โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

โตโยต้า Supra การกลับมาของสปอร์ตคลาสสิค

Manager Online

อัพเดต 16 ม.ค. 2562 เวลา 06.01 น. • เผยแพร่ 16 ม.ค. 2562 เวลา 06.01 น. • MGR Online

หลังจากโดนพับโครงการไปครั้งหนึ่ง บรรดาแฟนๆ ที่เฝ้ารอการกลับมาของ Supra ต้องอดทนและเฝ้ารอนานถึง 10 ปีกว่าที่โตโยต้าจะเปิดตัวรุ่นจำหน่ายจริงของ Supra ใหม่ออกสู่ตลาด โดยจะมีหน้าตาคล้ายกับต้นแบบที่ชื่อว่า GR Racing Concept ที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้

ถ้านับจากปี 1978 ที่ชื่อของ Supra ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในฐานะของรุ่นย่อยในสายพันธุ์รถสปอร์ต Celica แล้วรุ่นใหม่นี้จะถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 5 และเป็นตัวแทนรุ่นล่าสุดคือ JZA80 ที่เลิกทำตลาดไปในปี 2002 โดย 2 รุ่นแรกจะถูกขายในฐานะที่เป็นรุ่นย่อยของ Celica ต้องรอรุ่นที่ 3 ทาง Toyota ถึงแยก Supra ออกมาเป็น Nameplate เดี่ยวๆ สำหรับทำตลาดในฐานะรถสปอร์ตรุ่นใหญ่สุดที่มีอยู่ในตลาด ณ ตอนนั้น

หลังจากยุติบทบาทในการทำตลาดไปเมื่อปี 2002 ทางโตโยต้าเคยคิดที่จะนำ Supra กลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่ฮอนด้าเคยคิดจะนำชื่อ NSX กลับมา ซึ่งตอนนั้นคือช่วงปลายทศวรรษที่ 2000 ช่วงราวๆ ปี 2007-2008 แต่สุดท้ายโครงการก็พับไปเพราะวิกฤตราคาน้ำมัน และตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาเกิด Hamburger Crisis จนทำให้กลุ่มลูกค้าหลักของ Supra ชะลอการตัดสินใจและเชื่อว่าถ้าเปิดตัวออกมาในช่วงนี้โอกาสดับมีสูง สปอร์ตทั้ง 2 รุ่นก็เลยต้องพับโครงการไป และกว่าจะกลับมาได้ก็ต้องรอกันนานร่วม 10 ปี

สิ่งที่น่าสนใจคือ ข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ในประเด็นที่ว่า Supra ใหม่อาจจะแชร์พื้นฐานเดียวกับรถสปอร์ตรุ่นล่าสุดอย่าง Z4 รหัสตัวถัง G29 ของค่ายบีเอ็มดับเบิลยูเพราะมีข่าวว่าตัวรถจะได้รับการผลิตที่โรงงานเดียวกันกับบีเอ็มดับเบิลยูที่เมือง Magna Styr ในออสเตรีย โดยเมื่อดูจากสเป็กของ Supra ใหม่กับ Z4 แล้วจะมีระยะฐานล้อเท่ากันที่ 2,470 มิลลิเมตร ซึ่งตรงนี้ก็ต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการ

ในรุ่นใหม่ของ Supra จะถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 5 และว่ากันว่าจะนับต่อไปเลยโดยใช้รหัสตัวถัง A90 โดยยึดพื้นฐานของการเป็นสปอร์ต GT แบบเครื่องยนต์วางด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหลัง โดยจะมีความยาว 4,380 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร และสูง 1,290 มิลลิเมตร โดยตัวรถจะมีน้ำหนักราวๆ 1.4-1.5 ตันและยังใช้เครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียงเหมือนเดิมแต่ตามข่าวที่ระบุจะไม่ใช่ขุมพลัง JZ หรือบล็อกที่ทางโตโยต้าพัฒนาขึ้นมาเอง แต่เป็นการหยืบยืมมาจากบีเอ็มดับเบิลยู

เครื่องยนต์บล็อกนี้มีความจุ 3,000 ซีซี เทอร์โบคู่ และรีดกำลังออกมาได้ 335 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 46.2 กก.-ม. ขับเคลื่อนล้อหลังและส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะและมีการปรับอัตราทดเกียร์ต่ำให้สั้นเพื่ออัตราเร่งที่ดี โดยใช้เวลาเพียง 4.1 วินาที สำหรับ 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และมีความเร็วสูงสุดถูกล็อกเอาไว้ที่ 155 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมระบบช่วงล่างแบบปรับระดับได้ หรือ Adaptive Variable Suspension ที่สามารถปรับได้ทั้งแบบ Normal และ Sport ส่วนพวงมาลัยแม้ว่าจะใช้เพาเวอร์ไฟฟ้า แต่ก็มีการปรับอัตราทดเฟืองแบบแปรผัน หรือ Variable Ratio เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการใช้งาน

คันจริงเปิดตัวให้เห็นแล้ว ส่วนการทำตลาดจะเริ่มในช่วงกลางปีนี้ที่สหรัฐอเมริกา และตามด้วยยุโรป โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 49,900 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.6 ล้านบาทเท่านั้น

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0