โป๊ปฟรานซิส : รวมภารกิจสำคัญในไทยของสมเด็จพระสันตะปาปา – BBCไทย
เวลา 12.30 น. ของวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.) เครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งเดินทางจากสนามบินฟูมิชิโน กรุงโรม จะลงจอดที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 กองบัญชาการกองทัพอากาศ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประมุขแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
สำหรับคริสตชนคาทอลิกเกือบ 4 แสนคนในประเทศไทย ช่วงเวลา 3 วันนี้คือการสิ้นสุดการรอคอย 35 ปีนับจากสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 เยือนไทยเมื่อปี พ.ศ. 2527 ซึ่งภาพที่หลายคนยังจดจำไม่ลืมคือเมื่อพระองค์ทรงก้มลงจูบผืนแผ่นดินไทยหลังลงจากเครื่องบินพระที่นั่ง
- “ความภูมิใจสูงสุด” ของซิสเตอร์ผู้ตัดเย็บอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ถวายพระสันตะปาปา
- โป๊ปฟรานซิสทรงติเตียนการหลงใหลวัตถุนิยมและช่องว่างระหว่างคนร่ำรวยและคนจน
- โป๊ปเรียกร้องผู้นำโลกรู้จักถ่อมตน
สำหรับชาวไทยทั้งประเทศนี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่บุคคลสำคัญระดับโลกมาเยือนประเทศ และมีหมายกำหนดการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งพบกับนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล คณะทูตานุทูต บิชอปและคณะบาทหลวง
การเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จเยือนเอเชียนี้ อยู่ในความสนใจของคนทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบุคลิกของพระสันตะปาปาพระองค์นี้ ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดมักสร้างความประทับใจและมีสีสันให้เป็นที่จดจำ
ระหว่างอยู่ในประเทศไทย สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงประกอบพิธีสำคัญ ทรงกล่าวสุนทรพจน์และทรงประทานโอวาทในกิจกรรมใดบ้าง บีบีซีไทยรวบรวมไว้ดังนี้
พบผู้นำศาสนา
ตามธรรมเนียมปฏิบัติในทุกครั้งไม่ว่าพระสันตะปาปาจะเสด็จไปเยือนที่ใด นอกจากการพบกับคณะบาทหลวง นักบวชชายหญิง นักพรต สามเณร และบุคคลอื่น ๆ ที่สำคัญของคริสตจักรแล้ว พระองค์จะทรงพบปะบรรดาผู้นำทางศาสนาในประเทศนั้น ๆ ครั้งนี้ในการเยือนไทยก็เช่นกัน
วันที่ 21 พ.ย. เวลา 10.00 น. พระสันตะปาปามีหมายกำหนดการเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นผู้ปกครองบัญชาการคณะสงฆ์ของไทย และเป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าพุทธศาสนิกชนชาวไทย การพบกันของผู้นำทางศาสนาในครั้งนี้จึงนับว่าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อีกเหตุการณ์หนึ่ง
ให้กำลังใจผู้ป่วย-ผู้สูงอายุ
ปัจจุบันเมืองไทยมีชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจำนวน 388,468 คน มีเขตศาสนปกครอง 11 เขต มีพระสงฆ์ นักบวช 848 รูป มีวัด 526 แห่ง ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกกับเมืองไทยมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน การพบปะคริสตชนคาทอลิกจึงเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะการได้พบกับเหล่าผู้ที่เจ็บป่วย และสูงอายุ
เวลา 11.15 น. ในวันที่ 21 พ.ย. สมเด็จพระสันตะปาปาจะเสด็จโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เยี่ยมอวยพรบรรดาผู้ป่วย ผู้สูงวัย และบุคคลพิการ เป็นการส่วนพระองค์ โดยในพื้นที่บริเวณสวนหย่อมลานออกกำลังกาย ชั้น 4 ของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ยังมีการนำหุ่นจำลองขนาดเท่าพระองค์จริงมาตั้ง เพื่อเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปชื่นชมและเก็บภาพความประทับใจได้
เข้าเฝ้าในหลวง
การเสด็จเยือนไทยครั้งนี้ พระสันตะปาปาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เข้าเฝ้า ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ในวันที่ 21 พ.ย. เวลา 16.55 น. เป็นการส่วนพระองค์
ความสัมพันธ์ของราชวงศ์ไทยกับศาสนจักรโรมันคาทอลิกนั้น มีมายาวนานกว่า 475 ปี ด้วยในหลวงทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกดูแลทุกศาสนา
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จเยือนไทยระหว่างวันที่ 10-11 ในปี 2527 ก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
นี่จึงเป็นครั้งที่สองที่ประมุขแห่งวาติกันได้พบกับราชวงศ์ไทย เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์หนึ่งของความสัมพันธ์ไทยกับนครวาติกัน
พิธีมิสซา-ท่ามกลางผู้เข้าร่วมกว่า 50,000 คน
พิธีมิสซาหรือพิธีบูชาขอบคุณพระเจ้านั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของคริสตชนคาทอลิก โดยในครั้งนี้พระสันตะปาปาจะทรงประกอบพิธีมิสซา ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 21 พ.ย. โดยมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมพิธีหลั่งไหลมาจากทั้งในไทยและประเทศใกล้เคียง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 50,000 คน
