โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แม้ต้อง "จบชีวิตในคุก" ธนาธรยัน ไม่เลียบูตทหาร

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 21 พ.ย. 2562 เวลา 22.28 น. • เผยแพร่ 21 พ.ย. 2562 เวลา 22.01 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

‘ปชป.-พปชร.’ ได้ที ฉวยคำวินิจฉัยศาล ช่วย 32 ส.ส.ทางโล่ง ปิยบุตรสับเละม.44

“ธนาธร” ซัดกลุ่มอำนาจนิยมครองการเมือง ลั่นยอมจบไม่สวยแต่ไม่เลียบูตทหารแน่แม้ต้องจบชีวิตในคุกในตะราง ประกาศพร้อมสู้ทุกคดีเชื่อมั่นบริสุทธิ์ใจ “เจ๊หน่อย” ซึ้งหัวอกเดียวกันร่วมให้กำลังใจ “ศรีสุวรรณ” ราวีต่อจี้ กกต.ฟันคดีอาญา-ละเมิดอำนาจศาล “วิษณุ” ยุร้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ผิดอาญาหรือไม่ต้องดูที่เจตนา ปชป.-พปชร.รีบเคลมผลคำวินิจฉัย 32 ส.ส.รัฐบาลมีสิทธิรอด “เอ๋ ปารีณา” ร้อง “ชวน” สอบจริยธรรม “เสรีพิศุทธ์” “สิระ” เล่นไม่เลิกต้องปลดให้ได้ “ดล” ทิ้งไพ่เปิดทาง “ไพบูลย์” เสียบ “ปิยบุตร” ชำแหละยิบพิษ ม.44 ฉะคำสั่ง คสช.ไม่มีวันขัด รธน. พปชร.เดินเกมถอนสมอล้มญัตติ แต่ ปชป.เอาด้วยล้างอำนาจ คสช. “เดียร์” ส่งทนายฟ้องหมิ่น “ช่อ” “วรงค์” สละเรือ ปชป.จ่อซบ รปช.

จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7 ต่อ 2 วินิจฉัยให้พ้นตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ล่าสุดนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประกาศเจตนารมณ์ยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ต่อไป และพร้อมที่จะต่อสู้คดีความที่จะตามมาในทุกรูปแบบ

“ธนาธร” ซัดกลุ่มอำนาจนิยม

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงรุ่นที่ 10 จัดเสวนาเรื่อง “ผู้นำการเมืองกับอนาคตประเทศไทย” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวเสวนาช่วง “ผู้นำการเมืองแบบไหนที่สังคมไทยต้องการ” ว่า วันนี้คนบางกลุ่มมีอำนาจการเมืองโดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง โครงสร้างที่ค้ำยันกลุ่มอภิสิทธิ์ชน คือทหาร ทุนผูกขาด ระบบราชการที่ใหญ่โตเทอะทะ และกระบวนการยุติธรรม ชื่นชมทุกคนที่ออกมาต่อต้านคอร์รัปชัน แต่เราพูดถึงแต่นักการเมือง ข้าราชการ ถ้าไม่พูดถึงกองทัพ หรือไม่แตะคนที่ตรวจสอบไม่ได้ นายพลใน สนช.รวยเป็นพันล้านบาทเป็นไปได้อย่างไร คนที่ไม่กล้าตรวจสอบคนเหล่านี้ถือว่าเฟกทั้งหมด

ลั่นยอมจบไม่สวยแต่ไม่เลียบูต

“ผมไม่ได้เป็น ส.ส. ไม่มีอภิสิทธิ์ แต่ถ้าจะเดินหน้าประเทศต่อไป ก็ขอเสนอแนวทางไทยแลนด์ 3D ทำให้ประเทศกลับมาเป็นประชาธิปไตย ลดบทบาทกองทัพและยุติอำนาจรวมศูนย์กระจายอำนาจให้ท้องถิ่น มีบางคนบอกว่าถ้าคุณทำดีจะมีอายุอยู่ถึง 90 หรือ 100 ปี แต่ผมไม่สนใจอายุขัย ไม่สนใจว่าจะจบสวยหรือไม่ ถ้าผมพูดความจริงยืนหยัดต่อสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะต้องจบชีวิตในคุกในตะรางก็ภูมิใจที่ได้สร้างสังคมที่เท่าเทียมส่งต่อให้ลูกหลาน และภูมิใจที่ชีวิตอาจจบไม่สวย แต่ไม่เลียบูตทหารแน่ๆ” นายธนาธรกล่าว

“วีระกร” จ้องรื้อ รธน.แปรงบฯ

นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ผู้นำที่ดีควรมีวิสัยทัศน์ กล้าเปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องลอกเลียนแบบ ซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญสู้กับความไม่ถูกต้อง ผ่อนปรน ประนีประนอม รู้ถึงอำนาจที่เราเข้าไปไม่ถึง ถ้าทำได้ประเทศไทยจะได้มีความสุขแบบไทยๆ ทุกระบอบล้วนมีข้อบกพร่องในตัวเอง ยอมรับว่าโครงสร้างรัฐธรรมนูญเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องแก้ไข โดยเฉพาะกรณี ส.ส.ไม่สามารถแปรญัตติแก้ไข พ.ร.บ.งบประมาณได้ บางมาตราถ้าแก้แล้วโอกาสจะโดนยุบสภาฯก่อน หรือเป็นเรื่องยากเกินไปก็อย่าเพิ่งทำ

