การระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้พัทยา เมืองท่องเที่ยวตากอากาศริมทะเลของไทย กลายเป็นเมืองที่แทบจะไร้เงาผู้คนบนท้องถนน หลังกิจการหลายแห่งต้องปิดตัวลงสืบเนื่องจากข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวในทั่วโลก
นับตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. รัฐบาลไทยสั่งระงับการให้บริการส่วนใหญ่ ทำให้ทิวทัศน์ความบันเทิงอันมีชีวิตชีวาของพัทยาเลือนหายไปเช่นกัน
สินไชย วัฒนศาสตร์สาธร อดีตนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา เปิดเผยว่าพัทยาต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พลิกโฉมเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ให้กลายเป็น "เมืองที่ไร้ชีวิต" อย่างไรก็ดี เขาเชื่อว่าพัทยากำลังรอคอยเวลาอันเหมาะสมที่จะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
โรงแรมกว่าร้อยละ 90 ของแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกแห่งนี้ ถูกสถานการณ์บังคับให้จำต้องประกาศปิดบริการลงชั่วคราว
ภคมน วงศ์ใหญ่ นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก ระบุว่าปัจจุบันไม่มีโรงแรมใดในพัทยาที่มีแขกเข้าพักเกินร้อยละ 4 ของความสามารถในการรองรับ
"ผู้ประกอบการบางโรงแรมปิด 2-3 เดือน ที่ยาวที่สุดที่เห็นก็อาจจะปิดไปถึง 31 ตุลา เพราะไม่มีใครที่สามารถคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ดูแล้วยังไม่เห็นแสงที่ปลายอุโมงก์ ณ ขณะนี้ ถ้าสมมติควบคุมได้ ทุกอย่างมันกลับเข้าสู่ปกติ ช่วงนั้นแน่นอนว่าอย่างไรเมืองไทยยังเป็นที่ต้องการของต่างชาติ ที่จะต้องมาเที่ยวบ้านเรา เพียงแต่ว่าตอนนี้เราจะทำอย่างไรเพื่อควบคุมสถานการณ์ หรือว่าให้โรคร้ายนี้มันหายไปจากบ้านเราให้เร็วที่สุด"
ขณะนี้ชายหาด บาร์ และคาบาเรต์ของพัทยาต่างถูกทิ้งร้าง สะท้อนให้เห็นถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับแรงงานมากกว่า 100,000 ชีวิตในเมือง ที่จำเป็นต้องเดินทางกลับบ้านเกิด ซึ่งเป็นทางเลือกเดียวในการเอาชีวิตรอด เนื่องจากกลไกทางเศรษฐกิจของพัทยาที่พึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลักนั้นกำลังได้รับผลกระทบจากไวรัสอย่างถ้วนหน้า
