โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'โอกาสในวิกฤติของทีมไทย'

ไทยโพสต์

อัพเดต 28 ม.ค. 2563 เวลา 17.01 น. • เผยแพร่ 28 ม.ค. 2563 เวลา 17.01 น. • ไทยโพสต์

               อู่ฮั่น เจียโหยว!

                อู่ฮั่น สู้..สู้!

                ครับ…ให้กำลังใจพี่น้องจีนที่อู่ฮั่นแล้ว

                ก็ต้องให้กำลังใจทีมไทย "หน่วยปฏิบัติการเด็ดชีพโคโรนาสายพันธุ์ใหม่" ของเราด้วย ประกอบด้วย

                "กรมควบคุมโรค, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, เจ้าหน้าที่คัดกรองในสนามบิน

                และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, นครสวรรค์, ชลบุรี, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต, สงขลา และ ฯลฯ"

                ซึ่งท่านทั้งหลาย ปิดทองหลังพระกันชนิดไม่ได้กิน-ไม่ได้นอน เครียด จนต้องตะโกน

                สู้..สู้ โว้ย….

                สู้เพื่อมนุษยชาติ ต้องรอด

                เปล่า…เขาไม่ได้ตะโกน ผมตะโกนเอง!

                นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

                นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค

                นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

                นายแพทย์โรม บัวทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญกองด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ สนามบินสุวรรณภูมิ

                ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี รองหัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์  รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

                ขอได้รับความขอบคุณและชื่นชมจากคนไทย

                ที่ท่านนำประเทศขึ้นไปอยู่ในจุดที่ทั่วโลกยอมรับและเชื่อถือ

                ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มาถึงไทยก็สิ้นฤทธิ์

                ระบาดต่อไม่ได้….

                เพราะการแพทย์ การสาธารณสุข และวิทยาการด้านโรคระบาด ด้วยทุ่มเท ด้วยศักยภาพล้ำเลิศ ของเหล่าท่านและทีมงาน ทำให้สามารถพูดได้ว่า

                ประเทศไทย ปลอดภัย มาตรฐานโลก!

                การไม่พูดมาก หากแต่ ร่วมมือ ประสานงาน ทุ่มเท รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

                เน้นแก้ปัญหา ไม่สร้างปัญหาในงานให้เป็นขยะสังคม เป็นแบบอย่างที่ดีของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในบ้าน-ในเมือง ที่ควรยกย่อง

                ส.ส., นักการเมือง, นักวิชาการใบสั่ง ดูเป็นตัวอย่างและละอายแก่จิตได้ ก็เป็นการดี

                นายกฯ ประยุทธ์ มอบดาบอาญาสิทธิ์ให้ "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" รมว.สาธารณสุข เป็นแม่ทัพบัญชาการพิชิตไวรัสแล้ว

                เอาให้เต็มที่…..

                ชนิดไว้ลาย "ลูกผู้ชายชื่ออนุทิน" เลยนะท่าน

                ทีมงานปราบไวรัสทีมนี้ ฝีมือระดับ "ขุนพล-ขุนศึก" คึกๆ ทั้งนั้น

                ท่านเพียงประสานแต่ละหน่วย-แต่ละกระทรวงให้วงจรงานคล่องตัวเท่านั้น

                และต้องรู้ หัวใจการรบนั้น กรำศึกได้…….

                แต่กำลังใจและเสบียงกรัง "อย่าให้ขาด" อย่าให้พลรบต้องว้าเหว่และหิวไส้กิ่วแขวนเป็นอันขาด

                บัญชาการจุดนี้ให้เต็มพิกัด รับรอง…

                ประสิทธิภาพเกินร้อย!

                ส่วนพวกเราชาวบ้านอันเป็นแนวหลัง ก็ช่วยกันได้ พบเจอที่น่าสงสัยจะติดเชื้อ หรือตัวเองสงสัย ข้องใจอะไร เกี่ยวกับไวรัสอู่ฮั่นนี้

                โทร.ไปเลยที่ HOT LINE สายด่วน "กรมควบคุมโรค"

                1422 ตลอด ๒๔ ชั่วโมง!