โดยนอกจากการประกอบพิธีดังกล่าวแล้วในพื้นที่สนามศุภชลาศัย ยังมีกิจกรรมแปรอักษรจากนักเรียน การแสดงวงโยธวาทิต เดินพาเหรด การแสดงวัฒนธรรมไทย 4 ภาค ตลอดจนการแสดงคอนเสิร์ตให้รักเป็นสะพาน จากเหล่าศิลปินคาทอลิกมากมาย และเมื่อพระสันตะปาปาถึงจะเปลี่ยนนั่งรถ “Pope Mobile” เพื่อทักทายประชาชนผู้เข้าร่วมพิธี
*พิธีมิสซาเยาวชน *
อีกหนึ่งพิธีสำคัญที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 17.00 น. คือ พิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับเยาวชน ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก โดยคาดว่าจะมีเยาวชนเข้าร่วมพิธีกว่า 4,000 คน โดยพระสันตะปาปาจะประทานโอวาทให้คนรุ่นใหม่ด้วย
“You are the Now of God” ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำสอน หรือตัวอักษรในสมณลิขิต ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส แต่สิ่งที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อเยาวชนเป็นที่ประจักษ์ถึงความมุ่งมั่นที่จะลดช่องว่างระหว่างวัยและทรงปลูกฝังจิตสำนึกแก่เยาวชน คนรุ่นใหม่ เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ช่วยกันรักษาโลกใบนี้ ซึ่งเป็นบ้านที่ทุกคนจะต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน
สถานที่น่าสนใจที่โป๊ปจะเสด็จเยือน
- วัดคาทอลิกนักบุญเปโตร สามพราน
วัดนักบุญเปโตร ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม จะเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเสด็จเยือนในช่วงเช้าวันที่ 22 พ.ย.นี้ เพื่อพบกับคณะบาทหลวง นักบวช ครูคำสอน ตลอดจนบรรดาบิชอปของไทยและเอเชีย
วัดนักบุญเปโตร สามพราน เป็นศูนย์กลางชุมชนชาวคริสต์ใน จ.นครปฐม ที่มีความหนาแน่นเป็นอันดับ 2 รองจากชุมชนท่าแร่ จ. สกลนคร นอกจากนี้ใน อ.สามพรานนี้ยังมีบ้านอบรมหรือบ้านของคณะนักบวชมากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย
- สักการสถานบุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง
สักการสถานบุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นสถานที่ที่พระสันตะปาปาจะเดินทางไปพบกับบรรดาบิชอปของไทยและเอเชีย ในวันที่ 22 พ.ย. นี้ โดยสักการสถานแห่งนี้เป็นที่เก็บอัฐิและหุ่นขี้ผึ้งจำลองของคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด เพื่อให้ผู้คนได้สักการะและรำลึกถึงท่าน อาคารเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีโครงสร้าง และรูปทรงซึ่งแฝงไว้ด้วยความหมาย
สำหรับคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ตามประวัติได้รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์เมื่อ พ.ศ.2469 ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ ท่านได้ทำงานอภิบาลวัดหลายแห่งทั่วประเทศถือเป็นพระสงฆ์ที่เอาใจใส่งานอภิบาล และมีความกระตือรือร้นในงานธรรมทูต ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดของการเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศสนั้น ท่านได้ถูกจับกุม โดยถูกกล่าวหาว่าช่วยฝรั่งเศสในสงครามอินโดจีน และถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ต่อมาท่านได้ป่วยเป็นวัณโรคและมรณภาพในเรือนจำบางขวาง เมื่ออายุ 49 ปี
แม้ในช่วงที่คุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด อยู่ในเรือนจำ ท่านยังได้เผยแพร่คำสอนและโปรดศีลล้างบาปให้นักโทษที่ใกล้ตายถึง 68 คน ถือเป็นการทำหน้าที่ประกาศข่าวดีแก่ผู้ที่อยู่ในเรือนจำให้ได้รับชีวิตใหม่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า
- อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก
อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก แห่งนี้จะเป็นสถานที่ในการประกอบพิธีมิสซาเยาวชนที่จะเกิดขึ้น ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ โดยอาสนวิหารแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในสนามของโรงเรียนอัสสัมชัญ ในปี ค.ศ. 1809 หัวหน้ามิชชันนารีได้เริ่มการก่อสร้างโบสถ์ให้เป็นรูปร่างขึ้นเป็นครั้งแรก และโบสถ์สไตล์ไทยเดิมนี้ถูกเรียกว่า โบสถ์อัสสัมชัญ เมื่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1821 แต่ภายหลัง เปลี่ยนชื่อเป็น อาสนวิหารอัสสัมชัญ
อาคารมีความโดดเด่นออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ ลักษณะพิเศษของตัวโบสถ์ คือ โครงสร้างส่วนที่ค้ำจุนวิหาร ซุ้มประตูครึ่งวงกลม ทางเดินหลังคาโค้ง เสารูปแบบต่างๆ ที่รวมกันเรียกความสนใจจากผู้พบเห็นด้วยความน่าเกรงขามและความสงบของตัวอาคาร และน้อยคนนักที่จะรู้ว่า ห้องใต้ดินซึ่งอยู่ใต้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เป็นที่เก็บร่างของสังฆราชและเหล่ามิชชันนารีในอดีต
- สถานสมณทูตวาติกัน
น้อยคนที่จะทราบว่าในประเทศไทย มีสถานสมณทูตวาติกันตั้งอยู่บนถนนสาทร ซึ่งจะใช้เป็นที่ประทับตลอดการพำนักในประเทศไทยของพระสันตะปาปา ซึ่งในปัจจุบันนี้พระอัครสังฆราช พอล ชาง อิน-นัม ได้รับแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ให้รับหน้าที่พระสมณทูตประจำประเทศไทย,กัมพูชา,พม่าและลาว
*ที่มา : เว็บไซต์สังฆมณฑลกรุงเทพฯ สังฆมณฑลราชบุรี และสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย *