วันนี้( 30 พ.ค. 63 )ผลการศึกษาหลายชิ้นล่าสุดพบว่าโควิด-19 อาจเปลี่ยนไประบาดในกลุ่มคนอายุน้อยแทนกลุ่มคนสูงอายุและผู้ป่วยมะเร็งที่ติดเชื้อโควิด19 และได้รับการรักษาด้วยยารักษามาลาเรีย“ไฮดรอกซี่คลอโรควิน” ผสมกับยาปฏิชีวนะเสี่ยงมากขึ้นที่จะเสียชีวิตภายใน1 เดือน
ผลการศึกษาล่าสุดในรัฐวอชิงตันของสหรัฐซึ่งการระบาดของโควิด-19 ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้วที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาพบว่าอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า60 ปีขึ้นไปลดลง10 เปอร์เซ็นต์แต่อัตราการติดเชื้อในกลุ่มคนที่อายุต่ำกว่า40 ลงมากลับเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากเดิม20 เปอร์เซ็นต์เป็น40 เปอร์เซ็นต์
ด็อกเตอร์เฮนรี่แค็ปแลนแห่งสถาบันมะเร็งสวีเดนที่ตั้งอยู่ในนครซีแอทเทิลของสหรัฐหนึ่งในทีมวิจัยที่ศึกษาอัตราการติดเชื้อของโควิด-19 ในรัฐวอชิงตันชี้ด้วยว่ากลุ่มคนที่อายุน้อยกว่าเมื่อติดเชื้อโควิด-19 มักไม่แสดงอาการหรือไม่ได้มีอาการป่วยหนักมากเท่ากับกลุ่มคนสูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัวทำให้พวกเขามักไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้วจึงไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการโซเชียลดิสแทนซิ่งหรือใส่หน้ากากอนามัยหรือมาตรการอื่นๆอย่างเคร่งครัดพวกเขาจึงเสี่ยงที่จะกลายเป็นพาหะส่งต่อเชื้อไปสู่คนอื่นๆต่อไป
ส่วนผลการวิจัยล่าสุดอีกหลายชิ้นพบว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นโรคมะเร็งอยู่แล้วจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเสียชีวิตภายในเวลาเพียง1 เดือนโดยเฉพาะหากมีการใช้ยารักษามาลาเรีย“ไฮดรอกซี่คลอโรควิน” ผสมกับยาปฏิชีวนะอะซิโธรมัยซินมาใช้ในการรักษา
โดยผลการศึกษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังเป็นหรือเคยเป็นโรคมะเร็งจำนวน928 คนพบว่ามี13 เปอร์เซ็นต์เสียชีวิตภายใน30 วันหลังจากที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 นับเป็นอัตราการเสียชีวิตที่มากกว่า2 เท่าของอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกซึ่งอยู่ที่6.5 เปอร์เซนต์
ด้านด็อกเตอร์เจเรมี่เวอร์เนอร์แห่งมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ในเมืองแนชวิลล์เปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เป็นโรคมะเร็งในระยะรุนแรงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น5 เท่าที่จะเสียชีวิตภายใน30 วันเมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่โรคมะเร็งสงบแล้วหรือไม่ได้เป็นโรคมะเร็งร่วมด้วยทั้งนี้ผลการศึกษาของทีมวิจัยของเวอร์เนอร์เกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งกับการติดเชื้อโควิด-19 ได้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์“แลนเซ็ท” เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา
ส่วนปัจจัยอื่นๆที่จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเสียชีวิตยังรวมถึงหากผู้ป่วยรายนั้นได้รับการรักษาด้วยยารักษามาลาเรีย“ไฮดรอกซี่คลอโรควิน” ผสมกับยาปฏิชีวนะที่ชื่อว่าอะซิโธรมัยซินด้วย
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @@tnn_online@(color:rgb(220,161,13);)