โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

โคตา คินาบาลู ป่าเขาและทะเลที่อยู่ใกล้เราแค่เอื้อม

The Momentum

อัพเดต 23 ก.ย 2561 เวลา 09.24 น. • เผยแพร่ 23 ก.ย 2561 เวลา 09.24 น. • ปรางวลัย พูลทวี

In focus

  • โคตา คินาบาลู เป็นเมืองหลวงของรัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย
  • ถือว่าเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและศาสนา เพราะประชากรกว่าครึ่งนับถือศาสนาอิสลามส่วนอีกครึ่งก็นับถือศาสนาคริสต์ พุทธ ฮินดู รวมถึงลัทธิและกลุ่มคนที่ยังนับถือความเชื่อพื้นบ้านต่างๆ
  • นักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีนิยมมาเที่ยวโคตา คินาบาลู เนื่องด้วยมีธรรมชาติที่สวยงามและยังอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นภูเขาคินาบาลู ที่มีไม้ป่าหายากอย่างต้นราฟฟลีเซียยักษ์พายเรือล่องแก่ง ในแม่น้ำคาดามายัน และดำน้ำ 5 เกาะที่ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติTunku Abdul Rahman

          พื้นที่แห่งนี้ครั้งหนึ่งมีชื่อเรียกว่า‘อาปิ–อาปิ(Api-Api)’ ในภาษามาเลย์แปลว่า‘ไฟ’

          ส่วนอีกคำเล่าขานหนึ่งก็กลาวว่าพื้นที่แห่งนี้มีชื่อว่า‘เดโซกา(Deasoka)’ ที่แปลว่า‘ใต้ต้นมะพร้าว’ ในภาษาบาเจา(ชนเผ่าหนึ่งแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรากฐานอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย อินโดนีเซียและบรูไน)

          เมื่อกลุ่มล่าอาณานิคมอย่างอังกฤษเข้ามายึดครองและพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ พวกเขาก็แต่งตั้งพื้นที่นี้และใช้ชื่อว่า‘เจสเซลตัน(Jesselton)’ ตามท่านเซอร์ ชาร์ลส์ เจสเซลตัน ที่เป็นรองประธานของบริษัทบอร์เนียวเหนือของอังกฤษ(British North Borneo Company)

          หลังจากผ่านเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย ทั้งการต่อต้านแย่งชิงอำนาจของนักล่าอาณานิคมกับกลุ่มชนพื้นเมือง และหลังสงครามโลกทั้งที่สอง ในปี2000 พื้นที่แห่งนี้ก็ได้รับการเยียวยาและแต่งตั้งให้เป็นเมืองหลวงของรัฐซาบาห์แทนที่เมืองซันดากาน(Sandakan) ที่ถูกทำลายไป พร้อมกับได้เปลี่ยนชื่อเป็น‘โคตา คินาบาลู(Kota Kinabalu)’

          ชื่อโคตา คินาบาลูตั้งตามภูเขา‘คินาบาลู(Kinabalu)’ ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมือง ซึ่งคำว่าคินาบาลูก็ยังกร่อนมาจากคำว่า‘อากิ นาบาลู(Aki Nabalu)’ ที่แปลง่าย ๆ ว่าสวรรค์ หรือสถานที่อันสงบสุขและศักดิ์สิทธิของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วในภาษาดูซุน พวกเขามีความเชื่อว่าคนที่ตายไปนั้นจะได้ขึ้นไปอยู่บนจุดยอดของภูเขาแห่งนี้ ส่วนคำว่า‘โคตา(Kota)’ ในภาษามาเลแปลว่าป้อมปราการ หรือเมือง เมื่อมารวมกันแล้วโคตา คินาบาลูจึงแปลว่า เมืองแห่งคินาบาลูนั่นเอง

