โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

โถ‘ช่อ’ขอสังคมลืมอดีตมองปัจจุบัน

ไทยโพสต์

อัพเดต 19 มิ.ย. 2562 เวลา 17.01 น. • เผยแพร่ 19 มิ.ย. 2562 เวลา 17.01 น. • ไทยโพสต์

  “ช่อ” เปิดปากแจงภาพหมิ่นเหม่ครั้งแรก   ขออภัยที่ทำให้สังคมไม่สบายใจ วอนหากเป็นวิญญูชนต้องมองปัจจุบัน และอย่าลากครอบครัวและเพื่อนมาพัวพัน ตอกย้ำยุค 4.0 ยังใช้สถาบันมาทำลายล้างกัน

เมื่อวันพุธ ที่หอประชุมใหญ่ทีโอที น.ส.พรรณิการ์  วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรกหลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ภาพหมิ่นเหม่ที่ไม่เหมาะสมของตนเอง ว่าจะพาดพิงถึงสถาบันหรือไม่ ขึ้นกับการตีความ ที่โพสต์ยอมรับว่าเป็นภาพไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความไม่สบายใจ เนื่องจากเป็นสิทธิที่แต่ละคนจะตีความอย่างหลากหลาย  “ดิฉันขออภัยอีกครั้งหนึ่ง ที่ภาพนี้ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ดิฉันเองก็ไม่สบายใจอย่างยิ่งที่ภาพนี้ทำให้เกิดบทสนทนาไม่สร้างสรรค์ขึ้นในโซเชียลมีเดีย มีวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง จึงขอโทษที่ทำให้เกิดวาทะที่ไม่สร้างสรรค์ขึ้นในยามที่บ้านเมืองต้องการเดินไปข้างหน้า ส่วนที่ผู้ไปแจ้งความดำเนินคดีนั้น กระบวนการกฎหมายก็เป็นไปตามขั้นตอน ตอนนี้ยังไม่ได้รับแจ้งจากใครว่าเป็นการแจ้งตามมาตรา 112 หรือไม่ คงต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งอย่างเป็นทางการ กับฝ่ายกฎหมายของพรรคนั้นยังไม่ได้คุยอะไรเป็นพิเศษ รอการดำเนินการทางกฎหมายก่อนว่า ตำรวจจะรับฟ้องหรือไม่” น.ส.พรรณิการ์ระบุ  น.ส.พรรณิการ์กล่าวต่อว่า จุดยืนของพรรค อนค.พูดตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อยากให้นำสถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมือง ซึ่งดิฉันไม่ใช่คนแรก และคงไม่ใช่คนสุดท้ายที่โดนโจมตีด้วยข้อหาแบบนี้ ซึ่งทุกเห็นแล้วว่าไม่ได้ส่งผลแค่ตัวดิฉันคนเดียว แต่ถึงพ่อ ถึงเพื่อน ซึ่งไม่ได้เตรียมใจต้องรับเรื่องนี้ การตัดสินใจมาทำงานการเมืองต้องเตรียมตัวว่าต้องมาเผชิญกับอะไร แต่ว่าพ่อแม่และเพื่อนไม่สมควรต้องมารับผิดชอบในเรื่องนี้ที่บานปลาย อยากให้เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า เวลานำเรื่องนี้มาโจมตีทางการเมือง ทำให้เสียหายไปถึงบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย การเมืองโดยทั่วไปก็ไม่ได้มีอะไรสร้างสรรค์ขึ้น  "ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตยหัวก้าวหน้า มักจะถูกสกัดกั้นทางการเมืองด้วยข้อหานี้ เพราะเป็นเรื่องไม่สามารถแก้ตัวได้เลย แม้จะทำได้แต่บั้นปลาย ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือทางสังคมหมดแล้ว อีกทั้งยังมีโทษหนัก จึงขอร้องว่าอย่านำสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีทางการเมือง เชื่อว่าประเทศไทยมีจุดยืนร่วมกัน แล้วเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ พรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจเข้ามาทำงานการเมืองในระบอบรัฐสภา ย่อมชัดเจนแล้วว่าอนาคตใหม่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข การทำงานในรัฐสภาก็ต้องเดินไปทางนี้" น.