โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

โจรบุกเดี่ยวชิงทองดอดเข้ามอบตัวแล้ว หลังถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก

ไทยโพสต์

อัพเดต 17 ม.ค. 2563 เวลา 10.45 น. • เผยแพร่ 17 ม.ค. 2563 เวลา 10.45 น. • ไทยโพสต์

17 ม.ค.63 - ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้ากรณีที่มีคนร้ายเป็นชายรูปร่างสันทัด ความสูงประมาณ 160 เซนติเมตร แต่งกายมิดชิดด้วยเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว  สวมหมวกกันน๊อกสีแดงปิดบังใบหน้า ถือมีดอีโต้บุกเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ ภายในร้านขายโทรศัพท์มือถือ “พูนสินโฟน”  ตั้งอยู่เลขที่ 17 – 19 ถนนพิทักษ์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์  ได้ทองคำรูปพรรณที่ลูกค้านำมาจำนำไว้ 10 ถุง เหตุเกิดช่วงเวลา 12.57 น. วานนี้ (16 ม.ค.) ซึ่งกล้องวงจรปิดของร้านตัดผมซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุสามารถบันทึกภาพ คนร้ายขณะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีได้ชัดเจน 

ซึ่งหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ชาญชัย  พงษ์พิชิตกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์  ก็ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัด  และชุดสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ เร่งออกติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว จากนั้นทางตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ก็ได้กระจายกำลังออกแกะรอยหาเบาะแสคนร้ายอย่างต่อเนื่อง     

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ที่ผ่านมา  ผู้นำชุมชน  และญาติ ได้พานายพิสิฎฐ์ พ่อค้า อายุ 29 ปี  ชาวบ้านโคกสะอาด ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ คนร้ายที่ก่อเหตุควงอีโต้ชิงทองในร้านมือถือ  ตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด  เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์   พร้อมทั้งได้นำของกลางสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 7.6 กรัม, สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 3.8 กรัม ,  แหวนทองคำ น้ำหนัก  0.9  กรัม ที่คนร้ายขโมยไป รวมทั้งรถจักรยานยนต์  ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น สปาร์ค สี แดง-ดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุ , หมวกกันน็อก  สีแดง แบบครึ่งใบ, เสื้อแขนยาว สีเขียวอมฟ้า, กางแกงขายาว สีดำ รองเท้าแตะสีดำ แบบคีบ  ที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ, กระเป๋าสะพายข้าง สีน้ำตาล 1 ใบ และธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 4 ฉบับ รวมเป็นเงิน 4,000 บาท ที่คนร้ายได้มาจากการนำทองไปขาย มาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ส่วนมีดอีโต้ที่ใช้ในวันเกิดเหตุคนร้ายอ้างว่าได้โยนทิ้งสระน้ำข้างทางระหว่างขับรถจักรยานยนต์หลบหนี

จากการสอบสวน นายพิสิฎฐ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุถืออาวุธมีดเข้าไปชิงทองในร้านมือถือดังกล่าวจริง โดยอ้างว่า ที่ทำไปเพราะติดหนี้การพนัน จึงต้องการหาเงินไปใช้หนี้พนัน โดยหลังก่อเหตุได้นำทองบางส่วนไปขายแล้ว ได้เงินมาประมาณ 30,000 บาท แต่นำไปใช้หนี้และใช้จ่ายส่วนตัวเหลือเงินแค่ 4,000 บาท และทองบางส่วนเท่านั้น ส่วนทองที่คนร้ายขโมยไปจากการตรวจสอบพบมีทั้งหมด 6 ชิ้น รวมน้ำหนักประมาณ 3 บาทเศษ ไม่ใช่ 10 บาท

หลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา ส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหา “ลักทรัพย์ โดยมีอาวุธ และโดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0