดีต สนช. และเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 12 ของ "นายกฯลุงตู่" พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 คือ นายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธาน กกต. ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่ม ส.ว.ที่มาจากการสรรหาและคัดเลือกกันเองของกลุ่มอาชีพจากทั่วประเทศ
ล่าสุด ผลการเลือกประธานวุฒิสภา ได้สรุปออกมาแล้วว่า ได้มีการเสนอรายชื่อเดียว คือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ซึ่งในการเลือกประธานวุฒิสภา มีการเสนอชื่อ และมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน ถ้าเสนอเพียงรายชื่อเดียวให้ถือว่า ผู้นั้นได้รับเลือก
สำหรับนายพรเพชร วิชิตชลชัย เกิดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2491 จบการศึกษา นิติศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบเนติบัณฑิตไทย และปริญญาโทด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ด้านประวัติการทำงาน
1 เมษายน 2532 ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลคดีเด็กและเยาวชน จังหวัดนครสวรรค์
1 เมษายน 2533 ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครสวรรค์
1 ตุลาคม 2535 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา
1 ตุลาคม 2538 ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 1
1 ธันวาคม 2540 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์
1 ตุลาคม 2546 ผู้พิพากษาหัวหน้าแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 5
1 ตุลาคม 2547 ผู้พิพากษาศาลฎีกา
1 ตุลาคม 2549 ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4
1 ตุลาคม 2550 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอุทธรณ์ภาค 9 (ลาออก 21 พ.ย.2556)
11 ตุลาคม 2549 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สมัยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระ มหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข)
12 ธันวาคม 2549 กรรมาธิการการยุติธรรม การตำรวจและสิทธิมนุษยชน
8 ธันวาคม 2556 ผู้ตรวจการแผ่นดิน (แทนนายประวิช รัตนเพียร)
31 กรกฎาคม 2557 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
