โอละพ่อ! แม่ยันลูก 4ขวบไม่ได้ แย่งพวงมาลัย แฉกลับแฟนใหม่ต้นเหตุเก๋งชนเสาไฟฟ้าเสียชีวิต เผยสุดเสียใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ด้านตำรวจเตรียมสอบปากคำ
จากกรณีรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน กฉ950 อ่างทอง พุ่งชนเสาไฟฟ้ากลางถนนบริเวณสายอยุธยา-อ่างทอง ม.2 ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง เป็นเหตุให้ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 4 ขวบ เสียชีวิต โดย นายปริวัตร์ อนุสุวรรณ์ อายุ 26 ปี คนขับ ให้การอ้างว่า ลูกของภรรยาได้แย่งพวงมาลัย จนรถเสียหลักเกิดเหตุดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ล่าสุดวันที่ 18 ก.พ. น.ส.ฐิตาภรณ์ อนุสิ อายุ 35 ปี เปิดเผยภายหลังจากเข้ารับการรักษาอาการบาดเจ็บซี่โครงทิ่มปอด และนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอ่างทอง ว่า เมื่อช่วงเช้าของวันเกิดเหตุ นายปริวัตร์ แฟนหนุ่มได้เดินทางมารับตนกับลูกไปทำบุญที่วัดต้นสน และได้แวะกินข้าวในตัวเมืองอ่างทอง
"จากนั้นแฟนหนุ่มได้พาดิฉันและลูกชายไปไหว้ที่ศาลหลักเมือง แต่แฟนไม่เชื่อในเรื่องลี้ลับ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดิฉันได้บอกให้ไหว้ก็ไม่ยอมไหว้ แต่ขัดดิฉันไม่ได้ ก่อนที่แฟนจะไหว้ได้เอาธูปมาถูที่พื้นของศาลหลักเมือง จากนั้นได้พูดท้าทายว่า "ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงและมีตัวตนก็ให้ออกมาปรากฏตัวให้เห็น" หลังไหว้เสร็จได้บอกกับดิฉันว่า อยากอยู่ด้วยกันอีกสักพัก และจะพาดิฉันไปเดินเที่ยวตลาดนัดในจ.พระนครศรีอยุธยา" น.ส.ฐิตาภรณ์ กล่าว
สภาพรถเก๋งหลังเกิดเหตุ แม่เด็กยันลูกไม่ได้ แย่งพวงมาลัย
น.ส.ฐิตาภรณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อถึงตลาดนัด ด้วยความอยากกลับบ้านและไม่พอใจ จึงไม่ยอมลงและไม่ยอมคุยด้วย นายปริวัตร์จึงพาเดินทางกลับแต่ได้ขับรถยนต์เลยบ้านพัก และขับด้วยความประมาทขับส่ายไปส่ายมาให้ตนเองเกิดความกลัว ถึงที่เกิดเหตุมีรถบรรทุกจอดอยู่ทางซ้าย จึงหักหลบจนเสียหลักไปเสยเกาะกลางและชนเข้ากับเสาไฟฟ้าส่องสว่าง จนตนกระเด็นออกมานอกรถและลูกชายร่างพาดอยู่ที่ประตู
"ดิฉันยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ดึงพวงมาลัย ซึ่งลูกชายนอนหลับอยู่กับอกตนเอง แต่ที่ฝ่ายชายพูดอาจจะเกิดความกลัว โดยปกติที่คบกันมากว่า 6 เดือน ฝ่ายชายเป็นคนนิสัยดี แต่เวลาทะเลาะกันก็จะขับรถเร็วและประมาท เพื่อให้ตนกลัวและยอมพูดด้วย ซึ่งตนเตือนสติอยู่หลายครั้ง" น.ส.ฐิตาภรณ์ กล่าว
น.ส.ฐิตาภรณ์ อนุสิ อายุ 35 ปี แม่ของเด็กชายเอ ผู้เสียชีวิต
น.ส.ฐิตาภรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนลูกชายตนเลี้ยงมาเป็นอย่างดีตั้งแต่เกิด และชอบพาทั้งแฟนหนุ่มและลูกไปทำบุญอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนรู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นยังไม่ได้เรียกทั้งแม่เด็กและแฟนหนุ่มมาสอบสวน ต้องรอให้ทำการรักษาอาการให้หายดี หลังจากนั้นจะทำการเรียกทั้งสองคนมาทำการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
