ในปัจจุบันนี้มีแบรนด์สกินแคร์สำหรับการบำรุงผิวออกมามากมาย และแต่ละแบรนด์ต่างก็มีผลิตภัณฑ์บำรุงในขั้นตอนต่าง ๆ เพิ่มมากขึนเรื่อย ๆ จนทำให้บางครั้งก็เกิดความสับสนเหมือนกันว่า สกินแคร์มากมายเหล่านี้มันจำเป็นจริง ๆ หรือไม่ หนึ่งในนั้นที่ยังมีข้อสงสัยเสมอมาก็คือโทนเนอร์ ที่หลาย ๆ คนก็ยังคลางแคลงใจอยู่ว่าก็แค่ล้างหน้าให้สะอาดก็น่าจะพอแล้ว สำหรับใครที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ วันนี้เราหาคำตอบมาให้แล้วค่ะ
โทนเนอร์คืออะไร
โทนเนอร์เป็นสกินแคร์แบบเหลวที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการล้างเมคอัพ สิ่งสกปรก และความมันที่อาจจะยังตกค้างบนใบหน้าหลังจากที่เราได้ทำการล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์แล้ว โดยดร.อลิเซีย ซัลกา ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจากมหาวิทยาลัยเยลก็ได้ให้คำจำกัดความของโทนเนอร์ไว้ว่า เป็นขั้นตอนที่ต่อเนื่องมาจากการกระบวนการล้างหน้า โดยมีผลดีในการช่วยขจัดคราบมันและซากเซลล์ที่ตายแล้วออกไปจากใบหน้า นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดผิวเพื่อเตรียมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปด้วย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าผิวหน้าของเราจะสามารถซึมซับสารบำรุงต่าง ๆ ได้ดีกว่าถ้าอยู่ในสภาพที่มีความชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน
ประโยชน์ของโทนเนอร์
โทนเนอร์แรกเริ่มนั้นมักมีส่วนประกอบเป็นแอลกอฮอล์ จึงทำให้หลาย ๆ คนรู้สึกว่าทำให้หน้าแห้งจนเกินไป แต่ในปัจจุบันทุกแบรนด์ก็เริ่มมีการปรับส่วนประกอบให้มีความอ่อนโยนลง เน้นเรื่องการรักษาความชุ่มชื้นและยังเพิ่มคุณสมบัติอื่น ๆ นอกจากเรื่องของการทำความสะอาดเข้ามาด้วย ดังนี้
ตัวอย่างโทนเนอร์ที่เหมาะกับผิวแต่ละประเภท
ผิวมัน : SUNDAY RILEY Martian Mattifying Melting Water-Gel Toner
สำหรับตัวนี้เป็นโทนเนอร์สูตรเจลที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายยามใช้ ช่วยในการควบคุมความมันได้ดี มีส่วนประกอบหลากหลายจากธรรมชาติเช่น สารสกัดจากชาเขียว manuka ขมิ้นดำ และกิ่งแมกโนเลีย ช่วยทั้งเรื่องของการกระชับรูขุมขนและลดการอุดตันที่จะทำให้เกิดสิว, ราคา 863 บาท/50 ml
ผิวแห้ง : THE FACE SHOP Chia Seed Calming Mist Toner
โทนเนอร์ตัวนี้เหมาะกับผิวแห้งตึงขาดน้ำเป็นอย่างมาก เพราะจะมอบความชุ่มชื้นแบบอ่อนโยนจากธรรมชาติให้กับผิวหน้า ด้วยการใช้น้ำสกัดมาจาก Chia seed 100 % นอกจากนี้ยังเป็นโทนเนอร์แบบสเปรย์ที่มีละอองละเอียด เวลาใช้จึงรู้สึกได้ถึงความรู้สึกสดชื่น มีความอ่อนโยนต่อผิวหน้าเพราะปราศจากสารกันเสียอย่างพาราเบนค่ะ, ราคา 599 บาท/ 100 ml
ผิวบอบบาง : KIEHL’s Calendula Herbal Extract Alcohol-Free Toner
โทนเนอร์สูตรไร้แอลกอฮอล์แบบอ่อนโยนที่มีส่วนผสมของกลีบดอก calendula ช่วยให้การทำความสะอาดผิวเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไร้สารตกค้าง เป็นสูตรคลาสสิกที่มีความอ่อนโยนต่อผิวไม่มีสารเคมีสังเคราะห์ที่จะทำร้ายผิว ไม่มีการผสมสารกันเสียอย่างพาราเบน จึงใช้ได้แม้ในผิวที่แพ้ง่าย, ราคา 900 บาท/125 ml
