โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

แม่เลี้ยงใจร้าย สิ่งที่เด็กกลัวหากพ่อแม่แต่งงานใหม่

Motherhood.co.th

เผยแพร่ 24 ก.ค. 2562 เวลา 05.00 น. • Motherhood.co.th Blog
แม่เลี้ยงใจร้าย สิ่งที่เด็กกลัวหากพ่อแม่แต่งงานใหม่

แม่เลี้ยงใจร้าย สิ่งที่เด็กกลัวหากพ่อแม่แต่งงานใหม่

เมื่อคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวตัดสินใจว่าจะเปิดใจกับความรักความสัมพันธ์ครั้งใหม่ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือลูก เด็กๆรักคุณมาก พวกเขาถึงกลัวว่าจะมี "แม่เลี้ยงใจร้าย" มาแย่งความรักและเวลาที่คุณเคยมีให้ไปจากเขา การตัดสินใจจะเริ่มต้นมีความสัมพันธ์ใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องผิดเลย เพียงแต่ต้องคิดพิจารณให้ดีเสียก่อน ต้องคำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของลูกเป็นอันดับต้นๆ หากยังไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับลูกดี ลองทำตามคำแนะนำของเราวันนี้ได้ค่ะ

ปัญหาของแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงเป็นเรื่องที่มีทุกยุคสมัย
ปัญหาของแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงเป็นเรื่องที่มีทุกยุคสมัย

สิ่งที่พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องคิดให้ดีก่อนจะมีรักครั้งใหม่

ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม หากวันที่คุณตัดสินใจจะเริ่มต้นชีวิตรักครั้งใหม่มาถึง การด่วนตัดสินใจไม่เป็นผลดีกับทั้งลูกและตัวคุณเองเลย ควรตั้งสติคิดให้ดีๆว่ามีอะไรที่ต้องคำนึงถึงบ้างก่อนที่จะรับใครคนใหม่เข้ามาในชีวิตของคุณและลูก

  • ระวังพวกใคร่เด็ก

ส่วนใหญ่พวกใคร่เด็ก (Pedophilia) จะชอบเข้ทางคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ซึ่งไม่จำกัดว่าคุณแม่จะต้องเป็นห่วงแต่ลูกสาวเท่านั้น สำหรับเด็กผู้ชายก็ต้องระวังไม่ต่างกัน คนเราดูแค่ภายนอกไม่ออกว่าเขาจะมีพฤติกรรมใดที่บิดเบี้ยวไปจากมาตรฐานสังคมหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเราต้องคัดกรองเอาคนดีๆมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ทางที่ดีจ้างนักสืบเพื่อสืบค้นประวัติของอีกฝ่าย รวมไปถึงประวัตอาชญากรรมด้วยก็จะดีมาก เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือสวัสดิภาพของลูกเรา

  • ช่วงอายุของลูก

ระหว่างที่คุณตัดสินใจที่จะนำใครสักคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ช่วงอายุของลูกก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องใส่ใจ เพราะในแต่ละช่วงวัยของเด็กก็มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป หากตัดสินใจได้และเริ่มคบคนใหม่ในช่วงที่ลูกอายุยังน้อย ลูกจะเข้าใจได้ง่ายกว่าและไม่ค่อยมีปัญหาต่อต้านเท่ากับเด็กที่เริ่มโต แต่ข้อเสียคือหากอะไรๆไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ทำให้คุณกับคนนั้นต้องเลิกรากันอีก ก็อาจทำให้เด็กรู้สึกเหมือนเสียพ่อหรือแม่ไปอีกครั้งได้ และหากคุณโชคร้ายเจอพวกใคร่เด็กเข้า เด็กในวัยที่เล็กมากๆจะไม่สามารถปกป้องตัวเองหรือสื่อสารกับคุณได้ชัดเจนว่าเขาต้องเจอกับอะไรมา หากตัดสินใจที่จะเลือกคบใครสักคนแล้ว ก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกคุณอยู่กับเขาตามลำพัง และต้องคอยสังเกตดูความผิดปกติของลูกด้วยเสมอ

  • การควบคุมอารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ 

การควบคุมอารมณ์เป็นอีกข้อสังเกตสำคัญที่จะช่วยเราคัดเลือกคนที่จะมาอยู่ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน ก่อนที่จะแนะนำเขาให้ลูกรู้จัก ให้คุณสังเกตก่อนว่ามีเวลามีปัญหาหรือเรื่องหงุดหงิดกวนใจ คนนั้นของคุณสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีแค่ไหน หรือมีวิธีการควบคุมอารมณ์อย่างไรบ้าง หากเขาเป็นคนประเภทที่บันดาลโทสะได้ง่าย แบบนี้ควรเลี่ยงให้ไกล เพราะข่าวที่เราเห็นกันเรื่องพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงมักเกิดจากความบันดาลโทสะเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นเราไม่ควรปล่อยให้เกิดความเสี่ยงกับลูก

  • ทัศนคติในการใช้ชีวิต

ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตทั่วไป เรื่องการเลี้ยงลูก และแผนการชีวิตต่างๆที่วางไว้ พูดคุยกับเขาให้ชัดเจนในเรื่องทัศนคติและแผนการต่างๆ ว่ามีอะไรที่จะปรับเข้าหากันในจุดกึ่งกลางได้บ้าง แต่เรื่องที่ไม่สามารถปรับได้ก็ย่อมมีเช่นกัน อย่างไรก็ตามอย่าลืมดูทัศนคติของเขาที่จะส่งผลต่อเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับลูกโดยตรง เช่น อัตลักษณ์ทางเพศหรือรสนิยมทางเพศของลูก (เราย่อมอยากให้ลูกได้เป็นตัวของตัวเองอย่างมีความสุข) หรือเรื่องการเรียนและการประกอบอาชีพของลูก ถึงแม้ว่าตอนนี้ลูกจะยังเล็ก แต่การเตรียมตัวในเรื่องนี้ไว้ก็ไม่ใช่เป็นการคิดเวอร์ไปแต่อย่างใด

  • ปัญหาลูกของฉัน ลูกของเธอ

หากว่าพ่อเลี้ยงเดี่ยวและแม่เลี้ยงเดี่ยวมาเจอกัน ย่อมเกิดความแตกต่างในแนวทางการเลี้ยงดูลูกๆแน่นอน การได้คุยกับเด็กๆทั้งสองฝ่าย หาจุดกึ่งกลางร่วมกัน คือเรื่องที่ควรทำเป็นอันดับแรก เพราะจากนี้ไปไม่ควรจะมีการแบ่งแยกว่านี่ลูกของฉัน นั่นลูกของเธออีกต่อไป มีแต่ลูกของเราเท่านั้น หากลูกๆเริ่มโตพอที่จะแสดงความคิดเห็นแล้ว อย่าลืมที่จะถามความเห็นจากเขาเป็นสิ่งแรกเสมอ

  • อย่ามองหาใครเพื่อมาเติมเต็ม

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงินหรือเรื่องทางใจ ไม่แปลกที่คนเราจะต้องการใครสักคนให้เป็นที่พึ่งพิง แต่นั่นไม่ควรเป็นเหตุผลหลักในการรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต หากทำเช่นนั้นแล้วคุณกับลูกจะเป็นฝ่ายที่ต้องพึ่งพิงเขามากเกินไป อาจจะทำให้ต้องมองข้ามการกระทำบางอย่างที่ไม่ดีของเขา หรือแม้แต่ข้อเสียที่จะส่งผลกระทบต่อลูกด้วย ต้องอย่าลืมว่าเราไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีลูกเราอีก ดังนั้นเราจึงต้องเป็นคนกรองทุกอย่างที่จะเข้ามาในครอบครัว เพราะลูกยังไม่โตพอที่จะกรองสิ่งเหล่านี้ได้เอง

  • การยอมรับของครอบครัว

หากทาครอบครัวของเขาหรือคุณเองไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์นี้ การฝืนเดินหน้าต่อไปอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะคุณเองจะต้องพยายามหนักมากที่จะให้ครอบครัวของเขาเปิดใจ และลูกของคุณก็อาจจะไม่ได้รับความเมตตาเอ็นดูเท่าที่ควร ไม่เป็นผลดีต่อทั้งตัวคุณและลูกเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูวิธีการรับมือกับปัญหานี้ของคนกลางเขาด้วย ว่ามีวิธีจัดการกับปัญหานี้อย่างไรได้บ้าง

