"แคนดี้" เผยครอบครัวนำเงิน 3 แสน จากซองทำบุญในงานศพคุณพ่อไปบริจาคให้รพ. จุฬาฯ ตั้งเป้าจะทำต่อไป เผยดรามา ขี่มอเตอร์ไซค์ลั้ลลากับครอบครัวไปลอยอังคาร แค่ฮึบสุดท้าย ก่อนจากกันตลอดกาล วินาทีลอยอังคารปิ่มจะขาดใจ ติดแฮชแท็ก "ไม่สนิทอย่าติดหมี" แค่สนุกๆ ไม่ได้ทีมใคร โพสต์ไปตามประสาสายเผือก
เพิ่งผ่านความสูญเสียมาไม่นาน และเป็นคนที่ร้องไห้หนักที่สุดในงานศพคุณพ่อ ล่าสุด "แคนดี้ รากแก่น" ทำใจได้บ้างแล้ว ออกอีเวนต์ ME WHITE CONCERT #1 Always make me white ณ โรงภาพยนตร์ SF ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ ยอมรับว่ายังนอนร้องไห้อยู่ พร้อมเผยนำเงิน 3 แสนจากซองทำบุญที่ทุกคนร่วมบุญในงานศพไปบริจาคให้รพ.จุฬาฯ ตามเจตนารมณ์ลูกๆ ทุกคน
"ก็คือเป็นเจตนารมณ์ของลูกๆ แอนดี้ แคนดี้ โทนี่ (โทนี่ รากแก่น) นะคะ เพราะคุณพ่อจะเป็นคนชอบทำบุญ ตั้งแต่ก่อนที่ท่านจะจากเราไปท่านจะชอบทำบุญที่นั่นที่นี่ตลอด เราก็คิดกันเอาเองว่าคุณพ่อก็คงอยากจะให้ทุกคนร่วมทำบุญเหมือนกัน เราก็เลยนั่งคุยกันในงานคุณพ่อนั่นแหละค่ะว่าถ้าเกิดเราจะเอาเงินในซอง เงินที่ทุกคนทำบุญไปที่โรงพยาบาลจุฬาดีไหม ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยหมด ดังนั้นเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกคนร่วมกันทำบุญมา ขาดเหลือนิดหน่อยเราเติมเข้าให้เต็มจำนวน ก็ได้มีโอกาสเอาไปร่วมบริจาคให้กับโรงพยาบาลจุฬาฯ ค่ะ เป็นเงินทั้งหมด 3 แสนบาท"
"เราก็แล้วแต่โรงพยาบาลจะจัดสรรเลยค่ะ คือเรื่องของทั้งอุปกรณ์ เรื่องของการศึกษาวิจัยในเรื่องของโรคมะเร็งต่อไป ซึ่งเราทำครั้งนี้มันก็คงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่เราจะทำค่ะ เพราะว่าเราอยากจะทำต่อ คือพอหลังจากที่คุณพ่อจากไป เราก็ศึกษาเรื่องของการทำบุญมากขึ้น ซึ่งจริงๆ ตรงนี้เราได้รับคำแนะนำจากโทนี่นะ เพราะโทนี่เป็นคนที่นั่งวิปัสสนา ทำบุญมาตลอด"
"ส่วนตัวแคนดี้จะทำบุญ ทำทาน แต่ไม่ได้เหมือนกับทำในการนั่งวิปัสสนา ก็มารวมคุยกันว่าเราจะมีโครงการที่จะทำบุญอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็คุยกันว่าอาจจะมีโครงการที่ไปสร้างรอยยิ้มด้วยเสียงเพลงให้กับสถานที่ต่างๆ ที่เขาไม่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรือนจำ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักคนชรา บ้านเด็กกำพร้า ซึ่งก็คงไม่ใช่ครั้งเดียวที่เราทำบุญค่ะ ก็จะทำไปเรื่อยๆ"
"ก็จะรวมตัวในนามครอบครัวไปทำบุญร่วมกันค่ะ คือก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยมีโอกาสได้รวมตัวกัน เพราะต่างคนต่างทำงาน พอคุณพ่อจากไป ช่วงคุณพ่ออยู่เราก็มีโอกาสได้รวมตัวกันเยอะ จนเรารู้สึกผูกพันและอยากมีอะไรดีๆ ที่ทำร่วมกัน พอคุณพ่อจากไปเราก็ยังอยากทำเพื่อคุณพ่ออยู่ ก็เจอกันบ่อยขึ้นค่ะ เจอกันแล้วเราก็คุยกันเยอะขึ้น ไม่ใช่แค่สามคนพี่น้องนะคะ คุณพ่อก็ยังมีลูกคนอื่นอีก เราก็คุยกันในครอบครัวทั้งหมดเลยค่ะ"
ก่อนหน้านี้แค่อ้าปากก็ร้องไห้ สภาพจิตใจตอนนี้ดีขึ้นเพราะธรรมะ
