โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ไทยติดไวรัสอู่ฮั่นเพิ่ม เจอ 8 ราย จีนดับ 56 คน

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 26 ม.ค. 2563 เวลา 17.18 น. • เผยแพร่ 26 ม.ค. 2563 เวลา 22.28 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ผู้สงสัยรับ "เชื้อ" ปากน้ำโพมีถึง5 หญิงจีนที่ระยอง "อนุทิน" ลุยสกัด! ยังไม่ปิดประเทศ

ทางการไทยยืนยันแล้ว พบ ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 จำนวน 8 ราย เป็นชาวจีน 7 คนไทย 1 โดยติดเชื้อจากเมืองจีน แต่ล่าสุดรักษาหายแล้ว 5 ยังรักษาอาการอีก 3 แต่ยังพบผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสร้ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้าน “อนุทิน” ยันไม่ถึงขั้นปิดประเทศ แต่รัฐบาลเตรียมประชุมในสัปดาห์นี้ถึงมาตรการรับมือ-ช่วยเหลือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงเล็งอพยพคนไทยกลับ ขณะที่ในจีนยังอ่วม พบผู้ป่วยตายเพิ่มไม่หยุด ปธน.จีน สั่งระงับการเดินทางในหลายพื้นที่ลามถึง ปักกิ่ง-เซี่ยงไฮ้ หลังสถานการณ์ระบาดเข้าขั้นรุนแรง ด้านนักวิทยาศาสตร์อังกฤษ ห่วงจีนคุมไม่อยู่เหตุอัตราแพร่กระจายมากกว่าที่คาด

สำนักข่าวต่างประเทศเกาะติดสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจและโรคปอดอักเสบในมนุษย์ โดยต้องสงสัยไวรัสชนิดนี้เริ่มแพร่กระจายจากตลาดแหล่งค้าสัตว์แห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ณ มณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของจีน ตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.2562 ที่ผ่านมา

จีนประกาศภาวะฉุกเฉิน

สำหรับสถานการณ์เมื่อวันที่ 26 ม.ค.2563 จีนประกาศยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่น เพิ่มเป็น 56 ราย โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในประเทศจีน ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสชนิดนี้มีมากกว่า 2,000 คน ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในจีน ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวระหว่างการประชุมฉุกเฉินคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ระบุสถานการณ์แพร่กระจายของไวรัสโคโรนาในประเทศจีน “เข้าขั้นร้ายแรง” รัฐบาลจีนประกาศหยุดการค้าขายสัตว์ป่าทั่วประเทศ ทั้งตามตลาดสด ตามร้านอาหารและการค้าสัตว์ป่าผ่านออนไลน์ “อี-คอมเมิร์ซ” เพราะต้องสงสัยไวรัสโคโรนา อาจมีการพัฒนาติดต่อข้ามสายพันธุ์จากสัตว์สู่มนุษย์

มะกัน–ญี่ปุ่นเตรียมอพยพคนกลับ

ส่วนสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จากพื้นที่เมืองอู่ฮั่นและพื้นที่ใกล้เคียง ทำให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาสั่งอพยพเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่เมืองอู่ฮั่น ทั้งเปิดโอกาสให้ชาวอเมริกันบางส่วนในพื้นที่เมืองอู่ฮั่นอพยพขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษออกจากเมืองอู่ฮั่นสู่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย วันที่ 28 ม.ค.นี้ เช่นเดียวกับรัฐบาลญี่ปุ่นระบุจะช่วยอพยพชาวญี่ปุ่นออกจากพื้นที่เมืองอู่ฮั่นเร็วๆ นี้ด้วย

พบระยะฟักตัวเชื้อ 2 สัปดาห์

ส่วนองค์การอนามัยโลก ยังไม่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศจากกรณีการระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขต่างแสดงความวิตกกังวลว่ารัฐบาลจีนจะควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนาในประเทศได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน นายหม่า เสี้ยวเหว่ย รมว.สาธารณสุขของจีน แถลงถึงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา ระบุยอมรับถึงการรับรู้ของมนุษย์ต่อไวรัสชนิดนี้ยังอยู่ในวงจำกัด โดยเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่จะใช้เวลาฟักตัวระหว่าง 1-14 วัน แต่เชื้อไวรัสสามารถติดต่อสู่ผู้อื่นได้ด้วยในช่วงเวลาการฟักตัว ซึ่งทำให้การแพร่กระจายของไวรัสรวดเร็วมากขึ้น แตกต่างจากเชื้อไวรัสโรคซาร์สที่เคยระบาดทั่วโลกคร่าชีวิตผู้คนมากเกือบ 800 ราย เมื่อช่วงปี 2545-2546 อย่างไร ก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขของจีนจะแถลงความคืบหน้าสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาทุกวันตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.นี้เป็นต้นไป ขณะที่หนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี กระบอกเสียงรัฐบาลจีน ระบุทางการอยู่ระหว่างเร่งสร้างโรงพยาบาลฉุกเฉินแห่งที่ 2 ขนาด 1,300 เตียง ในพื้นที่เมืองอู่ฮั่น ให้แล้วเสร็จภายในครึ่งเดือน เพื่อรองรับผู้ป่วยจากไวรัสโคโรนา หลังสร้างโรงพยาบาลฉุกเฉินแห่งแรก ขนาด 1,000 เตียง ไปแล้วก่อนหน้านี้