ส.พรรณิการ์กล่าว  เมื่อถามว่า จะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการทำงานของพรรคหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาพรรคก็ถูกโจมตีด้วยเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก บุคคลอื่นและตัวพรรคเองก็เคยโดน เราได้แต่ยืนยันและหวังว่าสิ่งที่เราต้องการสื่อสารจะไปถึงประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถูกโจมตีแบบนี้ พรรคอนาคตใหม่ตั้งใจทำงานการเมืองด้วยความหวัง เพื่อทำลายการเมืองด้วยความกลัว แน่นอนว่าการที่เราพุ่งชนปัญหาและผู้มีอำนาจต้องเจออุปสรรคเยอะ แต่เรายังเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าผู้สนับสนุนและไม่สนับสนุนเราที่รักความเป็นธรรมจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น  เมื่อถามถึงการโพสต์ว่า พรีโฮจิมินห์ หมายถึงอะไร น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า นี่เป็นประวัติศาสตร์เวียดนาม มีความชัดเจนในตัวเอง ภาพที่ถ่ายเล่นๆ นั้นสวมหมวกเวียดนาม ถือตราสัญลักษณ์ จึงโพสต์โยงไปถึงประวัติศาสตร์เวียดนาม ซึ่งต่างจากประวัติศาสตร์ไทย เส้นทางของคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม ประชาธิปไตยในไทยไม่ได้ซ้อนทับกัน ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ เป็นเรื่องที่จำบริบทตอนโพสต์ไม่ได้แล้ว เป็นการถ่ายกันเล่นๆ ในที่ทำงาน ซึ่งในสถานีโทรทัศน์จะมีการตั้งตราสัญลักษณ์อยู่แล้ว การที่โพสต์เฟซบุ๊กเป็นความรับผิดชอบอยู่แล้ว  โฆษก อนค.กล่าวอีกว่า เมื่อกาลเวลาผ่านไป การเดินทางทางความคิดก็เปลี่ยนไป ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าย้อนกลับไปจะแก้ไขอะไรหรือไม่นั้น อดีตเป็นเรื่องของอดีต ปัจจุบันเป็นเรื่องปัจจุบัน การตัดสินในปัจจุบันเป็นสิ่งที่วิญญูชนทำกัน ซึ่งการเดินทางทางความคิดประวัติศาสตร์ไทย การเดินทางของนักศึกษาเดือนตุลา.เข้าป่ามีความสุดโต่ง เวลาผ่านไปอีกก็เรียนรู้ว่าไม่ใช่แล้วก็กลับมา รัฐบาลในยุคนั้นก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญ เพราะไม่ได้กำจัดพื้นที่ความคิดแตกต่าง แต่ว่าให้พื้นที่คนเหล่านี้กลับมากลายเป็นภูมิปัญญาของประเทศชาติ ที่สำคัญสังคมจะอยู่อย่างสมานฉันท์ได้ ไม่ใช่การยึดความคิดทั้งหมดไว้ ไม่ให้ที่คนเห็นต่าง แต่ต้องให้พื้นที่ทุกคน  “กรณีของดิฉันนั้นไม่ถือว่าสุดโต่ง การตั้งคำถามถึงจุดยืนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันทางการเมือง ซึ่งตอนนั้นนิสิตนักศึกษาต่อต้านการรัฐประหารมาก แต่ถูกป้ายสีว่าไม่จงรักภักดี โดยไม่มีทางแก้ตัว จนสังคมตัดสินไปแล้ว ตอนนั้นจึงตั้งคำถามกับการใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมือง ตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนของสังคมนี้คือการใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทำลายกันทางการเมือง" น.ส.พรรณิการ์กล่าว.  

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0