"ดีขึ้นแล้วค่ะ ก็ต้องกราบขอโทษทุกท่านจริงๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรเลยค่ะ มีพี่ๆ สื่อมวลชนมาร่วมงานคุณพ่อเยอะมาก แล้วก็ขอสัมภาษณ์ ซึ่งตอนนั้นบอกตรงๆ ว่าแค่อ้าปากคำเดียวคือร้องไห้แล้ว มันไม่ได้จริงๆ ตอนนั้นเลยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใครเลยค่ะ แต่ว่าแคนดี้เชื่อว่าทุกคนเข้าใจสภาพจิตใจของพวกเราทุกคน แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วด้วยการที่เราใช้ธรรมะเข้าช่วยค่ะ นั่งวิปัสสนาและพูดคุยกัน คุณแม่ก็น่ารักมากๆ คอยปลอบประโลม ซึ่งแคนดี้เป็นคนที่เป็นหนักที่สุดในบ้าน หนักมากๆ จนทุกวันนี้ก็ยังแอบนอนร้องไห้คิดถึงคุณพ่ออยู่ ก็ศึกษาใช้ธรรมะกล่อมเกลาจิตใจ ตอนนี้ก็ดีขึ้นค่ะ"
แจงดรามาสามพี่น้องและคุณแม่ขี่มอเตอร์ไซค์ถือภาพคุณพ่อในวันไปลอยอังคาร เป็นฮึบสุดท้ายก่อนจากกันตลอดกาล
"คือคุณพ่อจะเป็นคนที่ชอบสนุกตลอดเวลา แม้ก่อนท่านจะเสียท่านก็สั่งเอาไว้ว่าไม่ต้องจัดงานอะไรมากมาย ขอในงานมีความสนุกอย่างเดียว แต่เราก็ทำได้เท่าที่ทำ คือไม่ได้สนุกทั้งหมด เราเศร้าเนอะมันก็ฝืนสนุกไม่ได้ แต่สุดท้ายวันที่ไปลอยอังคาร วินาทีที่เราลอยอังคารคุณพ่อไปหมด วินาทีนั้นเหมือนใจจะขาด เหมือนปิ่มจะขาดใจจริงๆ แต่เราหันกลับมาเห็นคุณแม่"
"คุณแม่คือคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ และคุณพ่อสอนเราว่าให้ดูแลคนที่เขามีลมหายใจอยู่ให้ดีที่สุดนะ อย่าลืมนะ พ่อพูดคำนี้ตลอด พ่อพูดกับเราว่าทำกับข้าวให้พ่อกินเถอะ ชวนพ่อกินข้าวเถอะ ไม่ต้องเคาะโลงหรอก มันไม่มีประโยชน์ เราก็นึกถึงคำพูดนี้ของพ่อค่ะ วินาทีที่เราสามคนพี่น้องกับคุณแม่อยู่ตรงนั้น แล้วก็มีน้องแก้ว (จริญญา ศิริมงคลสกุล) อยู่ด้วย เราก็กอดกันแล้วก็ฮึบ คือฮึบสุดท้ายนะโบกมือบ๊าย บายพ่อ แล้วก็หันมากอดแม่ เราต้องเดินต่อ ภาพนั้นจึงเป็นภาพที่เราอยากให้คุณพ่อสบายใจว่าพ่อไม่ต้องกังวลอะไรเลยนะ พวกเราอยู่ได้"
ยอมรับเป็นสายเผือก ลงแฮชแท็ก ไม่สนิทอย่าติดหมี ไม่ได้ทีม "พีช พชร จิราธิวัฒน์"
"ก็เป็นกระแสที่ทุกคนลงกันหมดนะคะ (หัวเราะ) ไม่มีทีมใครค่ะ แต่ชอบตามเรื่องนี้ ก็สายเผือกพอสมควร (หัวเราะ) แคนดี้เชื่อว่าทุกคนตามข่าวก็แล้วแต่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไร แต่ตัวแคนดี้คือเรารู้สึกว่าแฮชแท็กนี้มันตลกดี แค่นั้นเองค่ะ ไม่ได้มีอะไร ตอนแรกแคนดี้ก็ไม่ได้ตามข่าวในช่วงแรกๆ ว่าเป็นเรื่องราวมายังไง แต่เห็นว่าพอเราเอามาลงเป็นแฮชแท็กนี้ก็มีคนเอาไปเป็นประเด็นว่าเราทีมใครหรือเปล่า ก็เป็นทีมความถูกต้องค่ะ (หัวเราะ)"
"ก็มีถามเยอะค่ะ แต่เราไม่ได้เชียร์ใครหรอก เพราะว่ามันเป็นความรักของคนสองคน เราไม่รู้หรอกว่าตื้นลึกหนาบางเขาอะไรยังไงมา เราก็รู้สึกว่าชีวิตเขาเพิ่งเริ่มต้นเอง อายุยังน้อยกันมากอยู่เลย เราก็นึกถึงตัวเองลองย้อนกลับไปในวัยนั้นกว่าจะได้เจอคู่แท้ในวันนี้อายุเราตั้งเท่าไหร่แล้ว เลิกกันบ้าง รักกันบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่พอดีเขาเป็นคู่ที่หลายๆ คนสนใจมากกว่า เราเองก็สนใจด้วย ก็เป็นหนึ่งใน FC ที่ตามข่าวค่ะ ไม่มีอะไร (หัวเราะ)"