กระตุกผู้นำเลิกตามก้นทุนยักษ์

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทุกคนต่างมีความฝันถึงผู้นำต้องซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ กล้าหาญที่จะต่อสู้กับการคอร์รัปชัน แต่ในโลกของการเปลี่ยนแปลงวันนี้เราอาจต้องการผู้นำที่มีมากกว่าในบทสวดนะโม ผู้นำยุคใหม่ต้องทันสมัยเข้าใจโลกยุคใหม่ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี กล้าตัดสินใจและกล้าเปลี่ยนแปลง ต้องรู้ว่าโลกที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นโอกาสของประเทศอย่างไร มิเช่นนั้นเราจะไปดักเอาประโยชน์จากเทคโนโลยีไม่ได้ ประเทศและประชาชนจะเสียโอกาส พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายกิโยตีนกฎหมาย เพราะล้าสมัย ผู้นำต้องเลิกคิดถึงทุนผูกขาด โครงการขนาดใหญ่ถูกแชร์ไปไม่กี่เจ้า จีดีพีของบริษัทยักษ์ใหญ่โตมาตลอด 5 ปี ขึ้นอยู่กับผู้นำว่าจะกล้าฝ่าด่านทุนใหญ่ที่ให้เงินมากในการเลือกตั้งหรือไม่

“ปริญญ์” แซะ “คนอยู่ไม่เป็น”

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในสหรัฐอเมริกา ส.ส.ถูกแยกไม่ให้เป็นรัฐมนตรีเพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน แต่มีระบบล็อบบี้ยิสต์ทำให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนเช่นกัน ผู้นำจะดีหรือไม่ ให้ดูที่การกระทำใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ คำพูดจะพูดให้สวยหรูอย่างไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นหรืออยู่ไม่เป็น ผู้นำที่ดีต้องพร้อมยอมรับความเห็นคนอื่น ขับเคลื่อนประชาชนอย่างสันติวิธี ขึ้นอยู่กับผู้นำจะยอมรับความเห็นต่างอย่างไร บางครั้งผู้นำต้องยอมรับโชคชะตา ไม่ใช่ให้จำยอมกับระบบเผด็จการ หรืออำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน

“ธนาธร” ประกาศพร้อมสู้ทุกคดี

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กกต.เตรียมดำเนินคดีอาญาเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 ว่า จะทำให้ดีที่สุดทุกคดี เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นคดีที่ใครเป็นผู้ฟ้อง เราพร้อมสู้อย่างเต็มที่ ส่วนคดีที่ตนให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงินก็ไม่ได้กังวล เพราะถ้าไปถามนักบัญชีหรือนักกฎหมายที่ไหน จะได้คำตอบว่าเงินกู้เป็นหนี้สินอยู่ในงบดุลไม่ใช่รายได้ ไม่อยู่ในงบกำไรขาดทุน จึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร และมองไม่ออกว่าจะขัดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญอย่างไร เราอยากทำงานการเมืองที่โปร่งใส อยากให้สาธารณชนรับทราบ จึงไม่แน่ใจว่าการทำเช่นนี้จะผิดกฎหมายได้อย่างไร ขณะนี้ได้รับเอกสารแจ้งจาก กกต.ให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมแล้ว แต่ได้ตอบกลับทาง กกต.ด้วยวาจาไปก่อนว่า ขณะนี้ทางพรรคงานเยอะมากทำให้ไม่ทัน จึงขอขยายเวลาการส่งเอกสารออกไป

ยันให้สัมภาษณ์ด้วยความสุจริต

ส่วนการให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนั้น การวิพากษ์วิจารณ์และพูดถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ถือว่าผิดกฎหมายเนื่องจากเป็นไปอย่างสุจริต ไม่ได้ใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม หรือหยาบคาย ยืนยันจะทำงานการเมืองในนามพรรคอนาคตใหม่ต่อไป เพื่อให้พรรคแข็งแกร่งขึ้น และต้องเตรียมพร้อมสำหรับผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่น รวมถึงรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

“สุดารัตน์” ซึ้งหัวอกร่วมให้กำลังใจ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้นายธนาธรไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของ 7 พรรค ฝ่ายค้าน ที่ผ่านมานายธนาธรก็ไม่สามารถทำงานในสภาฯได้ จากนี้ไปแม้สถานะของนายธนาธรจะไม่ได้เป็น ส.ส.แต่ยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ คิดว่าการทำงานร่วมกันไม่น่ามีปัญหาอะไร สามารถทำงานนอกสภาฯร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยอมรับว่ารู้สึกเห็นใจและเข้าใจเหตุการณ์ดีมาก เนื่องจากพรรคเพื่อไทยในสมัยไทยรักไทย ก็เจอสภาพแบบนี้ ขอให้กำลังใจนายธนาธร

“ศรีสุวรรณ” จี้ กกต.เร่งคดีอาญา

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 22 พ.ย. จะไปยื่นเรื่องต่อ กกต. ให้เร่งส่งฟ้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรง ตำแหน่งทางการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายธนาธรสิ้นสภาพการเป็น ส.ส. จากการขัดคุณสมบัติเรื่องการถือหุ้นสื่อ เนื่องจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ระบุชัดเจนว่าผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม แต่ยังลงสมัคร จะมีโทษจําคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ตามหลักการคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต. ต้องนำคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไปพิจารณาประกอบในสำนวนเพื่อส่งฟ้องนายธนาธรต่อไป ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันทุกองค์กร

จ้องฟันละเมิดอำนาจศาล รธน.

นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ตรวจสอบนายธนาธร ที่ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย อาจถือได้ว่าก้าวล่วงการทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมาตรา 38-39 ที่ห้ามผู้ใดบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมาย ตามคำสั่งหรือคำวินิจฉัยศาล หรือวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยของศาลโดยไม่สุจริต ใช้ถ้อยคำหรือมีความหมายหยาบคาย เสียดสี ปลุกปั่น ยุยง หรืออาฆาตมาดร้าย หากฝ่าฝืนถือว่าละเมิดอำนาจศาล มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบว่าการให้สัมภาษณ์ของนายธนาธรเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลหรือไม่

กกต.รอซ้ำดาบสองขัด ก.ม.เลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำนักงาน กกต.ได้ออกเอกสารเผยแพร่ข่าวระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สิ้นสุดลงจากการถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด สำนักงาน กกต.จะเสนอให้ กกต.พิจารณาขั้นตอน และวิธีการดำเนินการตามหน้าที่ และอำนาจ กรณีที่มีผู้กล่าวหานายธนาธรกระทำการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ซึ่งจะรวมถึงการแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ในการประชุม กกต.สัปดาห์ต่อไป

ปชป.เคลิ้มมีหวัง ส.ส.หลุดหุ้นสื่อ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าคณะทำงานกฎหมาย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำให้มีความหวังมากขึ้น เพราะศาลเทียบเคียงให้เห็นว่าผู้ที่จะประกอบกิจการสื่อต้องมีการไปจดแจ้งการพิมพ์ แต่กรณีของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่ถูกร้องรวม 8 ราย ไม่เคยมีการจดแจ้งการพิมพ์ เพราะมีวัตถุประสงค์ชัดเจนในการจัดตั้งบริษัทว่าไม่ใช่กิจการสื่อ การต่อสู้คดีเรามีการขอเอกสารเหล่านี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ได้รับคำยืนยันกลับมาชัดเจนว่าไม่มีทั้งการจดแจ้งและการยกเลิกจดแจ้งการพิมพ์ เป็นเครื่องยืนยันว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ไม่ได้ถือหุ้นสื่อ อย่างน้อยที่สุดความหวังเรื่องเจตนาที่บริสุทธิ์ใจในการตั้งบริษัท ถ้าเห็นที่ศาลรัฐธรรมนูญอธิบายเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ค่อนข้างชัดว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ ส.ส.ก้าวก่ายแทรกแซงหรือครอบงำ ถ้าไม่มีการจดแจ้งการพิมพ์ก็นำไปสู่การครอบงำไม่ได้อยู่แล้ว

พปชร.รีบเคลมผลคำวินิจฉัย

นายทศพล เพ็งส้ม ทีมกฎหมายของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า คำวินิจฉัยเกี่ยวกับการจดแจ้งการพิมพ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะยืนยันได้ว่า ส.ส.รัฐบาลไม่มีใครถือหุ้นสื่อ เนื่องจากทุกบริษัทไม่ได้มีการจดแจ้งการพิมพ์แต่อย่างใด จึงมีความมั่นใจในการทำคดีมากขึ้น โดยจะไปขอคัดลอกสำเนาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีของนายธนาธรมาประกอบการพิจารณาว่าต้องจัดส่งเอกสารหรือทำคำชี้แจงเพิ่มเติมอีกหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ส.รัฐบาลที่ถูกร้องว่าถือหุ้นสื่อมีทั้งหมด 32 คน เป็น ส.ส.พลังประชารัฐ 21 คน ประชาธิปัตย์ 8 คน รวมพลังประชาชาติไทย 1 คน ชาติพัฒนา 1 คน และประชาภิวัฒน์ 1 คน

“บิ๊กป้อม” ห้ามปลุกม็อบลงถนน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศว่าจะยังเดินหน้าทำกิจกรรมรณรงค์ทางการเมืองต่อไป อาทิ รณรงค์เลิกการเกณฑ์ทหารนั้น ถ้าเขาทำไม่ผิดกฎหมาย อยากทำก็ทำ ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์เรื่องการเกณฑ์ทหารก็ว่ากันไป เมื่อถามว่าประเมินดูแล้วคงไม่มีปลุกม็อบลงถนนใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ไม่ได้มั้ง” และการรณรงค์ให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ก็รู้อยู่แล้วมีขั้นตอนมาก เราใช้มาหลายสิบปีแล้ว และต้องดูว่าเราจะเอากำลังที่ไหนมาใช้ รวมถึงการรับสมัคร และงบประมาณจากไหน เมื่อรับสมัครไปแล้วอายุเท่าไหร่ถึงจะปลดประจำการ