ปัญหาสิว; COSRX Centella Water Alcohol-Free Toner
โทนเนอร์จากแบรนด์ระดับท็อปจากเกาหลีตัวนี้ผลิตมาสำหรับแก้ปัญหาสิวอย่างแท้จริงค่ะ โดยอุดมไปด้วยสารหลักที่สกัดมาจากใบบัวบกแบบเข้มข้น จึงช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบของสิวอย่างได้ผล นอกจากนี้ยังช่วยให้รอยแผลเป็นจากสิวดูลดเลือนลง มีส่วนประกอบเป็นน้ำแร่จากธรรมชาติ จึงอ่อนโยนต่อผิวหน้าและยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะด้วย, ราคา 610 บาท/150 ml
ปัญหาจุดด่างดำ; PIXI Glow Tonic
สำหรับโทนเนอร์จาก PIXI ตัวนี้ต้องบอกว่ามาแรงมาก ๆ ของขาดตลอด โดยตัวนี้เด่นในเรื่องของการช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า ให้ใบหน้าของคุณได้มีการผลัดเซลล์ผิวใหม่เผยผิวที่ดูขาวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวดูมีสุขภาพดี ผิวเนียนนุ่มขึ้น ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ โดยเป็นสูตรอ่อนโยนที่มีส่วนประกอบมาจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ว่านหางหางจระเข้และโสม, ราคา 550 บาท/ 100 ml
แล้วตกลงว่าจำเป็นต้องใช้รึเปล่านะ
สำหรับคำถามนี้ผู้เชียวชาญอย่างแพทย์ผิวหนังก็ได้ให้คำตอบไว้ว่า ผิวหน้าของแต่ละคนมีปัญหาและต้องการการดูแลในแต่ละจุดที่แตกต่างกันออกไป โทนเนอร์จึงไม่ใช่ขั้นตอนที่จำเป็นแบบขาดไม่ได้อะไรขนาดนั้น โดยอย่างตัวเธอเองก็จะแนะนำให้คนไข้ที่มีปัญหาเรื่องสิวหรือหน้ามันมาก ๆ ใช้เท่านั้น หรือหากใครที่อยากจะให้การใช้ครีมบำรุงตัวอื่นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็อาจจะใช้โทนเนอร์เพื่อให้สารบำรุงเหล่านี้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีมากยิ่งขึ้นค่ะ
แล้วมีอะไรที่จะใช้แทนโทนเนอร์ได้ไหม
อย่างที่บอกว่าหน้าที่แรกของโทนเนอร์ก็คือการกำจัดสิ่งตกค้างที่อาจจะไม่หมดไปจากการล้างหน้า แต่ถ้าคุณมีการใช้ผลิตภัณฑ์พวก micella water หลังการล้างหน้านั่นก็ถือว่าล้างได้สะอาดเพียงพอแล้วค่ะ ส่วนเรื่องของการให้ใบหน้าชุ่มชื้นนั้นก็ใช้เป็นกลุ่มของสเปรย์น้ำแร่ต่างๆ ก็จะช่วยให้หน้าสดชื่นและเป็นการเปิดรูขุมขนเตรียมผิวสำหรับการบำรุงได้เช่นเดียวกันค่ะ ซึ่งสกินแคร์ทั้งสองตัวนี้ ต่างก็มีส่วนประกอบที่คล้ายคลึงกับโทนเนอร์ค่ะ
จริง ๆ แล้วแต่ละคนต่างก็มีสภาพผิวหน้าและปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกันออกไปนะคะ ดังนั้นถ้าใบหน้าของคุณมีสภาพผิวปกติ ไม่ได้มีปัญหาความสกปรกความมันอะไรเป็นพิเศษ หรือคุณไม่ได้แต่งหน้าเป็นประจำ ก็อาจจะไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่ถ้าใครเงินเหลือหรือมีเวลาเพียงพออยากจะเตรียมผิวให้รับการบำรุงได้ดีขึ้นจะหามาใช้ก็ไม่ว่ากันค่ะ แต่ก็อย่าลืมเลือกชนิดของโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณด้วยนะคะ