“กองทุนรวมผสม” หรือที่ใครอาจจะรู้จักกันดีว่าเป็นกองทุนที่จะลงทุนทั้งในตราสารหนี้ และตราสารทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงของเงินที่ลงทุน ซึ่งสัดส่วนการลงทุนในตราสารแต่ละประเภทขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของกองทุนนั้น
แต่ที่น่าสนใจของกองทุนดังกล่าว ก็คือ การทำให้พอร์ตลงทุนมีความ “สมดุล” เพราะไม่ได้เป็นการพึ่งพาการสร้างผลตอบแทนจากสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างใด
จึงไม่แปลกนัก ที่จะเป็นอีกหนึ่งกองทุนเหมาะแก่นักลงทุนที่ไม่ต้องการแบกความเสี่ยงที่สูงและยังช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว ซึ่งเพื่อเป็นการดึงดูดนักลงทุนกองดังกล่าวจะได้มีเป็นประเภท“กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)” มาให้ได้คัดเลือกด้วยเช่นกัน
วันนี้ทาง ‘Wealthy Thai’ ก็จะขอพาผู้อ่านและนักลงทุนทั้งหลายมารู้จักกับกองทุนดังกล่าวเพิ่มเติม โดยผ่านข้อมูลผลการดำเนินงานในช่วงระยะ 10 ปีนั้น จะมีความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด
Top5 “กอง RMF-ผสม” โชว์ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีสุดสวย 5.63 – 7.06% ต่อปี
โดย “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)-แบบผสม” นั้น ได้มีให้นักลงทุนเลือกอยู่ถึง 50 กองทุนจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนแต่ในครั้งนี้เราได้หยิบกองทุน 5 อันดับแรกที่มีผลการดำเนินงานสูงที่สุดในช่วง 10 ปี มานำเสนอกัน
ซึ่งเริ่มที่อันดับแรกเป็นกองที่มีผลการดำเนินงานสูงที่สุดก็คือ“กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเงินทุนสร้างค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-VALUE)” จาก ‘บลจ.เอ็มเอฟซี’ ด้วยผลตอบแทน 10 ปี (ข้อมูล ณ 30 พ.ย. 64) 7.06% ต่อปี
“กองทุนมีนโยบายลงทุนจัดสรรเงินลงทุนไปยังตราสารทุน (หุ้น) ตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง โดยในส่วนของการลงทุนในหุ้น นั้น บลจ.มีเกณฑ์การคัดเลือกโดยพิจารณาจากการที่จะต้องเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีแนวโน้มการให้ผลตอบแทนสูง และมีราคาตลาดต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (Value Stocks)”
อันดับถัดมาเป็นกองทุนจาก ‘บลจ.ธนชาต’ ที่มีชื่อว่า“กองทุนเปิดธนชาตมิกซ์ ฟันด์เพื่อการเลี้ยงชีพ (T-NMIXRMF)” ทำผลตอบแทน 10 ปี ได้ 6.62% ต่อปี
“กองทุนมีนโยบายลงทุนแบบผสม (Mixed Fund) ระหว่างตราสารหนี้ เงินฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทุน (หุ้น) รวมถึงหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่น แต่ด้วยการบริหารสัดส่วนเงินลงทุนแบบไม่ได้กำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งทำให้การปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ยืดหยุ่นกว่ากองทุนรวมหุ้นทั่วไป รวมถึงยังทำให้การลงทุนสามารถปรับเข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้อย่างรวดเร็ว”
ต่อมาเป็นอีกหนึ่งกองที่มีการลงทุนค่อนข้างยืดหยุ่นเช่นเดียวกัน อย่าง “กองทุนเปิดบัวหลวงเฟล็กซิเบิ้ลเพื่อการเลี้ยงชีพ (BFLRMF)” จาก ‘บลจ.บัวหลวง’ ทำผลตอบแทนช่วง 10 ปี ได้ 6.21% ต่อปี
“ซึ่งนโยบายการลงทุนของกองนั้นจะกระจายการลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารหนี้ และเงินฝาก ในสัดส่วนการลงทุนตั้งแต่ 0-100%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน”
ถัดมาอีกหนึ่งกองทุนอย่าง “กองทุนเปิด ทิสโก้พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ ชนิดสะสมมูลค่า (TFPRMF-A)” จาก ‘บลจ.ทิสโก้’ ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี ได้ 6.07% ต่อปี
“กองทุนมีนโยบายการกระจายเงินลงทุนค่อนข้างหลากหลาย โดยมีตั้งแต่พันธบัตร ตั๋วเงินคลัง บัตรเงินฝาก ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน ตราสารแห่งหนี้อื่นๆ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารทุน(หุ้น) เงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง”
สุดท้ายเป็นกองทุนจาก ‘บลจ.กสิกรไทย’ ที่มีชื่อว่า “กองทุนเปิดเค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFLRMF)” ด้วยผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี 5.63% ต่อปี
“กองทุนมีนโยบายลงทุนด้วยการกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และหรือเงินฝาก ได้ตั้งแต่ 0 - 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งในบางครั้งอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)ด้วยภายใต้กลยุทธ์การลงทุนมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)”
“ทั้ง 5 กองทุน RMF ที่มีนโยบายการลงทุนแบบผสมหรือกระจายเงินลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมที่เราหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุน ซึ่งยังมีอีกหลายกองทุนที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กันโดยตัวเลขผลการดำเนินงานก็เป็นเพียงแค่ข้อมูลแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น”
