โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

โฆษก ศบค. “นพ.ทวีศิลป์” แถลงสถานการณ์ ‘โควิด-19’ ไทย เสียชีวิต เพิ่ม 4 ราย พบผู้ป่วยรายใหม่ 103 ราย แนะ! ปีนี้ งดกิจกรรม ‘รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่’ พร้อมเผย พื้นที่ 15 จังหวัด ไม่พบผู้ป่วย

สวพ.FM91

อัพเดต 03 เม.ย. 2563 เวลา 06.53 น. • เผยแพร่ 03 เม.ย. 2563 เวลา 06.53 น.
โฆษก ศบค. “นพ.ทวีศิลป์” แถลงสถานการณ์ ‘โควิด-19’ ไทย เสียชีวิต เพิ่ม 4 ราย พบผู้ป่วยรายใหม่ 103 ราย แนะ! ปีนี้ งดกิจกรรม ‘รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่’ พร้อมเผย พื้นที่ 15 จังหวัด ไม่พบผู้ป่วย

วันที่ 3 เมษายน 2563 ที่ศูนย์แถลงข่าว รัฐบาล ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าว ความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า  วันนี้ มีผู้ป่วย ที่เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพิ่มขึ้น 4 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม ในประเทศไทย มี 19 ราย
 
ผู้เสียชีวิต รายที่ 1 นับเป็นผู้เสียชีวิต รายที่ 16 เป็น ผู้ป่วยเพศชาย อายุ 59 ปี อาชีพพนักงานการรถไฟ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 เริ่มมีอาการป่วย ด้วยอาการไข้ ต่อเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล บางปะกอก และได้กลับออกไปทำงานตามปกติ จึงคาดว่า ขณะนั้นอาการน้อยมาก แต่เมื่อทำงานได้ระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีอาการหนักขึ้น กระทั่งเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 เริ่มมีอการเหนื่อย หอบ มากขึ้น จึงเข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จึงพบว่า มีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563
 
ส่วนผู้เสียชีวิต รายที่ 2 นับเป็นผู้เสียชีวิต รายที่ 17 เป็นผู้ชาย อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นลูกของผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้แล้วที่อยู่ในกลุ่มก้อนสนามมวย โดยผู้เสียชีวิตรายนี้ มีโรคประจำตัว คือ โรคไต เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 พบอาการป่วย จึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2563
 
รายที่ 3 เป็นผู้เสียชีวิตรายที่ 18 เป็นผู้ชายไทย อายุ 84 ปี ทำงานอยู่ที่สนามมวย ราชดำเนิน มีโรคประจำตัว คือ โรคไต ความดันโลหิตสูง โรคเก๊าท์ และอื่นๆ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แหงหนึ่งของกรุงเทพมหานคร และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563
 
และรายที่ 4 นับเป็นผู้เสียชีวิต รายที่ 19 เป็นผู้ชาย อายุ 84 ปี มีประวัติไปสนามมวย ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2563 เริ่มมีอาการป่วย ต่อมาวันที่ 21 มีนาคม 2563 เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐ ของกรุงเทพมหานคร ด้วยอาการไข้สูงถึง 39.3 เซลเซียส มีน้ำมูก และไอ และเสียชีวิต เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2563
 
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า 3 ใน 4 ราย ผู้เสียชีวิตเป็น ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว ดังนั้น สิ่งที่ควรกระทำ คือ ไม่ควรเข้าใกล้ผู้สูงอายุ เนื่องจาก มีความเสี่ยงสูงมากปีนี้ ควรงดการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ หรืออาจเปลี่ยนเป็นการใช้เจลแอลกอฮอล์รด ขอพร น่าจะดีกว่าการใช้น้ำซึ่งจะเป็นการสิ้นเปลืองน้ำในช่วงหน้าแล้งด้วย
 
สำหรับ สถานการณ์ทั่วโลก 202 ประเทศ ประเทศไทย อยู่ในลำดับที่ 37 พบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อทั่วโลก สะสมรวม 1,014,269 ราย อาการหนัก 37,698 ราย รักษาหายแล้ว 212,018 ราย เสียชีวิต 52,298 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุด จำนวน 244,230 ราย เสียชีวิต 5,886 ราย, ส่วนประเทศอิตาลี มีผู้ป่วย 115,242 ราย, สเปน 112,065 ราย, เยอรมนี 84,794 ราย, จีน 81,589 ราย, ฝรั่งเศส 59,105 ราย, อิหร่าน 50,468 ราย, อังกฤษ 33,718 ราย, สวิตเซอร์แลนด์ 18,827 ราย, ตุรกี 18,135 ราย และเบลเยี่ยม 15,348 ราย สำหรับประเทศที่มีการเสียชีวิต เป็นหลักหมื่น คือ 2 ประเทศ ได้แก่ ประเทศอิตาลี และสเปน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องนำมาทอดความรู้และเรียนรู้กัน และหาทางป้องกันโรค
 