ท่องเที่ยวในเมือง

          โคตา คินาบาลู คือเมืองหลวงของรัฐซาบาห์ ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งตะวันตกของเกาะบอร์เนียวเหนือ ประเทศมาเลเซีย โคตา คินาบาลูเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน และมีการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ พื้นที่บริเวณนี้เดิมทีมีชนเผ่าพื้นเมืองอาศัยอยู่ ในซาบาห์ก็สามารถรวบรวมได้ราว30 เผ่า(จากคำบอกเล่าของไกด์ ที่จริงแล้วเหมือนจะมีมากกว่านั้น อาจจะสักราว ๆ50 เผ่า) แต่ที่เป็นเผ่าใหญ่ที่สุดก็คือคาดาซาน–ดูซุน(Kadasan-Dusun) และชาวบาเจา นอกจากนั้นสัดส่วนของเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ยังมีชาวจีนที่เป็นสัดส่วนใหญ่ ชาวมาเลย์ และอื่น ๆ

          ชาวมาเลย์และชาวบาเจาซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของเมืองนับถือศาสนาอิสลาม ทำให้ประชากรกว่าครึ่งของโคตา คินาบาลูนับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าเมืองนี้จะเป็นเมืองอิสลามเสียขนาดนั้น เพราะอีกครึ่งนับถือศาสนาคริสต์ และก็ยังมีคนที่นับถือศาสนาพุทธ ฮินดู รวมถึงลัทธิและกลุ่มคนที่ยังนับถือความเชื่อตามพื้นบ้านของตนเองอยู่เช่นเดียวกัน

          ด้วยภูมิประเทศที่มีทั้งภูเขา ทะเล และป่าไม้ แหล่งเศรษฐกิจของหลักโคตา คินาบาลูก็พึ่งอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก แหล่งรายได้อันดับต้น ๆ ของโคตา คินาบาลูมาจากการตัดไม้ น้ำมัน อย่างน้ำมันปาล์มก็เป็นที่นิยม และรองลงมาก็คือการท่องเที่ยว และโคตา คินาบาลูมีนักท่องเที่ยวชาวจีนและเกาหลีเป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่าเป็นพื้นที่ติดทะเล และมีหมู่เกาะเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกล อาชีพประมงก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมใหญ่ของที่นี่ อาหารทะเลเป็นที่ขึ้นชื่อมากทีเดียว

          วัฒนธรรมจีนและเกาหลีกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่อย่างเห็นได้ชัด มีร้านอาหารเกาหลีแถบทุกถนน และในโรงแรม ป้ายตามสถานที่ท่องเที่ยวก็มักจะมีภาษาเกาหลีเขียนอยู่ถัดจากภาษาจีน ต่างจากประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศอื่น ๆ ที่มักจะเห็นคนญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น หรือร้านอาหารญี่ปุ่นมากกว่า ตอนที่เดินเล่นในตัวเมือง หรือไม่ว่าจะที่ไหน ๆ มักจะพบคนเกาหลีเยอะเสียบางทีก็คิดว่าตัวเองอยู่ประเทศเกาหลีเสียอย่างนั้น

          บรรยากาศในตัวเมืองโคตา คินาบาลูสำหรับผู้เขียนแล้วดูมีความจีนมากกว่าความแขก และก็เป็นเมืองที่อยู่ตรงกลางระหว่างชีวิตสมถะ ชาวบ้าน ๆ กับชีวิตโมเดิร์น เพราะในตัวเมืองก็มีทุกอย่างครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หรือพลาซ่าที่รวมร้านค้าเล็ก ๆ ที่คนทุกเพศทุกวัยมารวมตัวกัน

          เมื่อเทียบกับบ้านเรา ห้างสรรพสินค้าดูเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตที่ทุกคนออกมาพบปะกัน แต่ที่นี่ไม่ว่าจะกลางวันแดดแรงแค่ไหน ห้างขนาดใหญ่ที่มีร้านเสื้อผ้าไฮแบรนด์อย่างห้างซูเรีย ซาบาห์(Suria Sabah) ก็ไม่ได้มีคนพลุกพล่านเท่าที่คิด

          ในขณะที่ร้านอาหารฟู้ดเชนอย่างเคเอฟซีเป็นเรื่องใหญ่ของที่นี่ แต่ตลาดนัดตอนกลางคืนที่ขายทั้งผัก ผลไม้ เนื้อและปลาสด อาหารหลากหลายประเภทก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนไม่แพ้กัน

