โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไทยป่วยโควิดเพิ่ม 102 ราย เสียชีวิตสะสม 23 ราย กทม.พุ่งทะลุเกิน 1 พันรายแล้ว

TODAY

อัพเดต 05 เม.ย. 2563 เวลา 09.17 น. • เผยแพร่ 05 เม.ย. 2563 เวลา 05.51 น. • Workpoint News
ไทยป่วยโควิดเพิ่ม 102 ราย เสียชีวิตสะสม 23 ราย กทม.พุ่งทะลุเกิน 1 พันรายแล้ว

ไทยป่วยโควิดเพิ่ม 102 ราย เสียชีวิตสะสม 23 ราย กทม.พุ่งทะลุเกิน 1 พันรายแล้ว รวมสะสม 2,169 ราย หายป่วยกลับบ้าน 674 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 1,472 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวม 23 ราย 

 

เมื่อเวลา 11.30 น. (5 เม.ย.63) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย ระบุว่า วันนี้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 102 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่ 66 จังหวัด รวมผู้ป่วยสะสม 2,169 ราย หายป่วยรวม 674 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,472 ราย เสียชีวิตอีก 3 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 23 ราย

 

สำหรับ รายละเอียดผู้เสียชีวิต 3 รายนั้น

รายแรกเป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง กลับจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ เข้ารับการรักษาในวันที่ 25 มี.ค. ด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ หายใจลำบาก

 

รายที่สอง เป็นชาวสวิสเซอร์แนด์ อายุ 82 ปี มีประวัติโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ซึ่งมีประวัติงานเลี้ยงในหมู่บ้าน และไปสถานบันเทิงแถวสุขุมวิท ก่อนที่วันที่ 31 มี.ค. จะเข้ารับการรักษาใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยอาการหาใจเหนื่อยหอบ วินิจฉัยเบื้องต้นว่ามีอาการปอดบวม และภาวะหายใจล่มเหลวเฉียบพลัน จนต้องมีการใส่เครื่องช่วยหายใจ

 

รายที่สาม ผู้ป่วยชายไทยอายุ 30 ปี อาชีพทำงานก่อสร้าง ประวัติดื่มสุราเป็นประจำ เดินทางจาก จ.พัทลุง ไปจ.สุรินทร์ ก่อนที่จะมีอาการป่วย ไอ ไม่มีไข้  มีเสมหะ อาเจียนเป็นเลือด เหนื่อยหอบ จึงเข้ารับการรักษาตัวก่อนที่จะเสียชีวิต

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่ยืนยันวันนี้มีทั้งหมด 102 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้

กลุ่ม 1 ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้า 48  ราย

-สถานบันเทิง 2  ราย

-พิธีกรรมทางศานา 2 ราย

-สัมผัสผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันก่อนหน้านี้ 44  ราย

 

กลุ่ม 2 ผู้ติดเชื้อรายใหม่  42 ราย

-ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 14  ราย

เป็นคนไทย 13  ราย (โดยส่วนใหญ่มาจากอังกฤษ 7 ราย เป็นนักศึกษาและทำงานร้านอาหาร)

และชาวต่างชาติ 1 ราย

-สัมผัสผู้ป่วยที่เดินทางจากต่างประเทศ 2  ราย

-ไปสถานที่ชุมนุมชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด สถานที่ท่องเที่ยว 5  ราย

-บุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย

-อาชีพเสี่ยง  เช่น ทำงานในที่แออัด ใกล้ชิดกับคนต่างชาติ 19  ราย (พบมากใน จ.ภูเก็ตกว่า 10 ราย ซึ่งเป็นพนักงานนวด)

 

กลุ่ม 3 ยืนยันการพบเชื้อแล้ว แต่รอสอบสวนโรค 12   ราย

 

ทั้งนี้ โฆษก ศบค. เปิดเผยว่า วันนี้พบผู้ป่วยในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยกระจายอยู่ในทั้งสามจังหวัดชายแดนใต้ และเมืองท่องเที่ยว โดยเฉพาะจ.ภูเก็ต 131 ราย ที่พบผู้ป่วยมากในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพที่เสี่ยง อย่างไรก็ตามกรุงเทพฯ ก็ยังคงมีผู้ป่วยสะสมสูงสุด ทะลุ 1,011 ราย ซึ่งเราต้องช่วยกันให้มากๆ ให้เหลือตัวเลขสองหลักลงมาให้ได้ พร้อมขอชื่นชมอีก 11 จังหวัดที่ยังไม่พบรายงานผู้ป่วย

ได้แก่

  • กำแพงเพชร
  • ชัยนาท
  • ตราด
  • น่าน
  • บึงกาฬ
  • พังงา
  • พิจิตร
  • ระนอง
  • สตูล
  • สิงห์บุรี
  • อ่างทอง

วิเคราะห์ผู้ป่วยที่เสียชีวิต 20 รายของไทย

- อัตราการป่วยตายของไทย อยู่ที่ 9.7 %

- อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 51.5 ปี (35-84 ปี)

- ชาย 18 ราย หญิง 2 ราย

- มีโรคร่วมที่พบกว่า 50 % คือโรคเบาหวาน รองลงมา 15 % พบมีความดันโลหิตสูง รวมถึงพบโรคไตเรื้อรัง 15% และอื่น ๆ ทั้งโรคหัวใจ มะเร็ง โรคปอดเรื้อรัง วัณโรค

- เหตุของการติดเชื้อแล้วเสียชีวิตมากสุด มาจากสนามมวย 5 ราย และอื่น ๆ เดินทางต่างประเทศ อาชีพเสี่ยง สัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า

 

โดย นพ.ทวีศิลป์ ยังคงย้ำว่ากลุ่มผู้สูงอายุยังคงเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังมากที่สุด ด้วยสถิติที่พบว่าผู้ติดเชื้ออาบุ 70-79 ปี มีอัตราการป่วยตายสูงถึง 10.5% และอายุ 80-89 ปี มีอัตราการป่วยตาย 16.7%

"อย่าไปใกล้ผู้สูงอายุ social distance ของเรา…หลายคนเราเห็นภาพกลับถึงบ้านอาบน้ำ สระผม แล้วก็ใส่หน้ากากอนามัยทำอย่างนั้นเลยดีครับ แม้จะเปลื้องแชมพูสระผมเสียหน่อย แต่เราไม่รู้เราไปสัมผัสอะไรต่าง ๆ มา ดูแลตรงนี้ก็เป็นสุขอนามัย" นพ.ทวีศิลป์กล่าว

 

ขณะที่ สถานการณ์ทั่วโลกนั้น มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว 1,200,319 ราย เสียชีวิตกว่า 64,667 ราย ซึ่งสหรัฐฯยังคงมีผู้ป่วยมากที่สุดแตะสามแสนกว่าคน แต่สิ่งที่น่ากังวล คือในประเทศอิตาลี และสเปน ยังคงมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า หลังจากมีการประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหะสถาน เวลา 22.00-04.00 น. ในคืนวันที่ 3-4 เม.ย.63 ได้ตั้งจุดตรวจจำนวน 634 จุด ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด มีรถผ่าน 7,997 คันผ่านจุดตรวจ และพบการกระทำผิดไม่มีเหตุผลในการเดินทาง เป็นรถยนต์ 522 คัน 677 คน
.
นอกจากนี้ ยังพบการรวมกลุ่มมั่วสุม เช่น การดื่มสุรา การเสพยาเสพติด คิดเป็น ยานพาหนะ 24 คัน จำนวน 41 คน โดยทั้งหมด มีการตักเตือน 375 คน ดำเนินคดี 325 คน จึงขอความร่วมมือปฎิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0