แม้จะไม่ได้พลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน

แต่เปี่ยมด้วยความตั้งใจ

ก่อนหน้านี้ช่วงเวลาทองตอนหลังข่าวภาคค่ำ ช่องพีพีทีวี เลือกที่นำเสนอรายการละคร มีการดึงตัวนักแสดงดังๆมาเซ็นสัญญาให้อยู่ในสังกัด พร้อมกับเปิดผู้จัดละครจำนวนมากให้มานำเสนองาน

แต่ตอนนี้แนวรบช่วงไพร์มไทม์ดังกล่าวเปลี่ยนไปอีกครั้ง โดยพีพีทีวีตัดสินใจปรับครั้งใหญ่ ดึง กรุณา บัวคำศรี มาทำรายการแมกกาซีนข่าว “รอบโลก Daily” ออกอากาศทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เวลา 20.15-21.30 น. เริ่มตั้งแต่ 25 พฤษภาคม ด้วยเหตุผลว่าในช่วงหลังๆมานี้ดูจำนวนคนที่สนใจดูรายการข่าวมีมากขึ้น

สำหรับรอบโลก Daily นั้น คนทำบอกว่าจะนำเสนอทั้งรายงาน การวิเคราะห์ รวมไปถึงสกู๊ป ตามแต่ว่าประเด็นของข่าวในวันนั้นเหมาะกับการนำเสนอในรูปแบบไหน

โดยที่ผ่านมาเธอมองว่ารูปแบบรายการข่าวบ้านเรามีอยู่ 2 ประเภท คือ การเล่าข่าว กับการนำเสนออย่างเป็นทางการ ขณะในด้านเนื้อหาก็เห็นว่า “ที่ยังไม่มีคือบริบทของข่าวบางข่าว” ที่จะเสริมให้คนดูดูแล้ว ‘เข้าใจ’ ไม่ใช่แค่ ‘รู้เรื่อง’

“จึงเห็นว่านี่เป็นพื้นที่ให้เราสามารถสร้างความต่างได้”

ต่างทั้งรูปแบบที่จะผสานทั้งการเล่าข่าว และการอ่านแบบเป็นทางการเข้าด้วยกัน ต่างทั้งการใส่บริบทในเนื้อหาเพื่อให้คนดูสามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสถานการณ์ในโลก
บอกด้วยว่า อันที่จริงเธอก็ห่างจากสนามข่าวมาสักระยะ แต่ก็มีหลายเหตุผลที่ตัดสินใจเข้ามาทำ หนึ่งในนั้นคือการเกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัสโควิด-19

“พอมีโควิด ทำให้เรารู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ เรื่องที่เป็นปัญหาสากลที่กระทบเรา ที่ทำให้เราต้องอยู่แบบนิว นอร์มอล อีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หรือแม้แต่นิว นอร์มอล โควิดหายไป ก็อาจจะมีเหตุการณ์หรือนิว นอร์มอลอื่นๆเกิดขึ้นมาอีก โควิดทำให้เราเห็นว่าจริงๆแล้วไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มนุษย์ทุกคนสามารถเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกันได้ไหม เพราะฉะนั้นอันนี้คือสิ่งที่เราจะเพิ่มขึ้นไป”

“แต่แน่นอนสิ่งที่จะทำเหมือนกับที่สื่อคนอื่น หรือรายการคนอื่นทำ ก็คือรายงานเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเราเข้าไปด้วย”

มีหมดละทั้งข่าวการเมือง ข่าวอาชญากรรม ฯลฯ

“แต่สิ่งที่จะทำคือ ทำข่าวให้เป็นข่าวน่ะ” เธอว่า

“ตอนนี้มันจะมีข่าวที่เกินความเป็นข่าวไป ซึ่งก็เป็นรสนิยมของคนดู แต่ก็อาจจะมีคนจำนวนหนึ่งที่เขาอยากดูแค่ข่าวที่เป็นข่าว ซึ่งเรามองกลุ่มคนตรงนี้ไว้”

เมื่อขอให้ขยายความเรื่อง ‘ข่าวที่เป็นข่าว’

เธอก็ออกตัวเพื่อทำความเข้าใจก่อนว่า “อันนี้ไม่ได้วิจารณ์ใคร” แต่ “บางทีมันไม่จำเป็นต้องใช้เวลากับอะไรบางอย่าง”

หากกระนั้นก็ตระหนักว่า “แต่ละรายการที่ทำ เขาก็มีกลุ่มคนดู มีแฟนคลับ ที่พูดไม่ได้บอกว่า ทำอย่างนี้ดี หรือไม่ดี แต่จะบอกว่ามันมีพื้นที่ว่างของคนที่อยากดูข่าว ที่ไม่ต้องเยอะกว่าข่าว นึกออกไหม”

ยังบอกอีกว่า อันที่จริงก็มีรายการบางรายการที่นำเสนอข่าวที่เป็นข่าว แบบที่เธอคิด “เพียงแต่เราอาจจะเติมอะไรตรงนั้นได้”

“มันอาจจะไม่ได้พลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน ว่ามันเปลี่ยน เพราะรายการข่าวมันก็วนกันอยู่แค่นี้ ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้มากหรอก เพียงแต่เราเห็นว่ามันมีอะไรที่ถ้าเราทำ เราจะเติมไปได้ แค่นั้นเอง”

สำหรับข่าวที่เลือกจะนำเสนอ เธอคิดว่า “อย่างน้อย 60-70 % ควรเป็นข่าวที่คนควรจะได้รู้ แต่อีก 30-40 % อาจจะรู้ หรือไม่รู้ก็ได้ เพราะข่าวก็เซิร์ฟหลายๆจุดประสงค์ บางข่าวดูก็สนุก บันเทิง ประเทืองปัญญาดี หรือเพลินๆไป แต่ต้องอย่าลืมหลักการการเกิดขึ้นของมัน ว่าคือเพื่อให้คนได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เราจะให้เขา”

อย่างไรก็ตาม หลังออกอากาศไปแล้วก็คงต้องฟังเสียงผู้ชมอีกครั้ง ว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่

“อาจจะต้องมีการปรับโทน ปรับเนื้อหา ปรับอะไรบ้าง แต่เราจะไม่ปรับแก่นหรือความตั้งใจในการทำรายการ”

ดูจากช่วงเวลาออกอากาศ ที่จะต้องชนกับรายการละครของหลายสถานี รวมถึงชนกับรายการข่าวของช่องไทยรัฐทีวีและอมรินทร์ทีวี ที่แต่ละรายการ แต่ละประเภท ล้วนมีแฟนอยู่หนาแน่น แล้วถามไปตรงๆว่าหนักใจไหม?

“ถ้าบอกว่าไม่หนักใจก็คงจะโกหกนะ”

“แต่ก็อยากทำ เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำอะไรที่ท้าทายตัวเองอีกครั้งหนึ่ง”

เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคมนี้.