“วิษณุ” ยุร้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอไม่ตอบว่าคำให้สัมภาษณ์ของนายธนาธรหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย สุ่มเสี่ยงละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ไม่ควรไปวิจารณ์ คนอื่นวิจารณ์ได้แต่รัฐบาลวิจารณ์ไม่ได้ ถ้ามีอะไรขึ้นมาจะหาว่ารัฐบาลชี้นำ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครก็คิดและตีความได้ว่าเป็นอย่างไร เมื่อถามว่าหากใครเห็นว่าเข้าข่ายสามารถร้องต่อศาลได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า “ก็ต้องร้อง ร้องแบบเอาเรื่องเลย หากร้องไปแล้วไม่จริงอาจถูก หาว่าร้องเท็จใส่ร้ายปรักปรำ” เมื่อถามย้ำว่าศาลสามารถตั้งเรื่องเองได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ได้ ที่ผ่านมาศาลก็เรียกเอง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครให้สัมภาษณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยทันทีเหมือนนายธนาธร นายวิษณุพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า รับทราบ ก็เห็นอยู่พร้อมๆกัน

ผิดอาญาหรือไม่ต้องดูที่เจตนา

เมื่อถามว่า กกต.สามารถขยายผลเพื่อเอาผิดทางอาญานายธนาธรได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เห็นว่าเขาดำเนินการแน่ แต่จะได้ผลมากน้อยแค่ไหนไม่ทราบ มีคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตใหม่ถึง 25 คดี เพิ่งเสร็จไป 1 คดี เห็นเลขาธิการ กกต.ให้สัมภาษณ์ว่ากำลังดูอยู่ คงต้องรอคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนบุคคล จะได้เห็นว่ามีอะไรหรือไม่ เพราะตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ระบุว่า หากรู้ว่าขาดคุณสมบัติและจงใจ จะมีความผิด จึงอยู่ที่ว่ารู้หรือไม่ จงใจหรือไม่ ไม่ใช่ว่าศาลตัดสินแล้วย้อนไปเอาเรื่องได้ทุกเรื่อง ต้องย้อนไปดูตอนสมัคร

ร้อง “ชวน” สอบจริยธรรม “เสรีฯ”

เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ หารือว่า ขอเรียกร้องให้นายชวนสอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ประธานกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) เพราะทนกับพฤติกรรมมาระยะหนึ่งแล้ว รู้สึกว่าใช้คำพูดดูหมิ่น เช่น เดี๋ยวจะโดน อยากให้นายชวนตั้งกรรมการสอบจริยธรรม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำให้นายชวนต้องกล่าวตัดบทไม่ให้นำเรื่องภายใน กมธ.มาหารือ หากมีอะไรให้ทำหนังสือส่งมา แต่ น.ส.ปารีณายังพยายามพูดต่อ ทำให้นายชวนต้องปิดไมค์ พร้อมตักเตือนว่า การหารือในที่ประชุมสภาฯต้องไม่พูดกระทบผู้อื่น ปัญหาภายใน กมธ.ต้องจัดการกันเอง อยากให้ทุกคนทำงานเพื่อประชาชน ไม่ขัดแย้งในเรื่องที่ไม่ควรขัดแย้ง

“สิระ” เล่นไม่เลิกจะปลดให้ได้

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ แถลงว่า ที่ประชุม กมธ.ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ได้ยกเลิกหนังสือแต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกมธ.ป.ป.ช.แล้ว หลังถูกทักท้วง แต่มองว่าคำสั่งแต่งตั้งถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว และนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มีชื่ออยู่ในเอกสาร นำเอกสารไปใช้ประโยชน์ว่าตนเองได้รับการแต่งตั้งแล้ว การประชุมในสัปดาห์หน้าจะขอให้ลงมติปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากตำแหน่งประธานฯ ยืนยันว่า กมธ.ทั้ง 15 คน สามารถมีมติดำเนินการได้ เพราะตำแหน่งไม่ใช่มรดกตกทอดส่วนตัว ยืนยันว่าเรื่องนี้ เป็นปัญหาตัวบุคคล ไม่ได้เป็นปัญหาโควตาฝ่ายค้าน เชื่อว่าวิปฝ่ายค้านจะหาตัวผู้ที่เหมาะสมมาแทนได้

ไม่เห็นช่องทางปลด “เสรีพิศุทธ์”

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตามที่นาย สิระ และ น.ส.ปารีณาจะประสานวิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้าน เพื่อหารือเรื่องการเปลี่ยนตัว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า ยังไม่มีการประสานมา เราพร้อมพูดคุย แต่คงพูดเรื่องโควตา ไม่พูดเรื่องพฤติกรรม หากไปคุยเรื่องพฤติกรรมจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัว ไปชี้ขาดตัดสินไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเพียงความต้องการของนายสิระ และ น.ส.ปารีณา ไม่น่าทำให้เป็นปัญหา เพราะมีงานอื่นที่ต้องทำอีกมาก และยังมองไม่เห็นช่องที่จะถอดถอน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ได้ นอกจากฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล จะตกลงเปลี่ยนโควตากัน ย้ายโควตานี้ให้ไปเป็นของพรรคอื่น ซึ่งไม่น่าง่าย เพราะ ส.ส.ทั้ง 2 ซีก คงมีสติ และมีงานทำอีกมาก