                แจ่มแจ้งแล้ว ค่อยโพสต์ ค่อยแชร์ จะเป็นคุณแก่ชาติ

                เพราะ "กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์" ของไทยเราเจ๋งมาก รู้ปุ๊บ หน่วยปฏิบัติการค้างคาวบิน ของกรมควบคุมโรค จะไปปั๊บ

                "ห้องปฏิบัติการ" ของกรมวิทยาศาสตร์ฯ มีทั่วประเทศ

                นำเชื้อตรวจหาสารพันธุกรรมไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รู้ผลและเชื่อถือได้ ๑๐๐% ทันที-ทันใด

                ภายใน ๓ ชั่วโมง!

                เห็นมั้ยล่ะ ป่วยกี่ราย..กี่ราย อยู่ในมือแพทย์ไทย "ไม่ตาย" มีแต่หาย กลับบ้านได้ทั้งนั้น

                และที่ฮือฮา กล่าวขานกันด้วยชื่นชม ก็ "ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี" เธอไม่ใช่แพทย์ ไม่ใช่เภสัช  หากแต่เป็น "นักเทคนิคการแพทย์"

                เธอเจอเชื้อเจ้าไวรัสตัวนี้แต่ปลายเดือนธันวาโน่นแล้ว

                ผมจำได้ว่า "กรมควบคุมโลก" เคยเตือนไปตามสนามบิน ตั้งแต่ ๒ ธันวา แต่ไม่สนใจกัน เพราะยังไม่ตูมตาม

                ดร.สุภาภรณ์ให้สัมภาษณ์ว่า……

                ไวรัสในไทยมีเกือบ ๕๐๐ ชนิด เธอได้ตัวอย่างน้ำลายและน้ำมูกเจ้าพันธุ์ใหม่มา ก็นำไปเทียบกับข้อมูลในธนาคารรหัสพันธุกรรม

                ไวรัสที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ จะเป็นจำพวกเชื้อโคโรนา และอินฟลูเอนซา อย่างไข้หวัดใหญ่ ที่เป็นกันจนชินนั่นแหละ

                เธอพุ่งเป้าค้นหาใน ๒ สายพันธุ์นี้ก่อน เมื่อถอดรหัสพันธุกรรม ก็พบว่า หน้าตาไม่เหมือนญาติมันเลย

                มันเป็นโคโรนา "สายพันธุ์ใหม่" ยังไม่พบที่ไหนมาก่อน!

                โดยที่เธอเป็นนักวิจัย ศึกษาไวรัสโคโรนาในค้างคาว ดูจากรหัสที่ถอดออกมา สายพันธุ์ใหม่นี้ เหมือน "ไวรัสในค้างคาว"

                จึงส่งข้อมูลพันธุกรรมของเชื้อลงระบบข้อมูลพันธุกรรมชีวภาพสากล โดยเรียกไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ค้นพบว่า

                "Bat SARS-like Coronavirus"

                สรุปว่า ดร.สุภาภรณ์พบเชื้อไวรัสตัวนี้ก่อนจีน ต่อเมื่อจีนเปิดเผยเชื้อไวรัสในอู่ฮั่น วันต่อมา และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกัน

                ปรากฏว่า "ตรงกัน" ๑๐๐%

                สรุปได้ว่า "ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่" มันมาจากค้างคาว ที่คนอู่ฮั่นชอบเปิบพิสดารกันนั่นเอง

                ค้างคาวที่อู่ฮั่นนะ……..

                ส่วนค้างคาวในบ้านเรา มีเชื้อนี้หรือไม่ อยู่ระหว่าง ดร.สุภาภรณ์ลงพื้นที่ เพื่อวิจัยอยู่ แต่ยังไงก็ อย่าพิเรนทร์ไปกินก็แล้วกัน

                เมื่อรู้กำพืดของมัน ก็ง่ายต่อการรักษา ดังนั้น ก็ไม่ต้องวิตกจนเกินเชื้อกันไป

                สายพันธุ์ใหม่นี้ ความรุนแรงน้อยกว่าโรคเมอร์สและซาร์ส ทั้งเป็นคนละชนิดกัน

                ดร.สุภาภรณ์บอก มันตายได้ในภูมิภาคร้อนจัดและแห้ง หลังไวรัสนี้ระบาด ร่างกายมนุษย์ ก็จะค่อยๆ สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา

                อีกสักอึดใจพระพุทธ……..

                ติดเชื้อนี้ ก็เหมือนติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ฟืดฟาด ปวดหัว-ปวดเนื้อ-ปวดตัวกันไป ไม่ถึงตาย แค่คางเหลือง!