ปักกิ่งปิดเรียนทุกระดับไม่มีกำหนด

วันเดียวกัน ทางการนครเซี่ยงไฮ้ สั่งระงับการเดินทางระยะไกลด้วยรถบัสทั้งขาเข้าและขาออกจากนครเซี่ยงไฮ้เพื่อสกัดกั้นการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา มาตรการนี้ให้มีผลบังคับใช้ทันที เช่นเดียวกับพื้นที่กรุงปักกิ่ง ทางตอนเหนือและมณฑลชานตง ทางภาคตะวันออก ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่มากราว 100 ล้านคน ส่วนกรุงปักกิ่ง สั่งเลื่อนการเปิดชั้นเรียนตามโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถมและมัธยม ตลอดจนมหาวิทยาลัย ซึ่งปิดเรียนในช่วงเทศกาลตรุษจีนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด แต่ยังไม่มีคำสั่งปิดพื้นที่กรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ ตามสวนสนุกที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมไปต่างประกาศปิดให้บริการอย่างไม่มีกำหนด อาทิ เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกง รวมถึงโอเชียน ปาร์ก

พบคนติดเชื้อกระจายไปทั่วโลก

ส่วนสถานการณ์แพร่กระจายของไวรัสโคโรนา นอกประเทศจีน ยังมีการพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกือบทั้งหมดเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น โดยที่สหรัฐอเมริกา ยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส โคโรนา 3 ราย ในนครชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ในพื้นที่รัฐวอชิงตัน และในพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ทางตอนใต้ แต่ผู้ป่วยทั้งหมดอาการทรงตัว ขณะที่เกาะไต้หวัน เพิ่มมาตรการเข้มงวดตรวจสอบชาวจีนเดินทางเข้าไต้หวัน ทั้งห้ามชาวจีนที่มาจากพื้นที่มณฑลหูเป่ยทุกคนเข้าไปเกาะไต้หวัน ส่วนนักเรียนนักศึกษาจีนในไต้หวัน ให้เลื่อนการเดินทางกลับไต้หวันไปอีก 2 สัปดาห์ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศรายที่4 เป็นชายวัย 40 ปี เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่นถึงญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา

นักวิทย์ผู้ดีห่วงจีนคุมไม่อยู่

นักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์วิเคราะห์โรคติดเชื้อ เอ็มอาร์ซี ในอังกฤษ แถลงเตือนทางการจีนอาจควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ ไม่ได้ ทั้งประเมินความเสี่ยงอัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนา จากผู้ป่วย 1 ราย จะแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้อีกเฉลี่ยราว 2-3 คน ทางการจีนจำเป็นต้องลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสลงให้ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคณะผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ในอังกฤษ ประเมินจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ภายในปีนี้ทั่วโลกอาจพุ่งถึงกว่า 11,000 ราย

รับสมัครล่ามจีนช่วยคัดกรองคน

ในส่วนมาตรการเฝ้าระวังและคัดกรองผู้อาจติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่เดินทางเข้าประเทศไทยในระยะนี้ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอประชาสัมพันธ์ขอรับสมัครล่ามภาษาจีน สำหรับคัดกรองผู้เดินทางที่ท่าอากาศยานนานาชาติ บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อทำหน้าที่สัมภาษณ์คัดกรองผู้ที่เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค กรมควบคุมโรค โดยจะมีทีมดูแลเรื่องอุปกรณ์ป้องกันร่างกาย เช่น หน้ากาก N95 ชุดป้องกันการติดเชื้อ (PPE) พร้อมสอนวิธีการสวมใส่ที่ถูกต้อง ส่วนช่วงเวลาปฏิบัติงานจะแบ่งเป็น 2 กะ ระหว่างเวลา 08.00-20.00 น.และ 20.00-08.00 น. สำหรับคุณสมบัติของล่ามภาษาจีนไม่จำกัดเพศ มีอายุระหว่าง 20-45 ปี สามารถเข้าใจศัพท์ทางการแพทย์ และสาธารณสุขเบื้องต้น โดยมีค่าตอบแบบเหมาวันละ 5,000 บาท หรือแบบรายชั่วโมง 400-600 บาท โดยต้องทำสัญญาจ้างกับกรมควบคุมโรค และเซ็นชื่อปฏิบัติงานกับกรมควบคุมโรค ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ที่ คุณแมว เบอร์โทรศัพท์ 08-9787-0340