“ดล” ทิ้งไพ่เปิดทาง “ไพบูลย์” เสียบ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นายดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติพัฒนา ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง กมธ.ป.ป.ช. โดยที่ไม่มีตัวแทนจากพรรคชาติพัฒนาเข้ามาทำหน้าที่ กมธ.ชุดดังกล่าวแทน จึงยกโควตาให้เป็นของพรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าพรรคพลังประชารัฐจะส่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ เข้าเป็น กมธ.แทน นายดลให้สัมภาษณ์ว่า ได้ยื่นใบลาออกจาก กมธ. ชุดนี้เรียบร้อย โดยจะสลับโควตากับพรรคพลังประชารัฐ แต่กำลังรอดูว่าจะโยกไปอยู่ กมธ.ชุดไหนแทน

“ป้อม” ลั่นแจง กมธ.มันจบแล้ว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้าชี้แจงต่อ กมธ.ป.ป.ช.ว่า จบไปแล้ว เราชี้แจงไปหมดแล้ว จะเชิญอะไรอีก เมื่อถามว่าจะฟ้องกลับหรือไม่กับการใช้อำนาจเชิญหลายครั้ง พล.อ.ประวิตรตอบว่า “โอ๊ย เดี๋ยวให้มันจบไปก่อน” เมื่อถามว่า จะรับมือกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อย่างไรหากมีเรื่องอื่นอีก พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่เห็นต้องรับมือ เมื่อถามว่า ในทุก กมธ.ที่มีปัญหากับตัวท่านและนายกฯต้องใช้ยุทธศาสตร์ส่งคนพรรคพลังประชารัฐเข้าไปเหมือน กมธ.ป.ป.ช.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เป็นเรื่องของสภาและ ส.ส. เราไม่เกี่ยว เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนตัวประธาน กมธ.ป.ป.ช. พล.อ.ประวิตรตอบว่า แล้วแต่สภา

ขู่ กมธ.ป.ป.ช.ดันทุรังระวังติดคุก

นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวว่า การชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งล่าสุด ตอบครบทุกประเด็น คิดว่า กมธ.ป.ป.ช.น่าจะพอใจและเป็นข้อยุติไม่ต้องชี้แจงอีก หากจะออกคำสั่งเชิญตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ ต้องดูว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ กมธ.หรือไม่ หาก กมธ.ป.ป.ช. โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังประสงค์ให้เชิญอีก ต้องระมัดระวัง เพราะตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ มาตรา 5 ในส่วนของ กมธ.บัญญัติไว้ว่า ถ้าปฏิบัติหน้าที่หรือเชิญผู้ใดโดย มีเจตนาไม่สุจริต จะมีโทษทางอาญารุนแรง จำคุก 1-10 ปี สิ่งที่ กมธ.ป.ป.ช.ดำเนินการเรื่องนี้มาทั้งหมด ถ้าว่ากันตามกฎหมายก็มิชอบโดยกฎหมาย ทราบว่ามี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ และ กมธ.ป.ป.ช. นำหลายประเด็นไปดำเนินคดีทางอาญา

บอกจะทำอะไรตามใจไม่ได้

นายประสานกล่าวว่า กมธ.จะทำตามใจไม่ได้ ต้องดูกรอบกฎหมายและข้อบังคับให้ดี ไม่ได้ขู่ เพียงแต่ให้ทราบว่าสิ่งที่จะเดินต่อไปต้องใช้ความละเอียดรอบคอบ ต้องให้เกียรติกัน ไม่ใช่นึกอยากเชิญก็เชิญ เชิญแล้วไม่มาก็เชิญแล้วเชิญอีก ถ้าอยากทำเช่นนั้นไปใช้ข้อบังคับการประชุมสภาฯ จะเชิญร้อยครั้งพันครั้งทำได้หมด ต่างจาก พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ โปรดใช้วิจารณญาณในการเชิญครั้งต่อไป แต่เชื่อว่าคงไม่มีแล้ว เพราะที่ชี้แจงไปชัดเจนทุกข้อ เมื่อถามว่าเห็นทาง กมธ.ป.ป.ช.ต้องการให้นายกฯส่งบัตรแข็งที่ใช้ในการกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณ นายประสานตอบ ว่า เป็นเรื่องระหว่างนายกฯ กับพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวโดยตรง เราคงไม่ไปก้าวล่วง

“วิษณุ” ดักคอใช้อำนาจเกินเขต

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้จะจบหรือไม่ เป็นเรื่องของ กมธ. ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่า กมธ.ทำเกินอำนาจหน้าที่ รัฐบาลคงไม่ดำเนินการอะไร เขาถามมา เราก็ตอบไป และตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้มีการเรียกตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ หรือหากมีการใช้กฎหมายดังกล่าวแล้วมีผู้เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ ใครก็ได้สามารถดำเนินการร้องเอาผิดได้ เพราะถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน หากใครเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจมิชอบก็ไปแจ้งความกับตำรวจ เพราะไม่ใช่ความผิดต่อตัว ไม่ได้แจ้งเพราะเขาแกล้งเราเป็นเรื่องที่ กมธ.ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ใช่การแจ้งความตามกฎหมายอาญามาตรา 157 แต่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ หากผิดจะผิดทั้งคณะ เพราะเวลาเซ็น ประธาน กมธ.จะอ้างคำสั่งของคณะกรรมาธิการฯ