                เห็นว่า ตอนนี้ พบผู้ป่วยรายใหม่อีก ๖ ราย ทั้งเด็ก-ผู้ใหญ่ มาจากอู่ฮั่น

                รวมผู้ติดเชื้อพบในไทยทั้งหมด ขณะนี้ ๑๔ ราย และทุกราย "อาการดีขึ้น"

                กลับบ้านไปแล้ว ๕ ราย ยังอยู่โรงพยาบาล ๙ ราย

                พูดถึงการมองมุมได้-ในมุมเสีย ใครมาป่วยในเมืองไทยถือว่า "โชคดี" ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย

                คนป่วยก็โชคดี เพราะป่วยในไทย มั่นใจว่าหาย ไม่ตายแน่นอน เพราะสาธารณสุขเราเจ๋ง

                ฝ่ายเรา ก็ได้ "ศึกษา-วิจัย" ตัวเชื้อสายพันธุ์ใหม่ จากคนตัวเป็นๆ ผ่านการรักษาและการให้ยา จะทำให้ผลิตวัคซีนได้เร็วขึ้น

                ปลัดกระทรวงสาธารณสุข "นายแพทย์สุขุม" บอก ว่า….

                "ขณะนี้ แม้ยังไม่มียารักษา ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค นักวิทยาศาสตร์อยู่ระหว่างศึกษาวิจัย ไทยเราได้ติดตามความก้าวหน้าอย่างใกล้ชิด

                แต่โรคนี้ สามารถป้องกันได้ด้วยตนเอง ขอให้ทุกคนดูแลร่างกายให้แข็งแรง

                หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกันกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ยึดหลัก 'กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย' "

                เท่านี้……..

                ไม่ว่าสายพันธุ์ไหน ก็ทำอะไรเราไม่ได้แล้ว!

                สำหรับการเข้า-ออกที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ห่วงกันว่า เดินทางเข้ามามากๆ จะตรวจแบบเดาสุ่มพอเป็นพิธี อาจมีเล็ดลอดจากการตรวจ นั้น

                สบายใจได้ อธิบดีกรมควบคุมโรค และรอง ผอ.การท่าฯ ยืนยันจนขาแข็ง ว่า

                ผู้โดยสารขาเข้า จะต้องผ่านการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา โดยเครื่อง Universal  Thermoscan ก่อนผ่าน ตม.ทุกคน

                กล้องติดไว้ตรงเสา ก่อนทางเข้า ตม.คนอาจไม่ค่อยเห็นกล้อง แต่ยืนยันว่า "ตรวจทุกคน" ที่เป็นผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ

                การตรวจมี ๒ จุด

                "ตรวจเข้ม" บริเวณทางเข้าผู้โดยสาร ท่าเทียบเครื่องบิน ๔ ที่กำหนดเป็นพื้นที่สีแดง สำหรับเที่ยวบินที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง

                "ตรวจซ้ำ" กับร่างกายจริง

                โดยใช้เครื่องยิงอุณหภูมิ เทียบกับเครื่องเทอร์โมสแกน ถ้าพบมีไข้เกิน ๓๘ องศาฯ สัญญาณจะดัง และพบจุดแดงในจอมอนิเตอร์

                เจ้าหน้าที่จะคัดแยกจากผู้โดยสารอื่น นำออกไปคลินิกพิเศษ ส่งตัวไปยัง "สถาบันบำราศนราดูร" โดยไม่ผ่านขั้นตอน ตม.ปกติ ในทันที

                ครับ….

                ก็เล่าๆ บอกๆ เพื่อให้อุ่นใจและมั่นใจในศักยภาพการแพทย์ การสาธารณสุขของไทยเรา

                บ้านเราไม่มีโรคระบาด หากแต่จีน "เพื่อนบ้าน" มาเยี่ยมเยือนบ้านเรา เผอิญเขาป่วย ด้วย "กาย" ติดเชื้อมา

                ส่วน "ใจ" พี่น้องจีน ที่มุ่งมาเมืองไทย "ไม่ป่วย"

                ฉะนั้น เราอย่ารังเกียจเดียดฉันท์

                เขามา "กายป่วย" แล้ว…….

                อย่าให้พี่น้องจีน ทั้งที่มาและยังไม่มา ต้อง "ป่วยใจ" กลับไปด้วยเลย. 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0