นอกจากนี้ กรมควบคุมโรคยังรับสมัครล่ามภาษาจีน เพื่อทำหน้าที่สัมภาษณ์ผู้ป่วยและติดตามผู้สัมผัสร่วมกับทีมสอบสวนโรค มีรูปแบบการปฏิบัติงาน โดยซักประวัติผู้ป่วยผ่านอินเตอร์คอมรวมไปถึงการติดตามผู้สัมผัสร่วมกับทีมสอบสวนโรค แต่หากจำเป็นต้องสัมภาษณ์ต่อหน้า จะมีทีมดูแลเรื่องอุปกรณ์ป้องกันร่างกายเช่นกัน ผู้สนใจติดต่อได้ที่คุณจี เบอร์โทรศัพท์ 06-1998-1116

ยึด 5 ข้อดูแลตามองค์การอนามัยโลก

น.ส.ไตรศุลีกล่าวด้วยว่า สำหรับแนวทางป้องกันโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตามที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศไว้ มีดังนี้ 1.ขอให้ประชาชนหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ 2.ปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอจามด้วยกระดาษทิชชูหรือต้นแขนด้านใน 3.หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจหรืออาการคล้ายไข้หวัด 4.ปรุงอาหารประเภทเนื้อสัตว์และไข่ให้สุกด้วยความร้อน และ 5.สวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อต้องสัมผัสกับสัตว์ป่ามีชีวิต หรือสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม

นศ.ไทยโพสต์ขอให้ช่วยหวั่นอดตาย

วันเดียวกัน ในเพจ “มนุษย์ธรรมศาสตร์” ได้แชร์ข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อ Pasnicha Krutdamrongchai ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เราเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ขอแจ้งสถานการณ์จริงของแท้ที่นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่มีอาหารเพียงพอเพราะไม่ได้ซื้ออาหารกักตุนไว้ เนื่องจากได้รับแจ้งเรื่องการปิดเมืองกะทันหันมาก และไม่สามารถออกไปหาซื้อที่ไหนได้ เพราะเดินทางไปไหนไม่ได้ ร้านซุปเปอร์ใกล้มหาลัยก็ขายหมดเกลี้ยงไม่มีอะไรเหลือตอนนี้เพื่อนนักศึกษาต่างชาติ เช่น อเมริกา ญี่ปุ่น อินโด เขาได้รับแจ้งว่าทางสถานทูตของเขาได้เตรียมดำเนินการเพื่อจะรับตัวกลับแล้วเราก็รอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยอยู่ถ้ายังอยู่ต่อ ไม่รู้ว่าจะอดอาหารตาย หรือติดเชื้อตาย อยากกลับบ้านมาก รอด้วยความหวัง #武汉肺炎 #ไวรัสโคโรนา #ไวรัส ด้วยความเคารพ และลงชื่อตอนท้ายว่า “ฮัน”

ประสานคนไทยแนะที่ซื้ออาหาร

ต่อมา น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนักศึกษาไทยในอู่ฮั่นโพสต์ขอความช่วยเหลือว่า กระทรวงทราบเรื่องแล้ว สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ได้ติดต่อและขอให้นักเรียนไทยคนอื่นช่วยเหลือแนะนำนักศึกษาคนดังกล่าวแล้วว่าจะหาแหล่งอาหารได้เพิ่มเติมจากที่ไหน นอกจากนี้ สำนักงานการต่างประเทศ หรือไว่ปั้นของมณฑล หูเป่ยบอกว่าได้ตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยทราบว่า ร้านค้าและโรงอาหารเปิดตามปกติ สำหรับสถานทูตประเทศต่างๆ ที่มีการอ้างถึงในโพสต์ ขณะนี้ทราบว่ายังไม่ได้มีการดำเนินการอะไรเช่นกัน

ประชุมแผนช่วยเหลือ 27 ม.ค.นี้

น.ส.บุษฎีกล่าวด้วยว่า กระทรวงฯสั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในจีนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งติดต่อกับนักเรียนไทยและชุมชนไทยในพื้นที่ต่างๆอยู่ตลอด โดยขอให้คนไทยติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการจีนอย่างเคร่งครัด โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ประสานเครือข่ายชุมชนไทยที่เมืองอู่ฮั่นแล้ว ทราบว่าทุกคนปลอดภัยดี แบ่งเป็นนักเรียนไทย 54 คน กับหมอนวดสปาอีก 10 คน ซึ่งฝ่ายกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตมีรายละเอียดในติดต่อคนไทยทั้งหมดแล้ว ส่วนการอพยพคนไทยกลับนั้น สถานทูตในปักกิ่งกำลังตรวจสอบอยู่ อย่างไรก็ดี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันเพื่อประเมินสถานการณ์ ขณะเดียวกันมีการตั้งกลุ่มไลน์เพื่อติดต่อประสานงานระหว่างกระทรวงกับสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ในจีนในเรื่องดังกล่าวแล้ว และในเวลา 15.00 น. วันที่ 27 ม.ค.นี้ กระทรวงฯจัดประชุมคณะทำงานศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน (Rapid Response Center หรืออาร์อาร์ซี) เพื่อเตรียมแผนเผชิญเหตุเพื่อช่วยเหลือคนไทยในจีน จากกรณีนี้ โดยจะเชิญผู้แทนหน่วยราชการ และทุกหน่วยในอาร์อาร์ซีเข้าร่วมการประชุม