ตั้ง “วัฒนา” นั่งที่ปรึกษาฯ ไม่ผิด

เมื่อถามว่าการแต่งตั้งนายวัฒนา เมืองสุข เป็นที่ปรึกษาประธาน กมธ.ป.ป.ช. นายวิษณุตอบว่า หากตั้งเป็นที่ปรึกษา กมธ.ต้องใช้มติที่ประชุม แต่ถ้าเป็นที่ปรึกษาประธานฯ ถือเป็นเรื่องของประธานฯ ส่วนที่มีหนังสือแต่งตั้งโดยอ้างมติที่ประชุมนั้น ตนไม่ทราบ หากตรวจสอบพบว่าไม่ใช่ก็ไปทำให้ถูก และคงไม่มีความผิดอะไร เพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไรใคร อย่างไรก็ตาม คนเป็นที่ปรึกษาจะเข้าร่วมประชุมได้หรือไม่ อยู่ที่ประธาน กมธ.เป็นผู้อนุญาต และอำนาจซักถามผู้มาชี้แจงน่าจะไม่มี

“ปิยบุตร” ชำแหละยิบมาตรา 44

ต่อมาเวลา 11.50 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติด่วน เสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ 1 ในผู้เสนอญัตติอภิปรายเป็นคนแรกว่า ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ระบอบ คสช.ใช้มาตรการทางกฎหมายหลายรูปแบบ ได้แก่ 1.การแปรความต้องการของ คสช.เป็นกฎหมาย ผ่านประกาศและคำสั่งหัวหน้า คสช. หรือการกระซิบให้ สนช.ออก พ.ร.บ.ตามความต้องการ ทั้งหมดคือเงาทะมึนอำนาจของ คสช. 2.การบังคับใช้กฎหมายเพื่อบอกให้รู้ว่าทุกอย่างที่ คสช.ทำเป็นกฎหมาย ถือเป็นการเอากฎหมายไปห่อหุ้มปืน 3.การบิดผันและใช้กฎหมายอย่างไม่สุจริต สร้างคดีความแก่ผู้เห็นต่าง คสช.ใช้เวทมนตร์เสกปืนเป็นกฎหมาย ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. 217 ฉบับ ประกาศหัวหน้า คสช. 1 ฉบับ ประกาศ คสช. 133 ฉบับ และคำสั่ง คสช. 214 ฉบับ รวม 565 ฉบับ แม้มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว และรัฐธรรมนูญปี 60 แล้ว แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังยืนยันจะออกประกาศคำสั่ง คสช.ต่อไป เป็นคณะรัฐประหารที่มีอำนาจมากที่สุด

ซัดคำสั่ง คสช.ไม่มีวันขัด รธน.

นายปิยบุตรกล่าวว่า ระบอบ คสช.สร้างมรดกบาปให้ประเทศ คือ 1.มีระบบกฎหมายสองระบบคู่ขนาน โดยไม่รู้ตัว ประกาศคำสั่ง คสช.ที่ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์คนเดียว ไม่มีวันขัดรัฐธรรมนูญ 2.ประเทศไทยกลายเป็นรัฐทหาร โดยเฉพาะปี 2557 ทหารมีบทบาทในฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารมากขึ้นเรื่อยๆ ในรัฐวิสาหกิจ 40 แห่ง มีทหารเป็นกรรมการบริหาร 80 คน 3.ทหารเข้าไปมีบทบาทในชีวิตประจำวัน แต่ละเรื่องมีนายทหารเข้าไปหมด เช่น ประมง สิ่งแวดล้อม การปราบพนัน 4.การฝังอำนาจทหารอยู่ในรัฐธรรมนูญ เช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ วุฒิสภา 5.การแผ่ขยายอำนาจทหารผ่านกลไก กอ.รมน. ทราบมาว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะลงมติไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.วิสามัญชุดนี้ ทั้งที่มี ส.ส.รัฐบาลเสนอญัตติเข้ามาด้วย หลายคนที่เป็น ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน รัฐมนตรี ยังจำตอนที่ถูกเรียกรายงานตัว และถูกข่มขู่ได้หรือไม่ วันนี้เรามีการเลือกตั้งและมีอำนาจนิติบัญญัติจากประชาชน ถึงเวลาที่สภาฯต้องยืนตรงทระนงองอาจต่ออำนาจเผด็จการ ประเทศไทยไม่มีทางสถาปนาระบอบรัฐธรรมนูญได้ หากยังมีระบอบรัฐประหารฝังตัวและยังมีมรดก คสช.อยู่

