แม่พาลูกชายวัย 14 ปีแจ้งความถูกพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยงทำร้ายร่างกายสุดทารุณ ทนไม่ไหวอาศัยช่วงไม่มีคนอยู่ ปั่นจักรยานหนีออกจากบ้านใน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ไปถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และบอกให้แม่มารับไปอยู่ด้วยที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ก่อนให้เพื่อนบ้านที่ขับรถแท็กซี่พามาส่งบ้าน แทบช็อกลูกชายโดนทำร้ายเป็นแผลทั่วตัว แถมถูกธูปจี้หลายแห่ง แต่ครอบครัวฐานะยากจน เลยตัดสินใจโพสต์ขอความช่วยเหลือเพื่อเอาผิดอดีตสามีและเมียใหม่
แม่สุดทนพาลูกชายแจ้งความจับอดีตสามีและแม่เลี้ยงทำร้ายจนต้องปั่นจักรยานหนีออกจากบ้านรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ต.ค.นางนวล (นามสมมติ) อายุ 49 ปี บ้านอยู่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง พา ด.ช.โจ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี บุตรชายเรียนอยู่ ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยองเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.บุญสิงห์ สุทธิ์ สว. (สอบสวน) สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้ดำเนินคดีกับอดีตสามีของนางนวล เป็นพ่อแท้ๆ ของ ด.ช.โจ และภรรยาใหม่ของอดีตสามี และเป็นแม่เลี้ยง ด.ช.โจ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายลูกชาย เหตุเกิดในบ้านของอดีตสามีในพื้นที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนางนวล แม่ ด.ช.โจโพสต์เฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือในเพจ “เรารักบ้านฉาง ร่วมด้วยช่วยกัน” กรณีบุตรชายถูกพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยงทำร้ายร่างกายอย่างทารุณ ก่อนที่ลูกชายจะทนไม่ไหวอาศัยช่วงพ่อและแม่เลี้ยงไม่อยู่บ้านปั่นจักรยานหนีออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปหาแม่และยายที่ จ.ระยอง กระทั่งปั่นมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิโดยใช้เวลาประมาณ 3 ชม. บุตรชายได้เฟซบุ๊กให้แม่ไปรับ นางนวลเลยฝากเพื่อนบ้านที่มีอาชีพขับรถแท็กซี่อยู่ใน กทม.ไปรับลูกชายมาส่งที่บ้านใน จ.ระยอง ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา
เมื่อมาถึงพบลูกชายถูกทำร้ายมีแผลทั่วทั้ง ตัวตั้งแต่ศีรษะยันเท้าสองข้าง จึงติดต่อขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แต่ติดต่อไม่ได้ เลยนำภาพบาดแผลของลูกชายไปโพสต์ขอความช่วยเหลือ เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจน ก่อนมีการประสานเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยองพาบุตรชายไปหาหมอ รพ.บ้านฉาง พบรอยบาดแผลทั้งตัวลักษณะถูกทำร้ายด้วยของแหลมคมหลายชนิด รวมทั้งถูกธูปจี้ร่างกายหลายแห่ง หลังแพทย์รักษาบาดแผล รุ่งเช้าตัดสินใจพาลูกชายเข้าแจ้งความ สภ.คลองหลวง ท้องที่เกิดเหตุเพื่อเอาผิดพ่อแท้ๆ และแม่เลี้ยงโหด จากนั้นพาลูกกลับบ้าน และให้เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดระยองรับไปดูแลเพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ
พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง เปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งตัวแม่เด็กและลูกชายที่ถูกทำร้าย จากนั้นจะออกหมายเรียกพ่อและแม่เลี้ยงมาสอบสวน ถ้าไม่มาจะออกหมายจับ เนื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม ป.วิอาญา ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และความผิด พ.ร.บ.กระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 แต่ต้องรอผลการตรวจร่างกายของแพทย์ประกอบด้วย และหากสอบสวนพบว่ามีการหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือขังไว้ล่ามไว้ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