ทอ.เตรียมซี–130 ขนคนไทยกลับ

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการดูแลประชาชนและมาตรการรับมือกับเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหา เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับคนไทยอย่างดีที่สุด นอกจากนี้ ยังเตรียมแผนการช่วยเหลือคนไทยและนักศึกษาที่เมืองอู่ฮั่นในขณะนี้ เช่นเดียวกับ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. กล่าวว่า กองทัพอากาศเตรียมเครื่องบิน ซี-130 จำนวน 3-4 ลำ พร้อมทั้งจัดทีมแพทย์ จำนวน 2-3 ชุดปฏิบัติการ พร้อมเดินทางไปให้การช่วยเหลือหากได้รับมอบหมายจากทางรัฐบาล หรือทางนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กับภารกิจในการอพยพคนไทย ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนาในเมืองอู่ฮั่น ขณะนี้รอความชัดเจนจากทางกระทรวงการต่างประเทศในการสำรวจจำนวนคนไทยในพื้นที่

ไทยพบผู้ติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น 8 ราย

ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานประชุมเชิงปฏิบัติการการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศไทย ร่วมกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยหลังประชุมเสร็จ นายอนุทินแถลงว่า ณ วันที่ 26 ม.ค.2563 ไทยพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจากต่างประเทศ 8 ราย เป็นชาวไทย 1 ราย ชาวจีน 7 ราย ทุกรายได้รับเชื้อไวรัสขณะอยู่ต่างประเทศ และเดินทางมายังประเทศไทย โดยในจำนวนนี้กลับบ้านแล้ว 5 ราย ส่วนอีก 3 ราย ซึ่งเป็นหญิงชาวจีน อยู่ระหว่างนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ยืนยันว่าไม่มีผู้ป่วยรายใดได้รับเชื้อจากประเทศไทย ขณะเดียวกันพบว่ามีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 84 ราย แบ่งเป็นคัดกรองจากสนามบิน 24 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 60 รายอนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 45 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และยังคงรับไว้ในห้องแยกโรค 39 ราย ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ข้อมูลตั้งแต่ วันที่ 5-25 ม.ค.2563 พบผู้ป่วย 21 ราย ใน 10 ประเทศ ส่วนประเทศจีนข้อมูล ณ วันที่ 25 ม.ค.2563 พบผู้ป่วย 1,303 ราย เสียชีวิต 41 ราย ทั้งนี้ สธ.ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของ สธ.หลีกเลี่ยงการเดินทางไปเมืองที่มีการระบาด

ยันไทยยังไม่ถึงขั้นปิดประเทศ

นายอนุทินกล่าวถึงมาตรการคัดกรองผู้ป่วยด้วยว่า ได้ย้ำกรมควบคุมโรคถึงการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน หรือเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิในสนามบินที่มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาทั้ง 5 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง กระบี่ ภูเก็ต เชีียงใหม่ อย่างเข้มข้น รวมทั้งแจกคำแนะนำนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงแจ้งไปยังผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้แจ้งไปยังโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว หากพบผู้ป่วยให้รายงานทันที ซึ่งจะมีการรับตัวไปวินิจฉัยและรับการดูแลที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อและไวรัสยืนยันว่าสถานการณ์เมืองไทยยังอีกไกลกับขั้นตอนการปิดประเทศ ขอให้มั่นใจ และตนจะนำประกาศนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งคณะอำนวยการระดับชาติที่เกี่ยวกับโรคติดต่อโรคอุบัติใหม่ เมื่อปี 2557 เสนอต่อนายกฯในวันที่ 28 ม.ค.นี้ เพื่อพิจารณาหรือสั่งการเพิ่มเพื่อให้คำสั่งทันต่อสถานการณ์ ทั้งจะมีการเสนอให้มีการรับตัวคนไทยในเมืองอู่ฮั่นกลับมาด้วย

ผู้ป่วย 3 รายหลังอาการดีขึ้น

ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผู้ป่วยอีก 3 รายที่รักษาตัว เป็นหญิงชาวจีนทั้งหมด โดยรายที่ 6 อายุ 33 ปี รักษาตัวที่ รพ.ราชวิถี รายที่ 7 อายุ 57 ปี รักษาตัวที่ รพ.บำราศนราดูร และรายที่ 8 อายุ 73 ปี รักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.หัวหิน ทั้งนี้ ทุกรายมีอาการดีขึ้นตามลำดับ

ปรับแผนท่องเที่ยวก่อนเจ๊งหนัก

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวของไทยเพียงใด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า อยู่ที่ว่าทางการจีนจะประกาศนานเท่าใด หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์การระบาดของโรคซาร์ส ก็จะสูญเสียรายได้ไปกว่า 50,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ในวันที่ 27 ม.ค. จะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปรับแผนการท่องเที่ยว เพื่อนำเสนอ ครม.เศรษฐกิจ ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ด้วย