         

         ผู้เขียนคิดว่าชาวโคตา คินาบาลูไม่เดินพลุกพล่านเท่ากับกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะวันเสาร์–อาทิตย์หรือวันธรรมดา ทุกคนจะไปรวมตัวกันในที่ที่หนึ่งเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน และที่นี่ก็มีพื้นที่สาธารณะกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ของเมืองค่อนข้างเยอะ สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือลู่วิ่งจ็อกกิ้งสาธารณะ ที่สร้างยาวรอบอ่าวTanjung Lipat มีความยาวมากกว่า5 กิโลเมตร เวลาที่เหมาะสมที่สุดในการวิ่งก็คือช่วงเย็น เพราะแดดไม่ร้อนและจะได้ชื่นชมทัศนียภาพอันสวยงามของตัวเมือง

          คนโคตา คินาบาลูชื่นชอบการชมพระอาทิตย์ตกดินเป็นพิเศษ ด้วยรูปแบบผังเมืองและไลฟ์สไตล์ของพวกเขาเองก็เอื้อกับการชมพระอาทิตย์ตกดิน ถ้าหากว่าไปเที่ยวที่นี่ก็จะเห็นสถานที่เอาท์ดอร์ให้ไปนั่งชิลรับลมยามเย็นได้ไม่ยาก อย่างร้านอาหารรอบอ่าว มีทั้งแบบบ้าน ๆ หรือเวิ้งวอเตอร์ ฟรอนท์(Water Front) ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับลานเบียร์บ้านเรา หรือซิกนัลทาวเวอร์(Signal Tower) หอส่งสัญญาณที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่ไม่โดนทำลายไป ก็จะเห็นผู้คนมาเยี่ยมเยือนกันขวักไขว่

          ถ้าอยากชมพระอาทิตย์ตกดินสวย ๆ แนะนำให้ไปดูที่ชายหาดทันจอง อารู(Tanjung Aru) ที่โด่งดังในแง่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินได้สวยงามที่สุด และถ้าพักที่โรงแรมShangri-La’s Tanjung Aru beach Resort ก็จะสามารถนั่งชมจากSunset Bar ในโรงแรมได้ เป็นวิวที่สวยและมีมนตร์สะกดจนอยากให้ทุกคนได้เห็นกับตาสักครั้ง

          สิ่งที่ควรพกไป: เสื้อผ้าหน้าร้อน หมวก ร่ม อุปกรณ์กันแดดและซื้อซิมส์ อย่าหวังพึ่งWifi ตามที่สาธารณะ

ท่องเที่ยวป่าเขา

          ผู้คนชาวโคตา คินาบาลูมีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติได้อย่างน่าสนใจ ถ้าออกไปจากตัวเมืองโคตา คินาบาลูเพื่อเที่ยวชมในละแวกรอบ ๆ จุดศูนย์กลางของทัศนียภาพก็มักจะเป็นภูเขาคินาบาลู ที่เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในมาเลเซีย อยู่ภายใต้การดูแลของอุทยานแห่งชาติคินาบาลู(Kinabalu Park)

          ภูเขาคินาบาลูและพื้นที่รอบ ๆ ภูเขาได้รับการบันทึกให้เป็นมรดกโลกเพราะเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รวมถึงไม้ป่าหายากอย่างต้นราฟฟลีเซียยักษ์(Rafflesia) ซึ่งเป็นดอกไม้กาฝากที่มีวงจรการฝังตัว เติบโตกลายเป็นดอกนานมากกว่าหนึ่งปี และบานเพียงแค่7 วัน หน้าตามันค่อนข้างประหลาด ถ้าให้พูดตรง ๆ ก็ดูเป็นดอกไม้กินคนในหนังไซไฟ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางแล้วแต่สายพันธุ์ แต่อันที่ผู้เขียนได้ไปดูเป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่อันดับสอง ความใหญ่ของมันมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๆ80 เซ็นติเมตร

          ดอกราฟฟลีเซียยักษ์จะขึ้นกับต้นไม้เถาวัลย์ชนิดหนึ่งชนิดเดียวเท่านั้น ตอนที่ไป ถือว่าโชคดีที่มีดอกราฟฟลีเซียบานอยู่พอดี มันไม่ได้ปลูกเป็นสวนอยู่ในอุทยาน การที่จะมีดอกราฟฟลีเซียยักษ์ขึ้นก็เรียกว่าเป็นโชคลาภของเจ้าของพื้นที่ ใคร ๆ ต่างก็อยากมาชมพืชไม้แปลกตาอันนี้เพราะว่าไม่ได้มีขึ้นทั่วไปหรือจะเห็นมันบานได้ตลอดปี แต่ก็เก็บค่าเข้าชมแพง! เพราะราคาต่อหัวคือ30 ริงกิตมาเลเซีย

          เมื่อเทียบกับค่าเข้าอุทยานคินาบาลูที่มีเส้นทางเดินชมป่าธรรมชาติ แช่น้ำพุร้อน ดูน้ำตก ก็แค่15 ริงกิต และกิจกรรมเดินทางลอยเดินฟ้า(Canopy Treetop walk) ก็เสียค่าเข้าแค่5 ริงกิต

          คนที่นั่นเขาก็ดูตื่นเต้น แต่ทำไมเรากลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นขนาดนั้น แต่มันเป็นอะไรแปลก ๆ ที่เห็นสักครั้งก็ไม่เสียหาย(แค่รู้สึกเสียดายเงินนิด ๆ)

          นอกเหนือจากการเดินชมป่าดงดิบ เขาคินาบาลูสามารถมองเห็นได้จากหลายมุมเวลานั่งรถไปตามสถานที่รอบ ๆ อุทยาน ซึ่งสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะนึกถึงที่นี่เป็นอย่างแรกก็คงไม่พ้นกิจกรรมเดินป่าขึ้นเขาเพื่อท้าทายความสามารถของตัวเอง ในครั้งนี้ผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ไปปีนเขา แต่ก็คิดว่าครั้งหน้าไม่อยากพลาดเลยจริง ๆ

          สิ่งที่ควรพกไป: ตรวจสอบสภาพอากาศและฤดูกาล อากาศในอุทยานจะหนาวเย็นกว่าที่อื่นให้พกเสื้อแจ็กเก็ตหรือเสื้อแขนยาว รองเท้ารัดส้นทะมัดทะแมง หรือผ้าใบที่ไม่ห่วงเลอะ รวมถึงสเปรย์กันยุง

ท่องเที่ยวล่องน้ำลงทะเล

          สำหรับคนที่ไม่ใช่สายเดินป่าปีนเขา สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติของโคตา คินาบาลูก็ยังมีให้เลือกไปกัน สำหรับคนที่ชื่นชอบกิจกรรมเอ็กซ์ตรีม ก็มีกิจกรรมพายเรือล่องแก่ง(White Water Rafting) ในแม่น้ำคาดามายันที่ตัดผ่านหมู่บ้านMelangkap

          แม่น้ำคาดามายันเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลจากเขาคินาบาลูสู่ทะเลเหนือของซาบาห์ เป็นแม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของหลายชุมชนหมู่บ้านมาอย่างยาวนาน แต่เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่(แรงสั่นสะเทือน6.0 ริกเตอร์) ในซาบาห์เมื่อปี2015 ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดของมาเลเซียนับตั้งแต่ปี1976 ทำให้โคลนถล่มลงมาปะปนในแม่น้ำคาดามายันจนขุ่นและใช้อุปโภคบริโภคไม่ได้ ต้องใช้เวลาอยู่หลายสัปดาห์กว่าในการฟื้นฟูสภาพพื้นที่โดยรอบภูเขาคินาบาลู

          ในตอนนี้แม่น้ำคาดามายันกลับมาสวยใสเหมือนเดิมแล้ว ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใสมาก ๆ เลยนะ

