โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

โบกมือลานิสัยผัดวันประกันพรุ่งซะตั้งแต่วันนี้ ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งได้ประโยชน์ - ห้องแนะแนว

LINE TODAY

เผยแพร่ 15 ส.ค. 2562 เวลา 17.05 น. • nawa.

‘เดี๋ยวก่อน’, ‘ค่อยทำดีกว่า’, ‘ทำพรุ่งนี้ก็ได้’ สารพัดประโยคที่เราใช้บอกปัดตัวเองเวลาที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ยังไม่อยากลงมือตอนนั้น เพราะคิดว่าค่อยทำในอนาคตก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ที่เป็นอย่างนี้เพราะเราคิดว่าเรายังมีเวลาเหลือเฟือ แต่จริง ๆ แล้วไม่มีใครรู้เวลาที่เหลืออยู่ของตัวเราเองหรอกค่ะ นี่แหละที่พลาดกันมานักต่อนักแล้ว และถ้าไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก มาดูวิธีจัดการนิสัยตัวร้ายแบบง่าย ๆ ดีกว่า

ก่อนอื่นมาดูสาเหตุ ของอาการชอบผัดวันประกันพรุ่งกันก่อน 

1. คิดว่ายังมีเวลา  ปัญหาหลัก ๆ ที่เจอคือคนเรามักจะคิดว่า ค่อยทำก็ได้ มีเวลาเหลือเฟือ ตอนนี้ขอโอ้เอ้ก่อนดีกว่า เพราะไม่ว่ายังไงสุดท้ายก็ต้องทำอยู่ดี หลีกเลี่ยงไม่ได้ จุดนี้เองทำให้เราพลาดอะไรหลายอย่างไป

2. คิดว่าสิ่งที่จะทำยังไม่สำคัญ ข้อนี้ต้องจัดการความคิดเสียใหม่ เพราะไม่ว่าหน้าที่หรือสิ่งนั้นจะสำคัญมากหรือน้อย แต่สุดท้ายเราก็ต้องลงมือจัดการให้ลุล่วงไปอยู่ดี หากมัวแต่คิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยค่อยทำก็ได้ เราเองจะกลายเป็นคนหาข้ออ้างมาเลื่อนหน้าที่นั้นออกไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายกลับเจอเส้นตายอยู่ตรงหน้าแล้วทำไม่ทันซะอย่างนั้น

3. ขี้เกียจ เครียด กดดัน ไม่มีแรงบันดาลใจ พอใจไม่มา กายก็ไม่มาด้วย กลายเป็นว่ามัวแต่ทำอย่างอื่นที่อยากทำ ส่วนสิ่งที่ต้อง(ฝืนใจ)ทำ เก็บไว้ทีหลัง เพราะรู้สึกไม่มีความสุขที่ต้องทำมัน สุดท้ายภาระก็ทับถมจนแก้ไขไม่ทัน

4. คิดว่าไม่เป็นไร ความคิดสุดอันตราย ข้ออ้างสุดฮิตของโรคเลื่อน ต้องกำจัดออกไปทันทีที่แว้บเข้ามาในหัว อย่าคิดว่าไม่เป็นไร ไม่เช่นนั้นคุณจะอ้างเหตุผลนี้ในทุกครั้ง จาก 'ไม่เป็นไร' อาจจะกลายเป็น 'ปัญหา' ที่ย้อนมาทำให้เราปวดหัวได้ในอนาคต

5. จัดการหน้าที่ไม่เป็น ภาระที่ถาโถมจนไม่รู้จะหยิบจับสิ่งไหนก่อน ทำให้ตัวเองสับสน งานล้นมือ จัดระเบียบไม่ได้ เรียงลำดับความสำคัญไม่ถูก เลยทำให้ทุกอย่างประเดประดังและค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ไม่เลือกที่จะทำอะไรเลยสักอย่าง 

ยังมีข้างอ้างอื่น ๆ ที่เรามักคิดเอาเองว่าเป็นเหตุผลที่ดีในการผัดวันประกันพรุ่งอีกจำนวนมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ขอให้ตระหนักไว้ว่า ยิ่งชอบเลื่อน ยิ่งทำลายตัวเองในระยะยาวได้ เพราะฉะนั้นหากใครรู้ตัวว่าทำบ่อย จงรีบกำจัดนิสัยนี้ออกไป

วิธีจูงใจตัวเองให้เลิกผัดวันประกันพรุ่ง แบบไม่ยาก

ถ้าไม่เริ่มก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เตือนตนเองว่าหากไม่ทำวันนี้ก็ต้องทำในวันหน้าอยู่ดี สู้ทำตอนนี้ให้เสร็จเลยไม่ดีกว่าหรือ เพราะหัวใจหลักที่จะจัดการกับนิสัยนี้คือ ‘การเริ่มต้น’ ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งมีประโยชน์ 

อย่างเช่น อยากลดน้ำหนัก เลิกพูดว่า 'พรุ่งนี้ค่อยลด' แต่ให้เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร หรืออะไรก็ตาม เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วก่อน แล้วที่เหลือจะตามมาเองอย่างอัตโนมัติ!