ดูอาการ 24 ชม. ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ

นอกจากนี้ ตลอดวันที่ 26 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสฯ ตามพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ โดยที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เป็นหญิงชาวจีนอายุ 38 ปี เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นมาป่วยขณะท่องเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ เข้ารักษาตัวที่ รพ.แมคคอร์มิค แพทย์ซักประวัติแล้วส่งต่อ ขณะนี้อยู่ระหว่างแยกตัวเพื่อรักษาและเก็บตัวอย่างเชื้อไปตรวจ คาดว่าจะทราบผลใน 2 วัน อีกรายที่ จ.ศรีสะเกษ เป็นชายไทย วัย 21 ปี เป็นนักศึกษาเดินทางมาจากเมืองกุ้ยหลิน มณฑลกวางสี เมื่อวันที่ 7 ม.ค. กลับบ้านเกิดที่ จ.ยะลา ก่อนจะมาเยี่ยมญาติที่ อ.กันทรารมย์ แล้วป่วยมีไข้ มีน้ำมูก หอบเหนื่อย เข้าข่ายต้องสงสัยติดเชื้อ เข้ารับการรักษาที่ รพ.กันทรารมย์ ก่อนถูกส่งต่อ รพ.ศรีสะเกษ เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 25 ม.ค. แพทย์กักกันเฝ้าระวัง อยู่ระหว่างรอผลตรวจที่แน่ชัด

หญิงจีนผ่านดอนเมืองมาป่วยที่ระยอง

ส่วนผู้ต้องสงสัยติดเชื้อรายล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีนักท่องเที่ยวหญิง อายุ 54 ปี ชาวมณฑลเจียงซู เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์มาเที่ยวเกาะเสม็ด หมู่ 4 ต.เพ อ.เมืองระยอง ป่วยมีไข้สูง ไอ เจ็บคอ หายใจเหนื่อย ไกด์ทัวร์แจ้งเจ้าหน้าที่ รพ.สต.เกาะเสม็ด นำส่ง รพ.ระยอง แพทย์ให้เข้าห้องแยกเฉพาะเฝ้าดูอาการตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวมาถึงสนามบินดอนเมืองวันที่ 24 ม.ค.ก่อนเดินทางมาเที่ยวที่เกาะเสม็ด กระทั่งมีอาการป่วยเป็นไข้คล้ายติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่

นครสวรรค์สงสัยติดเชื้อ 3 รายรวด

ส่วนที่ จ.นครสวรรค์ มีผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อมี 3 ราย รายแรกเป็นชายไทยอายุ 23 ปี เดินทางจากเมืองอู่ฮั่นถึงดอนเมืองเมื่อวันที่ 24-25 ม.ค. รู้สึกเมื่อยเนื้อตัว มีไข้ ไปรักษา รพ.เอกชน ก่อนถูกส่งมา รพ.สวรรค์ประชารักษ์ คนที่ 2 เป็นหญิงไทยอายุ 31 ปี ไปเที่ยวเมืองอู่ฮั่น เมื่อวันที่ 18-19 ม.ค. กลับ ประเทศไทยแล้วมีไอ มีไข้ต่ำๆ ขณะนี้ยังมีอาการไอ น้ำมูก ไม่เหนื่อยหอบ ทั้งสองรายแพทย์ให้นอนห้องแยกโรคเพื่อการวินิจฉัย และคนที่ 3 เป็นชายไทยอายุ 35 ปี เดินทางกับรายที่ 2 ยังไม่มีอาการอะไร แพทย์กักตัวไว้เพื่อสังเกตอาการ ผู้ป่วย 2 รายแรกได้ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ศูนย์โรคติดต่อและโรคอุบัติใหม่สภากาชาดไทย สถาบันบำราศนราดูร และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อวินิจฉัยใช้เวลาประมาณ 48 ชม. จึงจะทราบผล นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่ามีผู้ป่วยอีก 2 ราย อยู่ระหว่างเฝ้าดูอาการ แต่รายละเอียดยังไม่เปิดเผย

คุมเข้มด่านติดประเทศเพื่อนบ้าน

ด้าน พ.อ.กฤษณ์ กิตยาธิวัฒน์ รอง ผบ.ฉก.กรม.ร. 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ตม.ตาก ศุลกากรแม่สอด เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศแม่สอด ตั้งจุดคัดกรองนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ผ่านเข้าออกชายแดนด่านถาวร สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา อ.แม่สอด จ.ตาก อย่างเข้มงวดพร้อมประสานทางการพม่า สั่งห้ามชาวจีนเดินทางข้ามพรมแดนทางท่าเรือธรรมชาติแม่น้ำเมย เพราะไม่สามารถตรวจคัดกรองโรคได้ เช่นเดียวกับที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ ตม.ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จ.หนองคาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจเข้มนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ยังไม่พบผู้ที่เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นแต่อย่างใด ส่วนที่จุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำไทย-ลาว บ้านสบรวก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย สุดเงียบเหงาไม่มี นักท่องเที่ยวชาวจีนข้ามไปฝั่งลาว โดยเจ้าหน้าที่ ตม.เชียงแสน เผยว่า ทางการลาวห้ามคนจีนที่อยู่ใน เขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน คิงส์โรมันส์ เดินทางออกจากฝั่งลาว และไม่ให้คนจีนที่จะข้ามตรงจุดผ่านแดนถาวรไทย-ลาว ข้ามไปยังเมืองต้นผึ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสโคโรนาเข้าไประบาดในลาว แต่คนไทยและชาวต่างชาติที่ไม่ได้เดินทางมาจากจีนยังเดินทางเข้า-ออกได้ แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส

สั่งเบรก นศ.จีนกลับไทย

วันเดียวกัน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันไทยมีนักศึกษาจากประเทศจีนเข้ามาศึกษากว่า 5 พันคน ส่วนใหญ่มาศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏ ส่วนมหาวิทยาลัยเอกชน มีนักศึกษาจีนทั้งระบบอีกกว่า 7,500 คน โดยเปิดเทอมไปแล้วตั้งแต่ปลาย ธ.ค.2562 หรือต้นปี 2563 ดังนั้น นักศึกษาส่วนใหญ่จึงไม่ได้กลับบ้านไปฉลองตรุษจีนที่ประเทศของตัวเอง แต่ฉลองอยู่ในประเทศไทย แต่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ อว.มีมาตรการคือ นศ.จีนที่เดินทางกลับบ้านช่วงตรุษจีนและยังไม่กลับมา ก็ให้พำนักอยู่ในจีนต่อไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ส่วน นศ.จีนที่อยู่ในไทยตอนนี้ ขอให้หลีกเลี่ยงพบปะกับคนที่เพิ่งกลับจากจีน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะติดเชื้อดังกล่าว ส่วนนักศึกษาที่มีไข้ หรือมีอาการผิดปกติทางระบบทางเดินหายใจ ต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล ไม่ควรรักษาตัวเอง และควรดูแลอย่างใกล้ชิด และในช่วงบ่ายวันที่ 28 ม.ค.นี้จะหารือกับผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของมหาวิทยาลัย เพื่อทบทวนความรู้ เตรียมพร้อมป้องกันและรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศไทยและการระบาดอื่นๆในอนาคต รวมทั้งหารือมาตรการในการดูแลนักศึกษาไทยที่ไปเรียนที่ประเทศจีนด้วย

สพฐ.สั่งทุกโรงเรียนเฝ้าระวังโรค

นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ได้ลงนามคำสั่งด่วนที่สุดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรื่อง การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 แจ้งไปถึงผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกเขตให้ สพท. ประชาสัมพันธ์ เฝ้าระวังการแพร่ระบาดและป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนาในโรงเรียน 10 ข้อ คือ 1.ดื่มน้ำอุ่น เมื่อรู้สึกกระหายน้ำ 2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม 3.หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด 4.สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ชุมชน 5.ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว 6.หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์ และไม่สัมผัสหรืออยู่ใกล้กับสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่ป่วยหรือตาย 7.หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์ เจลล้างมือ 8.ห้ามรับประทานของดิบ 9.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และ 10.หากพบนักเรียนมีอาการไข้ขึ้นอย่างรวดเร็ว ลดยาก ปวดศีรษะและลำตัว มีอาการไอต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีน้ำมูกให้รีบพาไปพบแพทย์ หรือโทร.แจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422 และหากมีความจำเป็นต้องปิดโรงเรียนให้อยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการโรงเรียน

เรียก 20 นศ.ฝึกงานที่จีนกลับไทย

ขณะที่นายสมหมาย ผิวสอาด รักษาราชการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า มทร.ธัญบุรีส่งนักศึกษาไปฝึกงานสหกิจในเมืองกวางโจว ประมาณ 20 คน และขณะนี้เรียกตัวนักศึกษาให้เดินทางกลับไทย อยู่ระหว่างการประสานเรื่องตั๋วเดินทางให้ และเมื่อกลับมาแล้วจะต้องคัดกรองตรวจสุขภาพเพื่อความปลอดภัย หลังจาก นั้นจะหาสถานที่ให้ฝึกงานในประเทศแทน รวมถึงสั่งห้ามบุคลากร คณาจารย์ นักศึกษาเดินทางไปจีนจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ส่วนนักศึกษาจีนของ มทร.ธัญบุรี จำนวน 30 คน ได้ทำความเข้าใจถึงการแพร่ระบาดของโรค และไม่ได้เดินทางกลับประเทศจีน

