โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ใจป้ำช่วยค่าโรงแรม50% CENTELชูที่พักอนามัยรอ

ทันหุ้น

อัพเดต 26 พ.ค. 2563 เวลา 00.45 น. • เผยแพร่ 26 พ.ค. 2563 เวลา 00.45 น.

ทันหุ้น – สู้โควิด – สภาพัฒน์ฯ แจงรัฐพร้อมอัดงบอีก 4 แสนล้านบาทกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นหนัก ไทยเที่ยวไทย ช็อปช่วยชาติ ผุดไอเดียฟื้นท่องเที่ยวแรงช่วยจ่ายค่าโรงแรมครึ่งหนึ่ง แถมจูงใจเที่ยวเชิงสุขภาพ ดึงเครื่องบินเช่าเหมาลำ ด้าน CENTEL ลั่นเครือเซ็นทราพร้อมเปิดทันทีที่ปลดล๊อก พร้อมทำงานร่วมสาธารณสุข ปรับที่พักรองรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก

รศ.ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ฯ ระบุ สภาพัฒน์ฯ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงแนวทางการเสนอโครงการภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรอบวงเงิน 400,000 ล้านบาท ที่วางไว้ 4 ด้าน คือ 1.พลิกฟื้นเศรษฐกิจ, 2.ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจชุมชน, 3.กระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน, และ 4.สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยทุกโครงการต้องดำเนินการเสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณ 2564

@จ่ายค่าโรงแรมครึ่งนึง

รศ. ดร.ทศพร ระบุ กิจกรรมที่สามารถกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบและชุมชนได้อย่างรวดเร็ว อาทิ โครงการไทยเที่ยวไทย, ช้อปช่วยชาติ ฯลฯ ส่วนโครงการที่จะดึงดูดเม็ดเงินเข้าประเทศได้อย่างรวดเร็ว คือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งสภาพัฒน์ฯ อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสม

“เรื่องท่องเที่ยวนี่จะได้ทั้งช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวและกระตุ้นการใช้จ่าย ดังนั้นเราอาจมีงบประมาณสนับสนุนให้ออกมาท่องเที่ยวกัน โดยรัฐจะช่วยจ่ายค่าโรงแรมครึ่งหนึ่งเพื่อให้ผู้ประกอบการได้ค่าที่พักเท่าเดิม และระยะต่อไปจะใช้จุดแข็งด้านสาธารณะสุขของไทยดึดดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพ เน้นลูกค้ามีฐานะ มาเครื่องบินเช่าเหมาลำเข้ามาพักในโรงแรม เพื่อฟื้นฟูร่ายกาย ซึ่งเราต้องเตรียมความพร้อมทั้งที่พัก และชุมชนโดยรอบให้พร้อมก่อน

@ CENTEL พร้อม Reopen

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโส ฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTELระบุ ทุกโรงแรมในเครือ CENTEL มีการเตรียมความพร้อมที่จะกลับมาเปิดให้บริการ พร้อมเตรียมมาตรการรักษาสุขอนามัย อาทิ ล้างทำความสะอาดเครื่องแอร์พร้อมทั้งฆ่าเชื้อภายในท่อด้วยระบบ Ozone และรังสีอุลตร้าไวโอเลท UV-C, พนักงานทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย และสวมถุงมือ, มีเจลแอลกอฮอตั้งบริการทุกจุดพื้นที่สาธารณะ, ฯลฯ

รวมถึงดำเนินมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) 100% สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทุกท่านอาทิ จำกัดการจองเข้าพักเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดภายในพื้นที่สาธารณะ, กำหนดจุดยืนเว้นระยะในลิฟท์, ฯลฯ ทั้งนี้เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดอนุญาติให้ผู้ประกอบการโรงแรมกลับมาให้บริการได้ ทุกโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทราก็พร้อมที่จะให้บริการทันที

“เราเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ด้วยการทำความสะอาด เตรียมความพร้อมอุปกรณ์ทั้งหน้ากากอนามัยสำหรับแขกที่จะเข้าพัก แล้วเตรียมหน้ากากมาไม่เพียงพอ, เจลแอลกอฮอล์, น้ำยาทำความสะอาด ฯลฯ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดที่เรามีโรงแรมอยู่อนุมัติให้เปิดบริการได้เราก็จะรับจอง ซึ่งเราก็จะจำกัดการจองเข้าพักเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดในส่วนพื้นที่สาธารณะจนกว่าจะยกเลิกมาตรการ Social Distancing”

สบช่องท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

นายรณชิต ระบุ การที่รัฐบาลจะดึงจุดแข็งด้านสาธารณสุข รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และ อันซีนไทยแลนด์มาต่อยอดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพถือเป็นกลยุทธ์ที่ทันต่อเหตุการณ์ เป็นการสร้างธุรกิจท่องเที่ยวอย่างยั้งยืน ซึ่งทางเครือโรงแรมเซ็นทราก็ได้ศึกษา และเตรียมต่อยอดธุรกิจไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยอยู่ระหว่างศึกษาร่วมกับ Medical Expert จากยุโรป เบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปี

ทั้งนี้ หากรัฐบาลเข้ามาให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็น Medical Hub หรือศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติทางเครือโรงแรมเซ็นทราราก็พร้อมที่จะปรับโรงแรมและรีสอร์ทในทำเลที่เหมาะสม และทำงานร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้งานบริการได้มาตรฐาน

“เราอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อต่อยอดธุรกิจโรงแรม ให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้เข้ามาพักผ่อน และดูแลสุขภาพในไทยเพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะใช้เวลาพักผ่อนครั้งละหลายวัน ซึ่งตามโครงการของเราน่าจะใช้ระยะเวลา 2 ปี แต่หากรัฐบาลจะเข้ามาสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เราก็มีที่พักที่พร้อมอาทิ สมุย, ภูเก็ต, รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติสวยงาม พร้อมรองรับโดยเราจะประสานงานกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0