รีบทำจะได้พัก ดีกว่าพักแล้วรีบทำทีหลัง ต้องคอยกังวลว่าจะเสร็จทันเส้นตายหรือเปล่า แบบนี้จะยิ่งเสียสุขภาพจิต การกระตุ้นตัวเองแบบนี้จะช่วยให้เราแอกทีฟขึ้น เสมือนว่ามีรางวัลปลอบใจรออยู่ข้างหน้า นั่นจะทำให้ยิ่งอยากจัดการหน้าที่ให้เสร็จโดยเร็ว หมดปัญหาดินพอกหางหมูไปได้

เช่น เรื่องงาน บางครั้งบางคราวเราอาจจะได้รับมอบหมายงานเข้ามาเยอะมาก แม้ว่าเดดไลน์จะอีกยาวไกลจนเราติดสบาย ไม่เป็นไรค่อยทำ แป๊บเดียวก็เสร็จ ตอนนี้เอาเวลาไปพักผ่อนก่อนดีกว่า แต่สุดท้ายพอเงยหน้ามองปฏิทินอีกทีก็ทำอะไรไม่ทันแล้ว เพราะฉะนั้นหากคุณมีเวลาอยู่ตอนนี้ ไม่ว่าเส้นตายจะเป็นวันไหนก็ไม่สำคัญ รีบจัดแจงลงมือทำให้เสร็จ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ดีกว่ารีบทำแบบไฟลนก้นนะคะ ทำเสร็จก่อนแล้วมีเวลาพักหายใจยาว ๆ มันดีกว่าเนอะ

จัดระเบียบสิ่งสำคัญจากมากไปน้อย แล้วค่อย ๆ เคลียร์ทีละอย่าง ง่ายกว่าทำทุกอย่างในเวลาเดียวกัน แต่หากมีหน้าที่, งาน หรือสิ่งที่ต้องทำจำนวนมาก ซึ่งในนั้นมีทั้งเรื่องใหญ่ (ที่ต้องใช้เวลาทำนาน) และเรื่องเล็ก ให้ทยอยทำเรื่องย่อย ๆ ให้เสร็จก่อนเรื่องหลัก เพราะจะประหยัดเวลาได้ดีกว่า แถมยังช่วยสร้างกำลังใจให้ตัวเองว่า อย่างน้อยก็เสร็จไปแล้วหนึ่ง!

อย่ากดดันตัวเอง ว่ากันว่าสิ่งเหล่านี้ที่เรา ‘ต้องทำ’ จะยิ่งสร้างความรู้สึก ‘ไม่อยากทำ’ มากขึ้นไปอีก มองข้ามสิ่งเหล่านั้นไป คิดถึงปลายทางเข้าไว้ มองไปข้างหน้าหากเราได้ลงมือทำสิ่งนั้นแล้วเกิดความสำเร็จ เราก็จะยิ่งภูมิใจ หากมัวแต่เครียด ไม่มั่นใจ กลัวว่าจะต้องทำ กลัวว่าจะทำไม่ได้ คุณก็จะติดอยู่กับความกดดันเหล่านั้นไปเรื่อย ๆ จนไม่เป็นอันทำอะไร

ให้มองเรื่องง่าย ๆ อย่างที่ยกตัวอย่างไปแล้วเช่น การลดน้ำหนัก ช่วงแรกมันอาจจะยาก ฝืนมากที่ต้องวิ่งตอนเช้า ยากมากที่ต้องงดชาไข่มุก ทำไปสักพักทำไมน้ำหนักไม่เห็นจะลดลงเลย ยิ่งกดดันเข้าไปใหญ่ จนพาลไม่อยากทำต่อ แบบนี้ต้องหยุดคิดสักนิด เลิกกดดัน เลิกเร่งเร้าตัวเอง แต่จงใช้ความพยายามในการทำอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่ต้องการย่อมรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดเราก็ได้ลงมือทำแล้ว ณ เวลานี้

หากสิ่งที่ทำมันยากหรือมากเกินความสามารถไป แนะนำให้มองหาตัวช่วยจากรอบข้างเพื่อช่วยทุ่นแรง และแบ่งเบาภาระบ้างก็ไม่ผิด บางทีเราอาจจะติดอยู่การวิธีการทำอะไรแบบเดิม ๆ จนละเลยวิธีอื่นไป หากเริ่มแสวงหาตัวทุ่นแรงใหม่ ๆ ได้ก็ยิ่งมีประโยชน์ต่อเราเองในภายภาคหน้าอีกด้วย

หลังจากจบสิ้นเรื่องที่ต้องทำทั้งมวลแล้ว สิ่งที่ควรทำต่อมาก็คือ การให้รางวัลตัวเอง ด้วยการทำในสิ่งที่อยากทำ (หลังจากที่ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแล้ว) ตามแนวทางจิตวิทยาถือว่าวิธีนี้เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ตนเองได้เป็นอย่างดี

สุดท้ายอย่าลืมว่า ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ภาระหน้าที่ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อยู่ที่เราจะจัดสรรเวลาอย่างไรให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองสูงสุด 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0