          กิจกรรมล่องแก่งเหมาะสำหรับคนที่ชอบความท้าทาย ตอนที่ผู้เขียนไปนั้นเป็นอาทิตย์ที่ฝนไม่ตกพอดีทำให้ระดับน้ำค่อนข้างตื้น ถึงจะมีจังหวะที่แพไปติดบนโขดหินเล็ก ๆ แต่ก็มีจังหวะที่แพพุ่งแรงและค่อนข้างอันตราย ถ้าเป็นช่วงที่น้ำสูง ไกด์บอกว่าสูงอาจจะถึงสองเมตรได้ ถ้าแบบนั้นน้ำคงเชี่ยวกราดพุ่งแรงไม่มีสะดุด ต้องคอยฟังคำแนะนำของไกด์ที่จะนั่งอยู่กับเราบนแพด้วยว่าให้จ้วงไม้พายไปในทิศทางไหน ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ตื่นเต้น เร้าใจ และท้าทายความสามารถของกำลังแขนเลยล่ะ

          สิ่งที่ควรพกไป: กันแดด อาจต้องเลือกระหว่างเสื้อแขนยาวไปเลยกับเสื้อแขนสั้นเพราะดำแน่ ๆ โดยเฉพาะแขนและช่วงเข่าไปถึงข้อเท้า เพราะต้องนั่งงอขาและพายเรือตลอด ไม่มีโอกาสให้หุบแขนหลบแดด และเตรียมชุดสำรองไปเปลี่ยนได้ มีบริการห้องอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าฟรี

          สถานที่ท่องเที่ยวยังไม่หมดอยู่แค่น้ำจืด เพราะจากที่โคตา คินาบาลูสามารถขึ้นเรือไปท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติTunku Abdul Rahman ที่ดูแลหมู่เกาะเล็ก ๆ5 เกาะที่แยกตัวห่างจากตัวเมืองโคตา คินาบาลูในระยะไม่เกิน8 กิโลเมตร ซึ่งได้แก่ เกาะกายา(Pulau Gaya) เกาะซาปี(Pulau Sapi) เกาะมานูกาน(Palau Manukan) เกาะมามูติก(Palau Manutik) และเกาะซูลุก(Palau Sulug)

          นอกจากจะสามารถเข้าพักในรีสอร์ทบนเกาะ(ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวจีนและเกาหลี) และดำน้ำส่องปะการัง ก็ยังมีกิจกรรมน่าตื่นเต้นอย่างโหนสลิงZipline ข้ามจากเกาะกายาไปยังเกาะซาปิ ระยะห่างของมันไม่ไกลมาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบความน่าตื่นเต้นและอยากท้าทายความกลัวของตัวเอง

         และยังมีกิจกรรมSeawalking เดินใต้น้ำดูปะการัง แต่ผู้เขียนคิดว่าด้วยการจัดการและการสื่อสารที่ขัดข้องทำให้เราไม่ได้ได้ประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นอย่างที่เราคาดหวังไว้เมื่อเทียบกับราคาแพ็กเกจของกิจกรรมนี้

          สิ่งที่ควรพกไป: ชุดว่ายน้ำและคิดท่าโพสถ่ายรูปให้สวยปัง ถ้าเล่นZipline กับSeawalking ด้วยก็ให้หาเสื้อกางเกงใส่ทับเสียหน่อย เพราะเล่นทั้งชุดว่ายน้ำแล้วน่าอายนิดหน่อย

          โคตา คินาบาลูและซาบาห์ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากรอให้ทุกคนค้นหาความสวยงามของธรรมชาติ ถือว่าเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่อยากพักผ่อนใกล้ ๆ แต่เปลี่ยนบรรยากาศไปจากบ้านเราและมีค่าใช้จ่ายไม่แพง นอกจากนี้การเดินทางก็ถือว่าสะดวกเพราะแอร์เอเชียเพิ่งเปิดเส้นทางใหม่ กรุงเทพ–โคตา คินาบาลู ใช้เวลาเพียง3 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายไม่ต้องไปต่อเครื่องให้วุ่นวายแล้วนะ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0