คนกรุงผวาไวรัสอู่ฮั่นระบาด

ด้านบรรยากาศตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนใน กทม. อาทิ ย่านท่าพระจันทร์ ท่าเตียน ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ย่านปทุมวัน ราชประสงค์ สุขุมวิท เจริญกรุง และคลองสาน ยังคง มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเที่ยวชมโบราณสถาน และช็อปปิ้งอย่างเนืองแน่นทุกพื้นที่ แม้จะมีรายงานข่าวว่าทางการจีนห้ามคนจีนที่มาจากเมืองที่เป็นต้นเหตุไวรัสโคโรนาออกนอกประเทศเด็ดขาด ส่งผล ให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเริ่มวิตกกังวลกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดย น.ส.ต้นนุ่น พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง กล่าวว่า รู้สึกกลัว เพราะประเทศเรามีนักท่องเที่ยวคนจีนเยอะ ก็ต้องป้องกันตัวเอง หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงและใส่หน้ากากอนามัย แม้จะป้องกันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ป้องกันเบื้องต้นได้ ต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนเซฟตัวเองก่อน รัฐบาลไทยยังตื่นตัวน้อยมาก มาตรการป้องกันยังไม่ชัดเจน เช่นเดียวกับ น.ส.หทัยชนก เวโรจน์บรรจง เจ้าของร้าน ต.บรรจง ย่านท่าเตียน บอกว่า รู้สึกกังวลเหมือนกัน ยิ่งต้องขายของให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก ซึ่งเราต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเอาไว้ หลายคนที่รักก็เป็นห่วง บอกให้ปิดร้านในช่วงนี้ ซึ่งถ้าปิดก็แย่ ถามว่ากลัวมั้ย กลัวนะ เช่นเดียวกับพ่อค้าแม่ค้าย่านแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต้องเจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ต่างกล่าวว่า แม้จะรู้สึกกลัว แต่ไม่ได้วิตกกังวลมาก เพราะถ้าไม่ขายก็อด ส่วนเรื่องหน้ากาก ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง เช่นเดียวกับนางแหม่ม แม่ค้าดอกไม้แยกราชประสงค์ วัย 34 ปี กล่าวว่า เห็นข่าวจากเน็ต ยอมรับว่ากลัว เพราะมีลูกเล็ก พยายามหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาดูแลตัวเอง เพราะยังไม่มีหน่วยงานไหนมาให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคและวิธีป้องกันเลย แต่จะให้เราหยุดขาย เราก็อดตาย

หลายห้างดังออกมาตรการรับมือ

วันเดียวกัน บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน, สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามเซ็นเตอร์ และไอคอนสยาม ออกแถลงการณ์ว่า ศูนย์การค้าในเครือทุกแห่งได้เฝ้าระวังและติดตามข่าวสารการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างใกล้ชิด และมีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสด้วยการจัดจุดบริการฉุกเฉินในการนำส่งโรงพยาบาล เมื่อตรวจพบหรือมีการร้องขอ พร้อมเพิ่มการดูแลระบบเครื่องปรับอากาศเป็นกรณีพิเศษ เช่น เพิ่มระบบฆ่าเชื้อโรค และการอบโอโซน เพิ่มความถี่ในการเช็ดทำความสะอาดจุดสัมผัสสาธารณะ อาทิ ปุ่มกดลิฟต์ ที่จับบันไดเลื่อน ที่จับประตูห้องน้ำ ที่จับประตูอาคารทุกจุด เป็นต้น รวมทั้งจัดให้มีจุดบริการเจลล้างมือทั่วศูนย์การค้าโดยเฉพาะจุดที่มีลูกค้าปริมาณมาก และสร้างการตระหนักรู้และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาแก่พนักงานรับทราบ นอกจากนี้ ทางบริษัทมีคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลรับผิดชอบติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาโดยเฉพาะ เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมเพิ่มระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาภายในศูนย์ฯต่อไป

สั่งรถไฟฟ้าเข้มความสะอาด

ขณะที่นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เปิดเผยว่า กรมได้กำชับทุกหน่วยงานที่ให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ได้แก่ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) และบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTS) เคร่งครัดและรณรงค์การป้องกันการ แพร่ระบาดในทุกหนทาง จัดตั้งขวดเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่บริเวณโต๊ะตรวจ/ห้องจำหน่ายตั๋วบนสถานี รถไฟฟ้า, เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดที่นั่ง ห่วง ราวจับ รวมทั้งพ่นยาน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในตัวขบวน รถไฟฟ้าและสถานีรถไฟฟ้าก่อนให้บริการและระหว่างวัน รวมทั้งแจกหน้ากากอนามัยให้กับผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ ได้กำชับให้นายสถานีรถไฟฟ้า ตรวจสุขภาพพนักงานประจำสถานีก่อนเริ่มให้บริการ ย้ำการใช้เจลล้างมือฆ่าเชื้อโรค

ไทยสมายล์เว้นค่าฟีเปลี่ยนเที่ยวบิน

นางชาริตา ลีลายุทธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยสมายล์ เปิดเผยว่า ตามที่เกิดโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดในสาธารณรัฐประชาชนจีนจนเป็นเหตุให้ทางการจีนได้ออกประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระดับสูงสุดทั่วประเทศ (ยกเว้นทิเบต) รวมถึงยกเลิกการเดินทางเข้าออกในเมืองอู่ฮั่น รวมถึงอีกหลายเมืองใกล้เคียงที่เป็นพื้นที่เสี่ยงนั้น สายการบินไทยสมายล์ อำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับการเปลี่ยนแปลงการเดินทางในเส้นทางไป-กลับ กรุงเทพฯ-ฉงชิ่ง กรุงเทพฯ-ฉางซา และกรุงเทพฯ-เจิ้งโจว รวม 3 เส้นทางบิน โดยผู้โดยสารที่ออกบัตรโดยสารและมีกำหนดเดินทางระหว่างวันที่ 24 ม.ค.-29 ก.พ.2563 สามารถเปลี่ยนแปลงการเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 29 ก.พ. ซึ่งผู้โดยสารสามารถติดต่อทำการเปลี่ยนแปลงบัตรโดยสารได้ที่ Call Center โทร. 1181 หรือ +662-118-8888 ตลอด 24 ชั่วโมง

รอรับคนไทยตกค้าง 100 คน

ด้านนายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หรือดีดีบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากผู้บริหารสายการบินไทยสมายล์ ว่าได้รับการประสานงานจากกระทรวงการต่างประเทศให้เตรียมพร้อม อาจจะต้องทำการบินไปรับคนไทยที่ตกค้างที่เมืองอู่ฮั่น โดยเบื้องต้นทราบว่ามีคนไทยที่ตกค้างอยู่ประมาณ 100 คน ดังนั้น ขนาดของเครื่องบินไทยสมายล์ จึงมีความเหมาะสมที่จะทำการบินในภารกิจดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยืนยันชัดเจนว่าไทยสมายล์ หรือการบินไทย จะต้องทำการบินหรือจะเป็นภารกิจของกองทัพอากาศ เนื่องจากการจะทำการบินไปรับผู้โดยสารตกค้างนั้น จะต้องมีการประสานงานทางการจีนเพื่อให้ได้ SLOT การบินที่ชัดเจน ทั้งเที่ยวบินขาไปและขากลับ เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการปฏิบัติภารกิจ

ยันไม่มีทัวร์คนไทยติดค้างในจีน

ส่วนผลกระทบด้านการท่องเที่ยว หลังจีนประกาศห้ามคนจีนในพื้นที่แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอู่ฮั่นเดินทางออกนอกประเทศนั้น นายธนพล ชีวะรัตนพร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวไทยที่ไปเที่ยวในเมืองต่างๆ ของจีนกับบริษัททัวร์น่าจะไม่ได้เหลืออยู่ในจีนแล้ว เพราะตั้งแต่ที่มีข่าวมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก็ขอยกเลิกการเดินทางตั้งแต่ก่อนตรุษจีน ส่วนที่เมืองอู่ฮั่น ตามปกติคนไทยไปเที่ยวน้อยอยู่แล้ว และตั้งแต่มีข่าวการเกิดเชื้อไวรัสก็ไม่ได้เดินทางกลับบริษัททัวร์ตั้งแต่ 2 เดือนที่ผ่านมา ส่วนคนที่เดินทางไปเที่ยวกันเองทางสมาคมฯไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าใด ด้านผู้ที่จองทัวร์ไว้และจะเดินทางในช่วงนี้ก็ได้ยกเลิกหมด โดยทางเอเย่นต์ทัวร์ฝ่ายจีนคืนเงินค่าจองรถ ร้านอาหาร โรงแรมให้ทั้งหมด เนื่องจากเป็นประกาศของทางรัฐบาลจีน ที่เหลือต้องเคลียร์คือค่าตั๋วเครื่องบินว่าแต่ละสายการบินจะคืนเงินให้ทั้งหมดหรือไม่ โดยเฉพาะกรุ๊ปทัวร์ที่จองเดินทางในช่วงเดือน ก.พ.ขึ้นไป ซึ่งตามปกติแต่ละปีจะมีคนไทยไปเที่ยวจีนปีละ 7-8 แสนคน

ห่วงกลุ่มมาเที่ยวเองคุมยาก

ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 ม.ค. ตัวแทนแอตต้าจะเข้าประชุมร่วมกับ ททท.เพื่อประเมินผลกระทบเพิ่มเติม รวมถึงวางแผนการตลาดเพื่อรับมือ และหานักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ มาทดแทน เนื่องจากตอนนี้ไม่มีกรุ๊ปทัวร์จีนเข้ามาแล้ว ตามคำสั่งของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่ไม่ให้บริษัททัวร์นำคนจีนออกไปเที่ยวทั่วโลก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง หรือเอฟไอที นักธุรกิจ นักศึกษา และกลุ่มเดินทางเยี่ยมญาติ ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 50 ของตลาดจีนเที่ยวไทยทั้งหมด และยังเดินทางไปต่างประเทศได้ ไม่ได้มีคนคอยดูแลเหมือนตลาดกรุ๊ปทัวร์ที่หัวหน้าทัวร์และมัคคุเทศก์คอยสังเกตอาการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องดำเนินมาตรการคุมเข้มและดูแลนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้ให้ดี

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0