โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

'โยโกะ'เผยป่วยเกือบตาย รับอดีตสามีเป็นไบเซ็กชวล

ไทยโพสต์

อัพเดต 23 ม.ค. 2563 เวลา 12.12 น. • เผยแพร่ 23 ม.ค. 2563 เวลา 12.12 น. • ไทยโพสต์

 

          หายหน้าหายตาไปนานเพราะป่วยและเสียความทรงจำ สำหรับอดีตเซ็กซี่สตาร์ โยโกะ ทาคาโน่ ที่ล่าสุดควงแขนคุณแม่มาอัพเดทอาการป่วย พร้อมเผยถึงเรื่องราวชีวิตคู่ในอดีตที่เลิกรากับสามีเพราะอีกฝ่ายเป็นไบเซ็กชวล ถึงขนาดมีคู่ขามายืนร้องไห้กลางงานวิวาห์ ผ่านรายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)"           "ก็มีสมองอักเสบ จากภูมิคุ้มกันของเราล้น ทำให้ไปเกาะที่ก้านสมองทำให้อักเสบ มีซีสต์ในต่อมใต้สมอง ตอนนี้ก็มีทุกโรคอยู่ครบ ชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ พลิกบทบาท หลายสิ่งที่เคยทำก็ไม่ได้ทำ แต่หลายสิ่งที่ไม่ดีก็ดีขึ้น บุหรี่เมื่อก่อนสูบก็เลิก เหล้าก็ไม่ดื่ม อย่างบุหรี่ก็สัญญากับคุณแม่ก่อนป่วยว่าจะเลิกแล้ว เดี๋ยวก็เลิกเองแหละคุณแม่ ก็เลยได้จังหวะ           อาการป่วยเหมือนมีมานานแล้ว กล้ามเนื้อเกร็งชักมาตั้งแต่เด็กๆ เราก็เข้าใจว่าไฮเปอร์ ซึ่งมันก็ผิด แต่จริงๆมันเป็นจากสมองที่เป็นมาตลอด แล้วเหมือนเป็นเหมือนกล้ามเนื้อปลายประสาทอักเสบ แต่อันนั้นหายไปแล้ว แต่ที่พบ ณ ขณะนี้จากไขสันหลังการตรวจเลือด คือการมีภูมิคุ้มกันของเราที่มันล้น ก็เสียความทรงจำ แม่ก็พยายามเล่าความในอดีต

 

 

          ตอนฟื้นความทรงจำ ปวดหัวหนักมาก หนักไม่ได้เล่นๆ เพราะซีสต์ยังอยู่ในสมอง แล้วมีการอักเสบของสมอง ไม่ต้องแค่นึกค่ะ แค่เรารู้ว่าฝนกำลังจะตก แรงกดอากาศทำให้เราปวดหัวจนน้ำตาไหล บางครั้งก็ง่วงนอน แล้วก็หลับไปเลย หลับกลางอากาศค่ะ ความจำตอนนี้กลับมา 70-80 เปอร์เซ็นต์แล้ว กลับมาก็โอเค ไม่กลับมาก็ช่างมันเถอะค่ะ ช่วยไม่ได้ค่ะ จริงๆก็ดีกว่าอัลไซเมอร์นะ อาจเป็นเพราะเราต้องจำบางอย่าง เราต้องมูฟออน เราถึงต้องทิ้งบางอย่าง คนเราเกิดมาเพื่อพบเจอและลาจาก ต้องปลงค่ะ ถ้าไปยื้อแล้วไม่กลับมามันทุกข์ ไม่มีประโยชน์           ช่วงนึงจำไม่ได้แม้กระทั่งแม่ เราคิดว่าเราจำได้แต่แม่บอกว่าไม่ ฉันทักเธอ เธอจำไม่ได้ เธอไม่รู้เรื่อง เอาจริงๆ เราไม่คิดว่าเราลืมคุณแม่ แต่คุณแม่บอกว่าเราลอยไปลอยมา พูดไม่รู้เรื่อง เราคิดว่าจำคุณแม่ได้ เพียงแต่ตอนฟื้นเราคิดว่าเรายังเด็กอยู่ ยังเป็นเด็กเลย แล้วก็ไหว้ทุกคนที่ผ่านมา ตอนเด็กๆ จำได้แม่จะถามว่าสวัสดีหรือยัง เจอใคร ก็ด้วยอันนั้น สวัสดีทุกคน           เราไม่รู้ว่าเราไตวาย แต่เรากำลังรักษาตัวและคิดว่าเราคงไม่รอดแล้วใช่ไหม กำลังจะไปแล้วใช่ไหม ไม่ทราบมาก่อนว่าคุณแม่ย้ายโรงพยาบาลมาแล้ว เรากำลังจะหายแล้ว รู้อย่างเดียวว่าเป็นหนักขึ้น กำลังจะไปแล้ว ก็บอกคุณแม่ว่าหนูกำลังจะตายแล้วใช่ไหม แม่บอกไม่ใช่ กำลังจะหาย ไม่ให้ตายจะตายได้ไง

