โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

"ไทยยูเนี่ยน" ปลื้ม EBITDA พุ่ง 1.2 หมื่นล้านทุบสถิติ เตรียมจ่ายปันผล 47 สตางค์

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 17 ก.พ. 2563 เวลา 11.03 น. • เผยแพร่ 17 ก.พ. 2563 เวลา 08.17 น.
10

“ไทยยูเนี่ยน” ประกาศปริมาณการขายปี’62 เพิ่ม 1.9% ดัน EBITDA ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ส่วนกำไร 5,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน ลดจาก 1.40 เหลือ 1.07 เท่า จากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์คล้ายทุน ปันผลหุ้นละ 47 สตางค์ เพิ่มขึ้น 17.2%

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประกาศผลประกอบการประจำปี 2562 ว่า ปี 2562 ยอดขายลดลง 5.3% อยู่ที่ระดับ 126,270 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่ในด้านปริมาณการขายเติบโต 1.9% เมื่อเทียบกับปี 2561 เป็นผลจากธุรกิจอาหารทะเลแช่เย็นและแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องที่มีปริมาณการขายเติบโตขึ้น 12.8% ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามีปริมาณการขายเติบโตขึ้น 3.2 % กำไรจากการดำเนินงานในปี 2562 เติบโตขึ้นถึง 20.8 % อยู่ที่ 5,642 ล้านบาท

สำหรับสัดส่วนของยอดขายตามภูมิภาค ยอดขายจากทวีปอเมริกาเหนือมีสัดส่วนถึง 41% ยอดขายจากทวีปยุโรป 28 % ยอดขายจากประเทศไทย 12 % และตลาดอื่นๆได้แก่ เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกาใต้ 18%

ส่งผลให้มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (normalized net profit) 5,218 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยกำไรสุทธิภายหลังจากหักรายพิเศษ (Net profit) อยู่ที่ 3,816 ล้านบาท พร้อมเผยความสามารถในการทำกำไรเข้มแข็งขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเติบโต 6.4 % คิดเป็นเงินมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท โดยกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมและค่าจัดจำหน่าย (EBITDA) 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 9.2 % เมื่อเทียบกับปี 2561 ถือว่าทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งความสามารถในการทำกำไร การลงทุน และผลงานของบริษัทในเครือดีขึ้นสม่ำเสมอ

ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนลดลงจาก 1.40 เหลือ 1.07 เท่า เป็นผลจากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ที่มีลักษณะคล้ายทุนมูลค่า 6,000 ล้านบาทในไตรมาสสุดท้ายของปี ประกอบกับการลดหนี้สินจากกระแสเงินสดอิสระ 3,000 ล้านบาท
สำหรับปี 2562 ไทยยูเนี่ยนจะปันผล 47 สตางค์ต่อหุ้น กำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยในปี 2562 ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 25 สตางค์ต่อหุ้น

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยนยังคงมุ่งมั่นในการทำกำไรจากทั้งการดำเนินงานของธุรกิจหลัก ธุรกิจเพิ่มมูลค่าใหม่ๆ และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่มีอยู่ เราภูมิใจกับผลงานและความเติบโตของบริษัทในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ผมมั่นใจว่าไทยยูเนี่ยนจะก้าวต่อไปในทศวรรษใหม่นี้ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลอีกทั้งยังลงทุนต่อเนื่องในด้านนวัตกรรม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก และสานต่อพันธกิจในการสร้าง “สุขภาพที่ดี และท้องทะเลที่สมบูรณ์”

“นวัตกรรมยังเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของไทยยูเนี่ยนในอนาคต บริษัทมุ่งมั่นนำเทคโนโลยี ล่าสุดมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค โดยในปีที่ผ่านมาได้เปิดศูนย์นวัตกรรมไทยยูเนี่ยนขึ้นที่กรุงเทพฯ มีนักวิจัยกว่า 120 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นนักวิจัยระดับปริญญาเอกจากทั่วโลกกว่า 40 คนที่เชี่ยวชาญในสาขาเทคโนโลยีชีวภาพทางทะเล วิศวกรรม ยา อาหาร และสารอาหาร ในปี 2562 ไทยยูเนี่ยนยังได้ร่วมกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติและคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ก่อตั้งโครงการสเปซ-เอฟ โครงการบ่มเพาะและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพนวัตกรรมอาหาร เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมใหักับอุตสาหกรรม โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้จัดงานพบปะนักลงทุนให้กับ 23 สตาร์ทอัพจาก 6 ประเทศได้แก่ เยอรมัน อินเดีย นอร์เวย์ สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และประเทศไทย และในไตรมาสแรกของปี 2563 จะมีการจัดแสดงผลงานหรือ Demo Day ในวันที 5 มีนาคมนี้ ด้วย”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0