โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

โปะหนี้บ้าน ดีอย่างไร

SET ตลาดหลักทรัพย์ฯ

เผยแพร่ 20 ก.พ. 2563 เวลา 17.00 น. • SET Education

“บ้าน” เป็นสิ่งแรกๆ ที่หลายคนอยากได้มาครอบครอง และเมื่อได้มาครอบครองแล้ว พบว่าความรู้สึกก่อนซื้อกับหลังซื้อช่างแตกต่างกัน โดยก่อนซื้อก็ได้คิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ทั้งทำเล ลักษณะบ้าน สภาวะแวดล้อม รวมถึงถ้าผ่อนไม่ไหวต้องการขาย จะได้กำไรหรือไม่

 

ก่อนจะคิดไปไกลถึงขั้นนั้น ขอนำเสนอวิธีการสร้างหนี้ วิธีการปลดหนี้บ้านและเสียดอกเบี้ยน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

หนี้ก้อนแรกจากการซื้อบ้าน เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารอนุมัติเงินกู้ เพื่อนำมาชำระหนี้กับเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ และผู้ซื้อจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็ต่อเมื่อผ่อนชำระหนี้กับธนาคารหมดแล้ว 

 

ดังนั้น เคล็ดลับเบื้องต้นของการปลดหนี้บ้านอย่างรวดเร็ว อันดับแรก คือ เลือกธนาคารที่ให้กู้ยืมโดยคิดอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ จากนั้นก็เข้าสู่วิธีการโปะหนี้บ้าน (ขอยกตัวอย่างออกเป็น 2 กรณี)

 

กรณีที่ 1 เลือกวิธีการชำระดอกเบี้ยแบบคงที่ 3%   

หากผู้กู้ ยื่นกู้ด้วยวงเงินกู้ 4 ล้านบาท ธนาคารจะเริ่มคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยยอดขั้นต่ำที่ให้แบ่งชำระเดือนละ 16,864.16 บาท เป็นระยะเวลา 30 ปี (ชำระให้ธนาคาร 202,369.92 บาทต่อปี) ซึ่งเป็นยอดเงินต้นและดอกเบี้ย ดังนี้

จากตาราง พบว่าในเดือนแรกๆ ถึงแม้ว่าจำนวนเงินต้นที่จ่ายจะไม่แตกต่างกัน แต่เงินที่ถูกแบ่งมาหักเงินชำระเงินกู้ยืมจะน้อยกว่าเงินที่ตัดจ่ายชำระดอกเบี้ย ดังนั้น หากมีเงินจ่ายมากกว่ายอดผ่อนขั้นต่ำรายเดือน เงินที่จ่ายเกินก้อนนั้นก็จะตัดเงินต้นลงในทันที เรียกวิธีนี้ว่า การโปะหนี้บ้าน ซึ่งหากโปะมากกว่ายอดเงินขั้นต่ำมากเท่าไหร่ ยอดหนี้บ้านก็จะลดลงได้เร็วเท่านั้น

 

กรณีที่ 2 เลือกวิธีการชำระดอกเบี้ยแบบไม่คงที่ มีอัตราการจ่ายดอกเบี้ย ดังนั้น

ปีที่ 1 : เดือนที่ 1 - 6 = 0.66% เดือนที่ 7 - 12 = 2.66%

ปีที่ 2 : เดือนที่ 13 - 20 = 2.66% เดือนที่ 21 - 24 = 3.66% 

ปีที่ 3 : เดือนที่ 25 – 36 = 3.66%

หลังจากนั้นจะทำการรีไฟแนนซ์ดอกเบี้ย โดยระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปี

กรณีที่ 1 และ 2 มียอดเงินกู้ 4 ล้านบาท และอัตราการผ่อนจ่ายธนาคารเดือนละ 16,864.16 บาทเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่าง คือ จำนวนเงินในการตัดเงินต้นของแต่ละกรณี โดยกรณีที่ 2 ยอดเงินต้นปรับลดลงเร็วกว่า จากดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

ดังนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในกรณีใด หากสามารถจ่ายชำระหนี้ได้มากกว่ายอดชำระเงินกู้ขั้นต่ำ เงินที่จ่ายเกินจะไปตัดเงินต้นลง ส่งผลให้ยอดภาระจ่ายดอกเบี้ยที่คิดจากยอดหนี้คงเหลือจะลดลงเร็วขึ้น หมายความว่าจะสามารถปลดหนี้และเป็นเจ้าของบ้านได้เร็วขึ้น

 

 

ศุภมาศ วงศ์บุญเนตร์

                                                          บล.กรุงศรี

อ่านบทความอื่นๆ ต่อได้ที่ >> https://setga.page.link/ds4rghK8pyNH5ZUZ6

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0