โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ในประเทศ : รอยร้าว "พรรคเพื่อไทย" นัยยะแห่งการปรับทัพใหญ่

มติชนสุดสัปดาห์

อัพเดต 07 ธ.ค. 2562 เวลา 16.36 น. • เผยแพร่ 07 ธ.ค. 2562 เวลา 16.36 น.
ในประเทศ 2051

แกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่างพี่ใหญ่ พรรคเพื่อไทย (พท.) เริ่มเปิดศึกในกันอีกระลอก

กับกระแสข่าว “ส.ส.ภาคอีสานพรรคเพื่อไทย” บินลัดฟ้าไปฟ้องนายใหญ่ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงที่นครดูไบ ในประเด็นการบริหารงานพรรคภายใต้การนำของ “คุณหญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย

หนักถึงขนาดว่า ขอให้มีการปรับ “คุณหญิงหน่อย” ออกจากการเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค

รุนแรง แตกหัก จนเป็นภาพรอยร้าว

ไล่ตั้งแต่เรื่องการแทรกแซงการบริหารงานภายในพรรค

ทั้งที่ปกติประธานยุทธศาสตร์ไม่ได้มีอำนาจด้านบริหาร แต่เป็นเพียงผู้ให้คำแนะนำและวางยุทธศาสตร์เสนอให้พรรคเดินเท่านั้น

เรื่องการพิจารณาตำแหน่งประธานกรรมาธิการ (กมธ.) คณะต่างๆ และ กมธ.งบประมาณ ที่ให้กลุ่มคนใกล้ชิดเข้าไปนั่งเสียเป็นส่วนใหญ่

โดยเฉพาะการจัด กมธ.งบฯ ปี 2563 ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้โควต้ามา 13 คน โดยอีสานมี ส.ส. 84 คน ควรจะได้เข้าไปนั่งเป็น กมธ.8 คน ก็ตัดเหลือเพียง 5 คน

ไปจนถึงเรื่องการบริหารงานต่างๆ ในพรรค พท.

 

หลังกระแสข่าวเกิดขึ้นไม่ทันข้ามวัน ส.ส.อีสานของพรรคก็ทยอยออกมาปฏิเสธกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ทั้งป้อง ทั้งอวย “คุณหญิงสุดารัตน์” แบบไม่เป็นธรรมชาติ

เนื่องจากทิศทางของการออกมาให้ข่าวเป็นไปในแนวเดียวกัน พูดเหมือนๆ กัน

ตั้งแต่การทุ่มเทให้พรรคครั้งการหาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

ตลอดจนถึงการทุ่มเททำงานให้พรรคเพื่อไทย

แม้บรรดา ส.ส.ภาคอีสานต่างออกมาดาหน้าแถลงสยบข่าวรอยร้าวภายในพรรค พท. พร้อมกับขู่ “คนปล่อยข่าว” ผ่านสื่อ ที่รู้แล้วว่าเป็นใคร

ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการโยนเพื่อให้เห็นภาพว่า “คุณหญิง” ถูกปล่อยข่าวทำลายจริงๆ

หรือเป็นการเดินเกมการเมืองภายในพรรคใส่กันเอง

เพราะทุกอย่างดูไม่เป็นธรรมชาติมาตั้งแต่ต้น

เนื่องจากตามธรรมชาติของข่าวเสียหายที่ทุกคนพยายามปฏิเสธ และบอกว่าไม่เป็นความจริงจะต้องรีบทำให้นิ่ง และเงียบไปให้ไวที่สุด

เพื่อที่จะไม่ทำให้ประเด็นลุกลาม

 

อาจเป็นเพราะศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ที่ทำให้ “เพื่อไทย” เป็นกังวลจนออกอาการ เนื่องจากศึกครั้งนี้มีเดิมพันว่าจะแพ้ไม่ได้

เพราะเป็นเขตพื้นที่เดิมที่พรรคไม่เคยพ่ายให้ใครตั้งแต่มีพรรคไทยรักไทย มาจนถึงพรรค พท.

เพราะคู่แข่งจากพรรคพลังประชารัฐ อย่าง “สมศักดิ์ คุณเงิน” ก็เป็นตัวแข็งในพื้นที่ ขณะที่ “ธนิก มาสีพิทักษ์” ผู้สมัครของพรรค พท. ต้องอาศัยแรงหนุนของพรรค และคนที่มีรัศมีอย่าง “คุณหญิงสุดารัตน์” ที่เป็นซุป”ตาร์ของพรรค ช่วยดัน “ธนิก” เข้าเส้นชัยได้อย่างราบรื่น

การเกิดภาพรอยร้าวในพรรค โดยเฉพาะรอยร้าวจากฝั่งอีสานกับตัวคุณหญิงสุดารัตน์ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลโดยตรงต่อคะแนนที่จะได้รับในศึกเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้โดยตรง

ดังนั้น จึงต้องสยบข่าวรอยร้าวนี้ให้นิ่ง เพราะความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่ที่จะมีต่อพรรคนาทีนี้ก็สำคัญเช่นกัน

เนื่องจากเพิ่งจะมีข่าวเรื่องการฝากเลี้ยง 20 ส.ส.อีสานของพรรค พท. ไว้กับพรรคพลังประชารัฐไม่นานก่อนหน้านี้

ทำให้พี่น้องประชาชนจับตา ส.ส.ฟากฝ่ายค้าน

โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยว่าจะเชื่อใจได้หรือไม่

 

ตัดภาพกลับมาโฟกัสที่บรรดา ส.ส.อีสานที่บินไปถึงดูไบ ข่าวสารก็ออกมาหลายทิศหลายทาง ทางหนึ่งบอก บรรยากาศทุกอย่างดีงาม ราบรื่น ไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ ตามที่มีรายงานข่าว

ทางหนึ่งบอก ไปสะท้อนปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับพื้นที่ และอื่นๆ อาจไปกระทบกับตัวบุคคลท่านอื่นๆ บ้าง

ทางหนึ่งบอก ได้มีการสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับตัว “คุณหญิงสุดารัตน์” และปัญหาเกี่ยวกับ “คนรอบตัวคุณหญิงสุดารัตน์” จริงๆ

ฟังจากหลายทิศทาง ประมวลได้ว่า คนที่บินไปพบ “นายใหญ่” ครั้งนี้ มีโอกาสได้พบและพูดคุยกับ “คนแดนไกล” อย่างทั่วถึง ทั้งแบบเข้าพบเป็นกลุ่มบุคคล และการเข้าพบแยกเป็นรายบุคคล

แน่นอนว่า เมื่อมีโอกาสพูดแบบตัวต่อตัว คนย่อมกล้าสะท้อนความในใจที่ปกติต้องเก็บไว้เพราะไม่กล้าเอ่ย ทั้งเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นที่แม้จะไม่รู้ว่าจะได้เลือกเมื่อไหร่ แต่ก็ใกล้เต็มที่ ต่างคนต่างก็อยากได้รับความมั่นใจว่าคนของตัวเองจะได้ลงสมัครในเขตที่ตั้งหมุดหมายไว้

เรื่องการบริหารงานและการจัดการภายในพรรคที่ไม่เห็นด้วยแต่เลือกเงียบไว้ดีกว่าตลอดช่วงที่ผ่านมา ไปจนถึงความน้อยเนื้อต่ำใจในส่วนของการจัดสรรตำแหน่งแห่งหนต่างๆ ทั้งภายในพรรค และในสภา

มาหนักสุดเอาตอนที่ปรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่ต้องยอมรับว่า “คุณหญิงสุดารัตน์” ดัน “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” ส.ส.กทม. ของพรรคขึ้นมารั้งตำแหน่งนี้

แค่เริ่มต้น ส.ส.อีสานก็ออกอาการค้านแล้ว หลายคนให้เหตุผลว่า “เสี่ยป๊อป” อาวุโสยังน้อยบ้าง มือยังไม่ถึงบ้าง ประสานความร่วมมือจาก ส.ส.โดยเฉพาะ ส.ส.อีสานในพรรคไม่ได้บ้าง

แต่ที่ได้ยินมากคือ การเก็บตัวและวางตัวอยู่เหนือ ส.ส. ไม่เคยเอาตัวลงมาคลุกกับ ส.ส.

 

ก่อนหน้านี้เพื่อไทยได้มีการปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ ลดบทบาทผู้นำพรรคชุดรักษาการยามรัฐประหารหลายคน ไม่ว่าจะเป็นถอด “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์” จากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ตั้ง “นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ขึ้นแทน เพื่อทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอย่างสง่างาม

เปลี่ยน “นายภูมิธรรม เวชยชัย” จากตำแหน่งเลขาฯ ให้ “อนุดิษฐ์” นั่งแทน พร้อมตั้งรองหัวหน้าจำนวนมาก แน่นอนว่าหากกางชื่อดูแล้ว คนฝั่ง “คุณหญิงหน่อย” ขึ้นนั่งในตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคไม่น้อย

รวมไปถึงการตั้ง “คุณหญิงหน่อย” เป็นประธานยุทธศาสตร์อย่างเป็นทางการ จากที่ก่อนหน้านี้เป็นประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคเท่านั้น

ใครๆ ต่างรับรู้ว่า การปรับโครงสร้างขนาดใหญ่ของพรรค พท.ครั้งที่ผ่านมาได้รับการบริหารจาก “คุณหญิงบ้านจันทร์ส่องหล้า” และการผลักดันจาก “ลูกโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการขับเคลื่อนพรรค พท.ในช่วงหลังมานี้

ที่ผ่านมาทุกคนจึงนิ่ง เพราะต่างรู้ดีว่า “คุณหญิงเจ้าแม่ กทม.” ได้ดาบอาญาสิทธิ์ในการขับเคลื่อนพรรคมาจากใคร

แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมา เมื่อมีโอกาสได้สะท้อน คงไม่มีใครปล่อยโอกาสในการสื่อสารครั้งนี้เสียเปล่า

ส.ส.อีสานส่วนใหญ่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ได้มีการขับหรือจะชูใครขึ้นมาแทนที่ใคร เพียงแต่อยากให้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสบายใจเท่านั้น การปรับเปลี่ยนเป็นเรื่องของ “ผู้ใหญ่” ในพรรค

ได้ยินเสียงกระซิบบอกมาว่า “ผู้ใหญ่” ของพรรค พท.รับปากว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน

แว่วว่าอาจจะมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในอีกไม่เกิน 1 เดือนข้างหน้านี้ด้วย

และไม่ว่าจะระดมคนมาปฏิเสธความแตกร้าวสักเพียงไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ “คุณหญิงสุดารัตน์” จะต้องยอมรับและไม่ปฏิเสธ คือรอยร้าวในหัวใจของ ส.ส.อีสานที่มีต่อทั้งตัวคุณหญิงเอง และต่อบรรดาพลพรรครอบตัวของ “คุณหญิง” ที่ไม่อาจจะปะให้เรียบเนียนได้โดยง่าย การที่ ส.ส.อีสานส่วนใหญ่ยังคงตั้งแง่กับตัว “คุณหญิงหน่อย”

ไม่ว่าคุณหญิงจะมีเพาเวอร์ในพรรค หรือมีดาบในมือมากแค่ไหน คงไม่อาจเปลี่ยนหัวใจใครต่อใครได้ด้วยการใช้ดาบที่มีนั้น แต่สิ่งที่จะทำให้คนยอมรับได้คือ จะต้องใช้ใจพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับเอง

สำหรับ “พรรคเพื่อไทย” แล้ว คงมีแค่ “เวลา” เท่านั้นที่จะตอบคำถามให้กับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0