  • เงินทองไม่เข้าใครออกใคร

เรื่องเงินทองเป็นของบาดใจ ไม่ว่าจะตกลงกันไว้อย่างไรหลังคุณแต่งงานใหม่ ฝ่ายคุณแม่ต้องหาลู่ทางที่จะมีรายได้เป็นของตัวเองแม้ว่าจะไม่ได้ออกไปทำงานประจำก็ตาม ในเรื่องค่าใช้จ่ายของลูกก็เช่นกัน ต้องจัดสรรปันส่วนความรับผิดชอบให้ดี รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นๆภายในบ้านด้วย และจะต้องไม่ลืมที่จะเก็บเงินฉุกเฉินไว้ก้อนหนึ่งด้วย

  • อย่าสองมาตรฐาน

อาจจะมีพฤติกรรมบางอย่างที่คุณสอนไม่ให้ลูกคุณทำ แต่คุณก็ต้องไม่ให้คนใหม่ของคุณทำในสิ่งเดียวกันด้วย เพราะมันมีผลมากในการสอนเด็ก ลูกอาจจะฟังคำสั่งของคุณ ยอมที่จะงดเว้นการกระทำนั้น แต่เขาจะมีความสงสัยอยู่ตลอดและท้ายที่สุดเขาจะเริ่มลองทำ หรืออย่างแย่ เขาจะรู้สึกว่าคุณทำตัวสองมาตรฐานเขากับ ทำไมเขาถึงทำในสิ่งนั้นไม่ได้ ในขณะที่พ่อหรือแม่ใหม่กลับทำได้ ไม่โดนคุณห้ามหรือว่า ยิ่งจะเป็นปัญหาที่หนักขึ้นกว่าเดิมไปอีก

  • ห้ามพากันรุมเมื่อลูกทำผิด

การที่คุณพ่อหรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจะมีคนรู้ใจใหม่ ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งก็ว่าได้ หากเขาจะทำตัวมีปัญหาเล็กๆน้อยๆในช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ไม่ควรทำคือเมื่อลูกทำผิดแล้วรุมกันดุว่าลูกหรือทำโทษ เพราะเด็กที่ยังไม่เข้าใจจะยิ่งมองพ่อใหม่แม่ใหม่ในแง่ลบไปกว่าเดิม เขาจะยิ่งคิดว่านี่แหละ แม่เลี้ยงใจร้าย ควรเพิ่มการคุยกับลูกให้มากขึ้น หรือลองปรึกษานักจิตวิทยาสำหรับเด็กก็เป็นทางออกที่ดี

คุณพ่อคุณแม่ต้องคัดกรองคนดีๆ เพื่อให้ลูกเปิดใจอย่างไม่มีปัญหา
คุณพ่อคุณแม่ต้องคัดกรองคนดีๆ เพื่อให้ลูกเปิดใจอย่างไม่มีปัญหา

พ่อแม่จะมีแฟนใหม่ จะพูดกับลูกยังไงดี?

หลักการในการแจ้งข่าวเรื่องนี้แก่ลูก ให้ขึ้นอยู่กับอายุของเด็กเป็นหลัก ตามที่เขียนไปในหัวข้อข้างต้นแล้วว่า เด็กเล็กมักจะรับอะไรได้ง่ายโดยไม่มีปัญหามากนัก กลับจะเป็นเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยมากกว่าที่พ่อแม่จะต้องคิดเยอะก่อนที่จะตัดสินใจมองใครใหม่ หรือจะแจ้งข่าวนี้แก่เขา

