ราคาน้ำมันโลกยัง "ยื้อ"กันระหว่างดีมานด์ชะลอตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกและกำลังการผลิตของสหรัฐ กับ การปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+(กลุ่มโอเปก+รัสเซีย) โดยเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับใกล้ ๆ 60 เหรียญ/บาร์เรล
หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา และร่วงลงไปที่ 59 เหรียญ/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ลดลง 94 เซ็นต์ หรือ 1.6% ปิดที่ 59.04 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรและวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของประเทศต่างๆ ในยุโรปและสหรัฐ ลดลง และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เตือนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นักลงทุนขายทำกำไร แม้ว่ากำลังการผลิตมีแนวโน้มลดลงจากกลุ่มโอเปกเดินหน้าลดกำลังการผลิต นำโดยซาอุดิอาระเบีย และการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง
เบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ รายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน ลดลง 9 แท่นในสัปดาห์นี้ สู่ระดับ 824 แท่น ต่ำสุดในรอบ 11 เดือน
การขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐชะลอตัวลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันในสหรัฐเริ่มปรับตัว โดยเน้นที่การเพิ่มกำไร จากเดิมเน้นการเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากประเมินว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลงในปีนี้
ขณะที่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย ออกมาย้ำอีกครั้งว่ากลุ่มโอเปกจะไม่มีการผลิตน้ำมันเพิ่ม แต่จะปรับลดลงเรื่อย ๆ อาจยาวไปถึงสิ้นปีนี้ โดยมีเป้าหมายที่ 70 เหรียญ/บาร์เรล
นักวิเคราะห์ประเมินว่าซาอุดิอาระเบียมุ่งจะดันราคาน้ำมันให้ระดับ 70 เหรียญ/บาร์เรล เพื่อปิดงบประมาณประจำปี โดยไม่สนใจว่าการผลิตน้ำมันจากสหรัฐจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือผู้ผลิตจากสหรัฐจะได้ประโยชน์จากราคาที่ปรับสูงขึ้น
"การปรับลดกำลังการผลิตของซาอุฯลงอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ตลาดน้ำมันตึงตัวเป็นระยะ และดูเหมือนว่าไม่สนใจคู่ค้าหากต้องการให้ผลิตน้ำมันเพิ่ม จนกว่าราคาจะถึงเป้าหมาย"