พปชร.เล่นเกมถอนสมอล้มญัตติ

ขณะที่นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ 1 ในผู้เสนอญัตติ กล่าวว่า ญัตติที่ตนเสนอเกี่ยวข้องเฉพาะกับคำสั่ง คสช. 8 ฉบับ ที่มีผลกระทบต่อผู้บริหารท้องถิ่น ให้หยุดหรือพักการปฏิบัติหน้าที่ที่มีผู้ได้รับผลกระทบ 400 คน ได้รับการปลดล็อกไปแล้ว 23 คน แต่ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น สภาฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง จึงมองว่าการใช้ กมธ.สามัญเพื่อศึกษาประเด็นคำสั่งหรือประกาศ คสช. ที่มีผลกระทบกับประชาชน จะแก้ปัญหาได้รวดเร็วกว่า จึงขอถอนญัตติที่เสนอออกจากวาระ และขอให้ ส.ส.ร่วมกันลงมติไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.วิสามัญชุดดังกล่าว

แต่ ปชป.เอาด้วยโละคำสั่ง คสช.

ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นผู้เสนอญัตติเพื่อตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบจากคำสั่งประกาศของ คสช. ยืนยันว่าไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง ไม่ใช่การเอาคืน คสช. แต่ต้องการใช้ฝ่ายนิติบัญญัติมาปรับปรุงแก้ไขผลกระทบจากคำสั่งและประกาศ คสช.ให้ดีขึ้น เพราะประกาศและคำสั่งบางอย่างควรปรับปรุง เช่น ประกาศและคำสั่ง คสช.ที่ 31/2560 เรื่อง ส.ป.ก.ที่ให้ออกกฎกระทรวงให้นำที่ดิน ส.ป.ก.ไปใช้ในเรื่องอื่น เช่น ทำเหมือง พลังงานทดแทนได้ ไม่ใช่เฉพาะแค่ด้านเกษตรกรรมเพียงอย่างเดียว ดังนั้น สภาฯต้องพิจารณาว่าจะคงเจตนารมณ์เดิมของ ส.ป.ก. ที่ให้ ส.ป.ก.กลับไปเป็นที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเหมือนเดิมหรือไม่ หลายคนอาจแปลกใจที่ตนเป็นฝ่ายรัฐบาล แต่กลับเสนอญัตติให้ตั้ง กมธ.ชุดดังกล่าว แต่เรื่องใดที่เป็นผลประโยชน์ประชาชน เราต้องมองข้ามเรื่องทางการเมือง ยืนยันจะเสนอญัตติให้ตั้ง กมธ.ชุดนี้

“เดียร์” ส่งทนายฟ้องหมิ่น “ช่อ”

อีกเรื่อง น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มอบหมายให้ทนายความดำเนินการฟ้องร้อง น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ต่อศาลอาญา ในคดีหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทำให้ตนและคู่สมรสเสียหาย ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย นอกจากนี้ตนและคู่สมรส ไม่ได้เป็นเจ้าของ หรือเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการสื่อ ดังนั้นไม่ว่าจะตีความคู่สมรสทั้งทางนิตินัยหรือพฤตินัย ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ นอกจากนี้ การทำงานของสื่อต้องมีเสรีภาพ ตนตระหนักตรงนี้มาตลอดว่าต้องมีวุฒิภาวะในการแยกแยะระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานออกจากกัน ขอให้ น.ส.พรรณิการ์อย่าใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.หลีกเลี่ยงกระบวนการพิสูจน์ความจริงในชั้นศาล ถ้ารักจะกล่าวหาผู้อื่นต้องกล้ารับผิดชอบด้วย

ถามจะให้ “บิ๊กตู่” ลองยาต่อหรือ

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นห่วงประชาชนที่อาจได้รับผล– กระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ หลังหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลออกมาเปิดเผยตัวเลขที่ถดถอยลงทุกด้าน ขณะที่นายกฯในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ทำได้เพียงขอร้องไม่ให้พูดเรื่องเศรษฐกิจแย่ ถือเป็นท่าทีที่ขาดความรับผิดชอบของผู้นำ ที่ผ่านมาหลายฝ่ายเตือนมาตลอดว่าแก้ปัญหาผิดทาง แต่รัฐบาลยังดึงดันใช้แนวทางการแจกเงิน ประเทศไม่ใช่หนูลองยาที่จะให้ผู้นำที่ขาดความรู้มาทดลองได้ พล.อ.ประยุทธ์อาจอยู่ในอำนาจต่อไปได้ด้วยกลไกรัฐธรรมนูญที่พวกเขาช่วยกันออกแบบมา

“พท.พลัสยุคใหม่” พบเด็ก มธ.