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ในจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว คาดว่า มีจำนวนที่สูงกว่าที่รายงาน เนื่องจาก เป็นการรายงานผ่านการกรอกข้อมูลโดยบุคลากรทางการแพทย์ ส่งเข้ามาในระบบออนไลน์ ซึ่งจะมีการปรับระบบใหม่เพื่อให้เกิดความรวดเร็วขึ้น ทั้งนี้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้รับรายงานว่า ขณะนี้ โรงพยาบาล ภาคเอกชนโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นกำลังหลักในการรักษาผู้ป่วยจนกระทั่งหายดีขึ้นมาซึ่งจะต้องเรียกชุดข้อมูลนี้เข้ามาในระบบด้วย
 
สำหรับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 103 ราย ปัจุจับัน ผู้ป่วยสะสม มีจำนวน 1,978 ราย ใน 64 จังหวัด มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 จำนวน 19 ราย ทั้งนี้ ผู้ป่วยยืนยัน 103 รายใหม่ พบใน 14 จังหวัด ได้แก่ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 47 ราย, จังหวัดภูเก็ต 12 ราย, นนทบุรี สมุทรปราการ ยะลา สงขลา พบผู้ป่วยจังหวัดละ 5 ราย, ชลบุรี 4 ราย, นราธิวาส ฉะเชิงเทรา พบจังหวัดละ 2 ราย, ปทุมธานี กระบี่ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ หนองคาย พบจังหวัดละ 1 รายแ ละอยู่ในระหว่างการสอบสวนโรค 11 ราย
 
ผู้ป่วยรายใหม่ 103 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันเดิมและเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 48 ราย คือ (1.) เกี่ยวข้องกับ สนามมวย 1 ราย, (2.) เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง 2 ราย, (3.) เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยยืนยัน ก่อนหน้านี้ 39 ราย และ (4.) เกี่ยวข้องกับพิธีทางศาสนาในประเทศอินโดนิเซีย 6 ราย
 
ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นผู้ป่วยรายใหม่ มีจำนวน 44 ราย ได้แก่ (1.) คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 7 ราย, (2.) ชาวต่างชาติเดินทางจากต่างประเทศ 8 ราย, (3.) ผู้สัมผัสกับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 2 ราย, (4.) ผู้ที่ไปในสถานที่ชุมชน/ ชุมนุม เช่น งานแฟร์ คอนเสิร์ต จำนวน 4 ราย, (5.) ผู้ที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในพื้นที่แออัดที่จะต้องใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก หรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ จำนวน 13 ราย, (6.) บุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 5 ราย รวมมีบุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อสะสม 32 ราย และ (6.) ผู้ป่วยอื่นๆ อีก 11 ราย
 
ขณะที่ กลุ่มที่ 3 เป็นผู้ป่วยกลุ่มที่ยืนยันทางห้องปฎิบัติการแล้ว แต่ต้องรอการสอบสวนโรคและประวัติเสี่ยงเพิ่มเติม จำนวน 11 ราย
 
ทั้งนี้ ประเทศไทย มีทั้งหมด 15 จังหวัด ที่ยังไม่พบผู้ป่วยเลย ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร, ชัยนาท, ตราด, น่าน, บึงกาฬ, พระนครศรีอยุธยา, พังงา, พิจิตร, ระยอง, ลำปาง, สกลนคร, สตูล, สิงห์บุรี, สมุทรสงคราม และจังหวัดอ่างทอง จึงต้องขอส่งใจช่วยให้ 15 จังหวัดนี้ ไม่พบผู้ป่วยเช่นนี้ตลอดไป
 
“กรมควบคุมโรค ได้จัดอันดับจังหวัดที่มีอัตราป่วยสะสมสูงสุด 10 ลำดับแรก ของประเทศไทย โดยการคำนวณอัตราประชากรในพื้นที่ต่อแสนคน ได้แก่ (1.) จังหวัดภูเก็ต 88 ราย, (2.) กรุงเทพมหานคร 896 ราย, (3.) นนทบุรี 109 ราย, (4.) ยะลา 42 ราย, (5.) สมุทรปราการ 82 ราย, (6.) ปัตตานี 36 ราย, (7.) ชลบุรี 50 ราย, (8.) สมุทรสาคร 16 ราย, (9.) กระบี่ 12 ราย และ (10.) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 13 ราย ต้องเน้นย้ำ ในกรุงเทพมหานคร และภูเก็ต โดยเฉพาะ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากภายใน 1 เดือนที่ผ่านมา จากพื้นที่สีขาว ก็มีการระบาดเต็มพื้นที่ มีผู้ป่วยเต็มทั้งจังหวัด โดยกระจายเป็นพื้นที่สีเขียว สีเหลือง และสีแดง ทำให้เกิดอัตราการเจ็บป่วยมากที่สุดในประเทศไทยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0

ดูเพิ่มเติม สวพ.FM91