วันนี้( 20 พ.ย.61) นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วยผู้บริหาร สบส.แถลงสรุปสอบผลสอบ กรณีชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมยื่นร้องเรียนโรงพยาบาลพระราม2 ปฏิเสธการรักษาและบริการทางการแพทย์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเป็นเหตุให้หญิงวัย 38 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกสาดน้ำกรดเสียชีวิต โดยผลสอบพบว่า มีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลพ. ศ. 2541 ทั้งหมด 3 กระทง ใน 5 กรณี คือ การที่พยาบาลประเมินวินิจฉัยอาการผู้ป่วยโดยไม่มีแพทย์ เข้าข่ายกระทำผิด ไม่ควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพ ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีผู้ดำเนินการได้สั่งให้รับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน แต่ไม่ได้ควบคุมให้ขั้นตอนเกิดขึ้น เข้าข่ายกระทำผิดระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งทั้งสอง กรณีนี้ ต้องแจ้งความกล่าวโทษผู้ดำเนินการสถานพยาบาล เนื่องจากมีอัตราโทษจำคุก
นอกจากนี้ ยังมีความผิดกรณี ไม่ได้ให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยฉุกเฉิน และตรวจคัดแยกความฉุกเฉินตามมาตรฐาน ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยให้เปรียบเทียบปรับผู้รับใบอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
กรณีไม่ได้ดูแลให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในสภาพอันตรายและจำเป็นต้องได้รับการรักษา ระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
และกรณีที่ 5 การส่งต่อผู้ป่วยไม่ได้มาตรฐาน เข้าข่ายกระทำผิด จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยในวันพรุ่งนี้(21 พ.ย.)กองกฎหมายของ สบส. จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ขณะเดียวกัน สบส. จะส่งเรื่องไปยังสภาการพยาบาล ให้พิจารณาจริยธรรมของพยาบาลวิชาชีพ ที่ได้ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยโดยไม่รายงานต่อแพทย์เวร ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ขณะเกิดเหตุมีแพทย์เวรประจำการอยู่หรือไม่ ตามหลักฐานที่โรงพยาบาลแสดง พบว่ามีชื่อแพทย์เวรตามตารางปฏิบัติหน้าที่
ส่วนกรณีอาคารลานจอดรถที่ต่อเติมเป็นอาคารรักษาผู้ป่วยนอก ที่สั่งปิดก่อนหน้านี้ ต้องปิดต่อไปจนกว่าโรงพยาบาลจะขออนุญาตเปิดดำเนินการอย่างถูกต้อง