ช่วงบ่ายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคเพื่อไทยจัดโครงการ “เพื่อไทยพลัสยุคใหม่ แข็งแกร่งกว่าเดิม” โดยมีนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เข้าร่วมกิจกรรม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวปาฐกถา “เพื่อไทยยุคใหม่ ประชาชนคิด เพื่อไทยทำ” ว่า วันนี้โลกเปลี่ยนการเมืองบริบทเดิมไม่ตอบโจทย์ประเทศ วันนี้ผู้นำประเทศต่างๆเด็กลงทุกวัน เพราะการมีเทคโนโลยีสมัยใหม่บีบให้ทุกองค์กรแสวงหาคนที่คิดใหม่ วันนี้การได้คนดี คนซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ มาเป็นผู้นำอาจไม่พอแล้ว แต่ผู้นำต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เพื่อคว้าโอกาสเหล่านี้เป็นเครื่องมือทำมาหากินให้กับประชาชน ต่อไปนี้สิ่งที่จะออกแบบให้ประเทศไทยคือต้องเลิกโครงสร้างรัฐราชการที่เป็นศูนย์กลาง ให้กลายเป็นประชาชนเป็นศูนย์กลาง เรื่องของรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว เราเห็นผลจากการเลือกตั้งพรรคที่ได้ ส.ส.อันดับหนึ่ง ไม่มีสิทธิจัดตั้งรัฐบาล ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นนายกฯอีกนาน ทั้งยังขัดขวางการพัฒนาประเทศ เพราะเขียนล็อกประเทศไว้หมด “น้องๆต้องสนใจเรื่องนี้ เพราะต้องอยู่ในประเทศนี้ เราต้องการคนรุ่นใหม่มาดูแลประเทศต่อ”

“วรงค์” สละทิ้งเรือประชาธิปัตย์

วันเดียวกัน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เรียนพี่ๆ เพื่อนๆพรรค ปชป.ทุกท่าน ผมได้ตัดสินใจลาออกจากพรรคแล้ว เมื่อวันที่ 19 พ.ย. แต่บนพื้นฐานที่พวกเราเข้าใจกัน ยังรักและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน และยังถือว่าเราเป็นพวกเดียวกันที่อาจต้องพึ่งพากัน เพื่อประเทศชาติของเรา ผมได้ลาผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือของพวกเรา ตามวัฒนธรรมไปลามาไหว้ของคนไทยเรา ผมตั้งใจแถลงข่าวเหตุผลและเส้นทางต่อไปในอนาคตวันที่ 23 พ.ย.นี้ ขอบคุณทุกท่าน” พร้อมโพสต์รูปขณะยกมือไหว้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์

“จุรินทร์” ปัดไม่ใช่เหตุจากรอยร้าว

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นพ.วรงค์แจ้งให้ทราบล่วงหน้านานพอสมควร ไม่ได้มีปัญหาอะไร ขอให้โชคดี ส่วนเหตุผลให้ถามจากตัว นพ.วรงค์เอง เราเคารพการตัดสินใจ ส่วนจะไปสังกัดพรรคไหนให้ถาม นพ.วรงค์ดีที่สุด เมื่อถามว่า อาจมี ส.ส.ในพรรคลาออกตาม นพ.วรงค์ไปด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่ทราบ เมื่อถามว่า ภายในพรรคมีปัญหาอะไรหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ให้ท่านตอบดีกว่าสาเหตุคืออะไร เหตุผลที่แจ้งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่ถามนี้ เพราะไม่คิดว่าในประชาธิปัตย์จะมีปัญหาในลักษณะที่ทำให้พรรคไม่สามารถทำหน้าที่รับใช้ประชาชนได้

“เทพไท” ยุส่งมีสิทธินั่ง หน.พรรค

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นพ.วรงค์เป็น ส.ส.คุณภาพของพรรคคนหนึ่ง เมื่อตัดสินใจลาออกต้องเคารพ และหวังว่าคงมีโอกาสร่วมงานทางการเมืองกันอีก ไม่ว่าจะในสถานะใดก็ตาม เพราะชีวิตทางการเมืองคำว่าไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ยังคงใช้ได้อยู่ในทุกยุคทุกสมัย ส่วนข่าวที่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ออกมายอมรับว่าเป็นไปได้ที่ นพ.วรงค์จะไปเป็นสมาชิกพรรค รปช. นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะ รปช.คือผลผลิตในการต่อสู้ของ กปปส. นพ. วรงค์ก็เป็น กปปส.คนหนึ่งที่ผูกพันและใกล้ชิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ก่อตั้งพรรคดังกล่าว เป็นเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสมเชื่อว่านักการเมืองคุณภาพอย่าง นพ.วรงค์ ยังมีอนาคตทางการเมืองที่ยาวไกล และมีโอกาสเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเล็กๆสักพรรคในอนาคตได้ ขอให้จากกันด้วยดีด้วยมิตรภาพที่ดีต่อกัน ขอให้ นพ.วรงค์โชคดีประสบความสำเร็จ

“หม่อมเต่า” พร้อมอ้าแขนรับ

ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค รปช. กล่าวว่า มีโอกาสสูงที่ นพ.วรงค์มีแนวโน้มมาร่วมงานกับพรรค รปช. แต่ทุกอย่างต้องรอให้เป็นไปตามกระบวนการ หากจะมาอยู่ด้วยตนก็ยินดี เพราะพกความเป็นอดีต ส.ส.มาด้วย และเชื่อว่ามีเครือข่ายไม่ได้มาคนเดียวแบบตน เมื่อถามว่ามองว่าจะมีการขนคนอื่นในพรรคประชาธิปัตย์มาด้วยหรือไม่ ม.ร.ว.จัตุมงคลตอบว่า ยังไม่ทราบ และไม่จำเป็นต้องเคลียร์ใจกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นปกติของพรรคการเมือง

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0