โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ไทยเกาะที่ 2 อาเซียนใช้ AI ชี้ต้นทุนสูง-ขาดผู้เชี่ยวชาญเป็นอุปสรรค อินโดฯ อยู่เบอร์ 1

Manager Online

อัพเดต 20 ก.ค. 2561 เวลา 02.42 น. • เผยแพร่ 20 ก.ค. 2561 เวลา 02.42 น. • MGR Online

ประเทศไทยถูกจัดอยู่อันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการนำมาปัญญาประดิษฐ์มาใช้คิดเป็น 17.1 % ขององค์กรทั้งหมดในประเทศ แต่จำนวนผู้เชี่ยวชาญกลับมีไม่เพียงพอ ขณะที่อินโดนีเชียอยู่อันดับ 1 แต่ภูมิภาคนี้ยังตามหลังกลุ่มเอเชียเหนืออยู่หลายขุม

ผลการสำรวจล่าสุดซึ่งจัดทำโดย IDC บริษัทวิจัยการตลาดและให้คำปรึกษาด้าน IT ชั้นนำของโลกในหัวข้อ IDC Asia/Pacific Enterprise Cognitive/AI survey ชี้ให้เห็นว่าการนำปัญญาประดิษฐ์หรือ AI เข้ามาใช้ในภูมิภาคนี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมองภาพรวมของทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบว่าในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 14 % เปรียบเทียบกับเพียง 8 % ของปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่ามีหลายบริษัทนำปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ได้อย่างอัจฉริยะของระบบคอมพิวเตอร์ (AI/cognitive intelligence) เข้ามาฝังไว้ในกระบวนการทำงานมากขึ้น

มีผู้ตอบแบบสำรวจถึง 52% จัดลำดับให้ความต้องการค้นหาข้อมูลข่าวสารความเข้าใจเชิงลึกทางธุรกิจ (business insights) ได้ดีขึ้นเป็นพลังผลักดันที่สำคัญที่สุดในการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ เหตุผลนี้ถูกเลื่อนจากอันดับ 3 ในปีก่อนขึ้นมา เผยให้เห็นว่าตลาดในภูมิภาคนี้มีกำลังมีวุฒิภาวะ (maturity) เพียงพอที่จะนำ AI มาช่วยขยายธุรกิจได้ เหตุผลอื่นในลำดับต้น ๆ ที่เป็นตัวผลักดันการนำ AI เข้ามาใช้มีเรื่องของความต้องการเพิ่มความเป็นอัตโนมัติในกระบวนการทำงาน (51%) และปรับปรุงความสามารถในการผลิต (42%)

ประเทศอินโดนีเซียเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของภูมิภาคในการนำ AI เข้ามาใช้ถึง 24.6 % ขององค์กรทั้งหมดในประเทศ ตามด้วยอันดับสองคือประเทศไทย (17.1%) สิงคโปร์ (9.9%) และมาเลเซีย (8.1%) ประเภทการใช้งานในระดับต้น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่ ใช้สร้าง algorithm ในการคาดการณ์ตลาด (17%) และการบริหารจัดการสินทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นอัตโนมัติ (11%)

ต้นทุนสูง-ขาดผู้เชี่ยวชาญ อุปสรรคสำคัญ

แม้ว่าการนำ AI เข้ามาใช้จะสูงขึ้น แต่ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ยังตามหลังในภูมิภาคเอเชียเหนือ ในเรื่องของการกำหนดให้ AI เป็นวาระหลักในแผนเชิงกลยุทธ์ของตน อย่างเช่น มีบริษัทมากกว่า 80% ในประเทศจีนและเกาหลีไต้เชื่อว่าการที่ตนมีความสามารถในเชิง AI จะเป็นเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้ ต่อการประสบความสำเร็จและการมีความสามารถเชิงแข่งขันในอนาคตอันใกล้ เปรียบเทียบกับบริษัทที่เชื่อในเรื่องนี้ในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียมีไม่ถึง 40%

การขาดทักษะและความรู้ (23%) และต้นทุนโซลูชั่นด้าน AI ที่สูง (23%) เป็นอุปสรรคสำคัญในการนำ AI มาใช้งานตามความเห็นของผู้ตอบแบบสำรวจ

ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยภาพรวมยังล้าหลังกว่าภูมิภาคเอเชีย/แปซิฟิก (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) เป็นสัญญาณเตือนภัยให้องค์กรต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ควรจะรีบนำ AI มาใช้เสียโดยเร็ว ตัวอย่างเช่น 40% ขององค์กรในประเทศไทยตอบว่าอยากจะให้ระบบ ERP ของตนมี AI เข้ามาช่วยงาน ชี้ให้เห็นความต้องการค่อนข้างสูงที่อยากให้ใช้ AI มาช่วยในการชี้นำและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

อย่างไรก็ตาม พบว่าองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยตอบแบบสำรวจเป็นเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูงอันดับแรกเลยว่าการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เป็นอุปสรรคที่สำคัญมาก ๆ ประกอบกับมีองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยถึง 80% เห็นว่าความสามารถของ AI เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการอยู่รอดในเชิงการแข่งขันขององค์กรของตนในอนาคต ถือว่าสูงที่สุดในอาเซียนเลย

“AI และการวิเคราะห์จะเพิ่มความสามารถให้พนักงานและเป็นพลังสำคัญในการผลักดันองค์กรให้ประสบความสำเร็จ เรารู้สึกยินดีมากที่จะได้เห็นองค์กรต่าง ๆ ในประเทศไทยตระหนักถึงการเพิ่มความสามารถในการผลิต (productivity) และประสิทธิภาพในการทำงาน (efficiency) ด้วยการนำ AI เข้ามาใช้” นายณัฐพล อภิลักษณ์โตยานันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัดกล่าว อย่างไรก็ตามการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นจริงและต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน จำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรธุรกิจและภาครัฐในไทยจะต้องร่วมมือกันพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้องและทำให้ความสามารถในการวิเคราะห์เป็นเรื่องที่ทุกองค์กรสามารถเข้าถึงได้

สำหรับ IDC Asia/Pacific Enterprise Cognitive/AI survey เป็นรายงานการศึกษาที่จัดทำขึ้นทุก ๆ ปีเพื่อศึกษาแนวโน้มการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ ความท้าทายและอุปสรรคสำคัญ และการจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่าง ๆ ทางธุรกิจ ในปี 2018 การศึกษานี้ครอบคลุมผู้บริหารและผู้นำทาง IT ของธุรกิจจำนวน 502 คนทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจ 146 คนอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซียและไทย)

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0