ไม่ใช่เรื่องแปลก หากจะเห็นท่าทีจริงจังของ “รัฐมนตรีแหม่ม” มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ จากพรรคภูมิใจไทย เรื่องเดินหน้า แบนพาราควอต ไกลโซเฟส และคลอร์ไพริฟอส จนโดดเด่นกว่ารัฐมนตรีชายคนอื่นๆ อีก 3 คนในกระทรวงเกษตรฯ
เป็นรัฐมนตรีที่ยอมเดินทางไปเอาเอกสารจากอธิบดีซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นคนกล่าวย้ำให้ข้าราชการในกระทรวงเกษตรฯ ต้องไม่เอาพาราควอต โดยเฉพาะคนที่มีรายชื่อเป็นกรรมการวัตถุอันตราย และท้าทายคนที่พยายามวิ่งเต้นให้ยกเลิกการแบนสารพิษดังกล่าว ไปหารัฐมนตรีคนใหม่มาทำเรื่องนี้แทนเธอ
กระทั่งล่าสุด ประกาศไล่คนในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ หากไม่ฟังเสียงประชาชนคนไทยว่าต้องการอะไร ในการโหวตตัดสินประชุมกรรมการวัตถุอันตราย ให้ตีตั๋วย้ายออกนอกประเทศไทยไปเลย
มนัญญา เป็นน้องสาวชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.หลายสมัยจังหวัดอุทัยธานี หากจะเรียกว่า เป็น สองศรีพี่น้อง “เดนตาย” ก็ไม่ผิดนัก เพราะทั้งพ่อแม่และพี่ชายคนโตที่ทำกิจการค้าเนื้อวัวควายจนเป็นรายใหญ่ในแถบลุ่มน้ำสะแกกรัง ล้วนถูกสังหารหมดสิ้น ญาติฝ่ายแม่ต้องนำชาดาไปเลี้ยงที่จังหวัดกาญจนบุรีขณะยังเด็ก เพราะไม่มั่นใจในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของทายาท เนื่องจากกิจการมีการแข่งขันสูง ทั้งยังมีผลประโยชน์มหาศาล
กระทั่งเติบใหญ่ จึงเดินทางกลับไปรับช่วงกิจการค้าเนื้อวัวควายที่จังหวัดอุทัยฯ ทำให้ชาดาและมนัญญาต้องทำตัวให้แกร่งหากยังหวังจะอยู่รอดได้ โดยเฉพาะชาดาผู้พี่ จัดอยู่ในประเภท “ใจถึงพึ่งได้” สั่งสมบารมีกระทั่งเป็นที่ยอมรับในวงการ ความเป็นคน “ใจนักเลง” ไม่กลัวใคร จึงถูกถ่ายทอดไปยัง “แหม่ม” มนัญญาด้วย และเพราะมีบุคคลิกและภาพพจน์การเป็น “ขาใหญ่” นี่เอง ที่ทำให้ชาดาเคยตกเป็นข่าวใหญ่ในเรื่องความเข้นข้นดุดัน ครั้งแรกปี 2555 หลังลูกชายคนโตฟารุต ไทยเศรษฐ์ ที่เขาหมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นทายาททางการเมือง ถูกยิงเสียชีวิตที่อำเภอปากช่อง นครราชสีมา สาเหตุจากการเขม่น ขับรถปาดหน้า และเปิดไฟสูงใส่กัน
ครั้งนั้น ชาดาให้สัมภาษณ์สื่อ บอกจะให้เวลาตำรวจทำคดี 2-3 เดือน หากยังจับคนร้ายไม่ได้ ตนจะลงไปทำเรื่องนี้เอง ปรากฏว่าไม่กี่วันต่อมา คนร้ายก็เข้ามอบตัวกับตำรวจ
อีกครั้งในปี 2557 หลังการรัฐประหาร ชาดาและเครือข่ายถูกตำรวจบุกตรวจค้นบ้านถึง 3 ครั้ง ตั้งแต่ยุทธการสะแกกรัง ปี 2558 กระทั่งถึงยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส ตรวจค้นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอุทัยธานี ปี 2560 เนื่องจากถูกระบุเป็นหนึ่งในทำเนียบผู้มีอิทธิพลที่ถูกทางการจับตา
ด้วยเหตุนี้นี่แหละ ที่ว่ากันว่า ทำให้ชาดาเลือกไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย แทนที่จะเป็นพลังประชารัฐ ก่อนแสดงศักยภาพยึดเก้าอี้ ส.ส.ทั้ง 2 เขตของอุทัยฯได้สำเร็จ รวมถึงเขตเลือกตั้งนครสวรรค์ ที่ได้รับมอบหมายจากพรรคให้ช่วยดูแล จึงนำไปสู่โควต้ารัฐมนตรี 1 ตัว ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นของน้องสาว-มนัญญา เป็นคนนั่งแทน
แรกเริ่มอาจไม่เป็นที่สนใจของผู้คนมากนัก เพราะคิดว่าคงไม่แตกต่างไปจากการเป็นนอมินีของพี่ชาย แต่เนื่องจากกระแสต่อต้านสารพิษพาราควอตและสหายเป็นไปอย่างร้อนแรง ขณะที่เธอได้แสดงบทบาทให้เห็นถึงความเข้มและดุ ยืนยันจุดยืนแบนสารพิษอันตรายแน่นอน ทำให้คะแนนนิยมของเธอพุ่งแซงรัฐมนตรีคนอื่นๆ จึงเป็น “ห้าว-ตัวแม่” ของจริง
มนัญญาจบปริญญาตรี จากคณะศึกษาศาสตร์ มรภ.สวนดุสิต และอีกใบที่คณะบริหารธุรกิจ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ มีลูกชาย เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ เป็น ส.ส.หน้าใหม่อุทัยฯ คู่กับลุง-ชาดา
“แหม่ม-มนัญญา” จะเด่นดังเพราะถูกพูดถึงมากกว่านี้ หากกรรมการวัตถุอันตราย เห็นชอบแบนพาราควอตและสารพิษอีก 2 ชนิด ได้สำเร็จจริงๆ
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก : มนัญญา ไทยเศรษฐ์ , Chada Thaised
