โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไทยพบติดเชื้อรายที่ 5 จีนปิดเพิ่ม 13 เมืองสกัดไวรัสโคโรน่า

คมชัดลึกออนไลน์

อัพเดต 24 ม.ค. 2563 เวลา 15.25 น. • เผยแพร่ 24 ม.ค. 2563 เวลา 15.21 น.

เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยมผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น ที่ห้องแยกโรคความดันลบว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นหญิงชาวจีน อายุ 33 ปี เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น เพื่อมาเที่ยวประเทศไทย โดยเดินทางมาถึงเมื่อวันที่ 21 มกราคม แต่ภายหลังเกิดมีอาการไข้ ไม่มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย จึงมาโรงพยาบาลตามคำแนะนำที่เราแจกแก่นักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเมื่อตรวจสอบประวัติแล้วก็พบว่าเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค จึงนำเข้าสู่ห้องแยกโรค และดำเนินการส่งสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) 2 แห่ง ซึ่งผลก็ออกมาตรงกันว่าเป็นเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 5 ของประเทศไทย ซึ่งล่าสุดผู้ป่วยอาการดีขึ้น มีไข้ต่ำๆ มีอ่อนเพลียเล็กน้อย ไอเล็กน้อย มีเสมหะ ให้การรักษาตามอาการ ส่วนลูกสาวอายุ 7 ขวบ ที่เดินทางมาพร้อมกันมีอาการสบายดี

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจ การพบผู้ป่วยเพิ่มแสดงถึงระบบการเฝ้าระวังโรคที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเราได้ยกระดับการเฝ้าระวังตามสถานการณ์ของโรค และขอให้ความมั่นใจว่าเราสามารถรับมือได้เพราะมีมาตรการคัดกรองและกักตรวจโรคโดยเฉพาะชาวจีนที่เดินทางจากอู่ฮั่นทั้ง 3 สนามบิน ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต และดอนเมือง จะมีช่องทางพิเศษในการคัดกรอง ถ้าพบสงสัยก็จะกักไว้ตรวจโรค

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่องไวรัสโคโรนา ว่า "ผมติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนามาตลอด ได้กำชับกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เตรียมความพร้อมและปรับแผนรับมือตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาตรการป้องกันและปฏิบัติตั้งแต่ต้นปี เน้นการตรวจคัดกรอง ณ ท่าอากาศยาน 5 แห่ง และด่านตรวจคนเข้าเมือง ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเป็นระดับ 3 พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด และให้โรงพยาบาลทั่วประเทศเตรียมแผนรับมือตลอด 24 ชั่วโมง ผมขอให้ทุกคนร่วมมือกันดูแลสุขภาพ หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีคนเยอะ หมั่นล้างมือให้สะอาด ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น รักษาร่างกายให้อบอุ่นและพักผ่อนให้เพียงพอนะครับ และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1422"

ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งผลจากการปิดท่าอากาศยานในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเกิดขึ้นก่อนวันหยุดช่วงเทศกาลตุรษจีนเพียง 1 วัน จะส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางมาไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่เป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 2.3-3.0% ของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.55-3.58 แสนคน จากเดิมที่คาดไว้ 3.66 แสนคน

ทั้งนี้ประเมินว่า กรณีที่ 1 การระบาดของเชื้อไวรัสในกรอบระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน น่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะสั้น คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจะมีประมาณ 11.10-11.30 ล้านคน ส่วนกรณีที่ 2 การระบาดของเชื้อไวรัสขยายระยะเวลาเป็นประมาณ 1-3 เดือน ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 2563 อาจลดลงเหลือประมาณ 10.94-10.77 ล้านคน หรือหดตัวประมาณ 0.5-2.0%

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หลังจากสั่งปิดเมืองอู่ฮั่น ต้นตอการระบาดแล้ว รวมถึงเมืองหวงกัง ซึ่งอยู่ห่างจากอู่ฮั่น ประมาณ 70 กิโลเมตร ให้ระงับการเดินรถสาธารณะและรถไฟ รวมทั้งสั่งปิดพื้นที่สาธารณะและขอให้ประชาชนในเมือง 7.5 ล้านคน หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกเมือง ล่าสุดทางการจีนยังคุมเข้มควบคุมการแพร่ระบาดโดยประกาศปิดเมืองเพิ่มคือ เมืองเอ้อโจว สั่งระงับการเดินรถไฟ นอกจากนี้ยังมีมาตรการปิดโรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร และยกเลิกการจัดงานต่างๆ ในอีก 5 เมือง ได้แก่ เมืองหวงกัง, เมืองเอ้อโจว, เมืองเซียนเถา, เมืองจิบิ และเมืองหลีชวน

มีรายงานด้วยว่า จีนขยายการควบคุมการเดินทางของประชาชนในมณฑลหูเป่ยเพิ่มขึ้นเป็น 13 เมือง ครอบคลุมเมืองเซียนหนิง เมืองเสี่ยวกัน เมืองเอินซี เมืองจื้อเจียง ในตอนกลางของมณฑลหูเป่ย และประกาศปิดเมืองจิงโจว ที่มีพลเมือง 6.4 ล้านคน เมืองหวงฉี 2.4 ล้านคน เมืองเฉียนเจียง 1 ล้านคน เมืองเซียนเถา 1.8 ล้านคน และเมืองฉือปี้ 5 แสนคน เมื่อรวมกับเมืองอู่ฮั่นและเมืองอื่นก่อนหน้านี้ถือว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งระงับระบบขนส่งสาธารณะและการเดินทางต่างๆ รวม 41 ล้านคนแล้ว ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขของจีนประกาศจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 830 ราย เสียชีวิตเพิ่มเป็น 25 ราย และพบผู้ต้องสงสัยคาดว่าติดเชื้อไวรัสอีก 1,072 ราย และมีผู้ที่ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาและออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว 34 ราย

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0