 

 

          จำได้ไหมว่าเคยเป็นเซ็กซี่สตาร์เหรอ จำได้อยู่ค่ะ มีคนพูดอยู่ จำได้ว่าเป็นนางร้าย ในไอจีพวกซูเปอร์โมเดลเขาจะถ่ายๆแล้วแท็กมาให้บ้าง แล้วเขาบอกลองเสิร์จตัวเองดูสิ บางอันก็จำได้ บางอันก็จำไม่ได้ มันมีแต่รูปออกแนวไม่เซ็กซี่ก็ชุดว่ายน้ำส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ชุดชั้นใน แม่เข้าใจว่าเป็นงานของเรา ส่วนมากป่ะป๊าเป็นคนว่า เพราะคนญี่ปุ่น เขาไม่ชอบให้ใส่ชุดว่ายน้ำ ทำไมต้องใส่ทุกงาน อะไรแบบนี้           ตอนนี้เป็นหมอดู เอาจริงๆ ตอนแรกจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นอะไรยังไง แล้วจะไปต่อยังไง เริ่มจากไปดูหมอ ไปดูไพ่ออราเคิล แล้วรู้สึกว่าอาจารย์เขาเปิดมาเป็นหมอดูได้นะ มาเรียนไหม รุ่นแรกเลย แล้วเราก็ไปเรียน เริ่มดีขึ้นนะคะ จากพูดติดๆขัดๆ  5 นาทีเงียบไป เริ่มโต้ตอบคนได้มากขึ้น เริ่มมีสมาธิดีขึ้น เลยเริ่มรู้สึกว่าเราต้องเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งคุณแม่เคยพาไปหาพระท่านดูไว้ว่าตอนอายุ 40 จะมีเหตุบางประการทำให้ต้องเปลี่ยนอาชีพ เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง ยังไงก็ต้องมาเป็นหมอดู ก็ไปเรียนที่สำนักปรัชญาโต๊ะ-อี้ ไปเรียนกับอาจารย์ภพเชียร เพ็งเพ็ชร์ กับอาจารแหม่ม นาตาชา อาจารย์บอกว่าแปลกดีเนอะ บอกให้มาตั้งแต่ 17 ปีที่แล้ว ทำไมไม่มา เขาดูดวงเอาไว้ว่าให้ตั้งแต่ 17 ปี ยังไงก็ต้องเป็นหมอดู ทำไมไม่มาเรียน ไปเสียเวลา

 

 

          จำเรื่องความรักได้ไหม เคยแต่งงาน และต้องรอ 3 ปีไปหย่า จำได้ว่าน่าจะถูกทำร้ายค่ะ อยากมีแฟนค่ะ ยังได้อยู่ไหมคะ จริงๆสเปกขอเป็นคนที่ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ช่วยกันทำมาหากิน คือรักเราก็ขอให้รักแม่เราด้วย เพราะตอนนี้โยเหลือท่านอยู่คนเดียว สำคัญที่สุดในชีวิตโยแล้ว ไม่เคยชอบคนหล่อเลยค่ะ ตั้งแต่ไหนแต่ไร เมื่อก่อนสเปกเราชอบคนฉลาดมากกว่า ไปเปิดรูปสามีเก่าเราดูแล้วค่ะ ไม่ได้หล่ออะไรมาก แสดงว่าสเปกยังคงเดิมๆ แม่บอกว่าเขาเป็นไบค่ะ พาผู้ชายเข้าบ้าน มีเพื่อนเขาบอกมานี่แหละค่ะ แม่บอกวันที่แต่งรู้สึกผู้ชายคู่ของเขาก็ไปยืนร้องไห้อยู่หลังบ้าน แม่ก็ให้โยตัดสินใจเอง เขาพามากินในบ้านบ้างหรือเปล่า คือเพื่อนๆว่าอย่างนั้นค่ะ คงมีบ้าง แต่จำไม่ได้ อาจจะเห็นด้วยหรือเปล่า ถึงได้มีเรื่องมีราวกันตั้งแต่ตอนนั้น บ้านก็บ้านเรา

          อะไรที่ตัดสินใจว่าไม่ทนแล้วเหรอ คือแขนหักอยู่สิงคโปร์ ทำให้โยรับงานไม่ได้ เหมือนโดนชกด้วย มีสัญญาหนังทำให้ผิดสัญญากับเขาไป เราก็เหมือนไม่เอาค่าเลี้ยงดูอะไร ขอให้หย่ากันดีๆ จ้างทนายให้จัดการที่สิงคโปร์ เพราะเรายื่นไปสถานทูตที่นั่น เขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเหมือนกัน ก็ยื่นสถานทูตที่โน่น ก็หย่าได้ เพราะไม่งั้นเขาก็เสีย เพราะหน้าที่การงานเขาดีมาก"

 

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม

yokosplanet

 

 

 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0