เด็กในช่วงก่อนวัยรุ่นหรือที่เป็นวัยรุ่นแล้วจะให้ความสนใจกับตัวเอง สนใจเรื่องความรัก และเรื่องอนาคต หากการที่จะมีใครใหม่มาเป็นสมาชิกในครอบครัว เขาจะเริ่มคิดมากกว่าคนๆนั้นจะส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เขาสนใจอย่างไรบ้าง ในแง่ความเป็นตัวของเขาเอง เขาก็จะกังวลว่าพ่อใหม่หรือแม่ใหม่จะมาบังคับหรือกะเกณฑ์การแสดงออกต่างๆของเขาหรือเปล่า เช่น รสนิยมการแต่งตัวหรืออัตลักษณ์ทางเพศของเขา ในเรื่องความรัก เขาย่อมจะสัมผัสได้ว่าพ่อแม่ใหม่นั้นรักเขาหรือปรารถนาดีต่อเขาอย่างจริงใจหรือไม่ และเรื่องอนาคตของเขาเอง พ่อแม่คนใหม่จะมีส่วนในการตัดสินใจหรือร่วมวางแผนมากน้อยเพียงใด เขาจะได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบมั้ย ไหนจะยังเรื่องการเงินที่จะต้องใช้ส่งเสียเขา ยิ่งถ้าพ่อแม่คนใหม่ก็มีลูกพ่วงมาด้วย เรื่องการเงินก็ยิ่งเป็นประเด็นที่ซีเรียสมากขึ้นไปอีก

ในอีกมุมหนึ่ง หากพ่อหรือแม่แท้ๆของเด็กยังมีชีวิตอยู่และเขาได้มีโอกาสไปมาหาสู่กันพอสมควร แต่ตัวเด็กอยู่กับคุณเป็นหลัก เขาก็อาจจะเกิดความสับสนได้ว่าจะต้องเชื่อฟังคำสอนหรือทำตัวตามความคาดหวังของใครมากกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพ่อแม่ใหม่กับพ่อแม่ตัวจริงของเด็กมีทัศนคติในการอบรมเลี้ยงดูที่ต่างกันมากแล้วละก็ ตัวเด็กจะยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีกเพราะคำสอนช่างตรงข้ามกันเหลือเกิน และหากวันใดเขานำเรื่องนี้ไปพูดกับพ่อหรือแม่ตัวจริงว่าแฟนใหม่พ่อ/แม่สอนแบบนั้นแบบนี้ เรื่องก็จะยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเด็กในวัยนี้จะคิดเยอะมากกว่าเด็กเล็กหลายเท่า เขาต่างกับเด็กเล็กที่จะรับอะไรได้ง่ายกว่า เพราะชีวิตในวัยเด็กเล็กยังไม่ต้องทำอะไรที่ซับซ้อนมากนัก

หากตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะเดินหน้าความสัมพันธ์กับใครสักคน พ่อแม่ควรหาเวลาแจ้งเรื่องนี้กับลูกอย่างเป็นกิจจะลักษณะ พูดกับเขาอย่างตรงไปตรงมาว่าจะเกิดอะไรขึ้น จากนั้นให้ความมั่นใจแก่เขาว่าเราจะยังใส่ใจเขาเหมือนเดิม ไม่ควรไปคาดหวังว่าเขาจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบหรือถ้ามีก็ต้องออกมาในเชิงบวก แต่ควรคาดหวังและเตรียมรับมือกับปฏิกิริยาที่รุนแรงไว้ก่อน เป็นธรรมดาที่เด็กบางคนจะเกิดความรู้สึกว่าจากนี้ไปตัวเองจะกลายเป็น "ส่วนเกิน" ต้องทำใจ พยายามที่จะลดความรู้สึกนี้ของลูกหากมันมีขึ้นจริง และอดทนให้ลูกได้ใช้เวลาในการปรับตัว

ไม่แปลกที่คุณจะคาดหวังว่าคนรักใหม่จะสามารถเข้ากับลูกๆของคุณได้ดี
ไม่แปลกที่คุณจะคาดหวังว่าคนรักใหม่จะสามารถเข้ากับลูกๆของคุณได้ดี

จะพาเขามาเปิดตัวกับลูกดีไหม?

หากคุณตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะเดินหน้าความสัมพันธ์กับคนๆนี้ อีกไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณและลูกอยู่ดี ไม่เป็นการเร็วไปหากจะแนะนำให้ลูกได้รู้จักกับเขา ข้อดีของการพามาแนะนำให้รู้จักกันคือ คุณจะได้เห็นสิ่งที่เขาแสดงออกกับลูกของคุณ รวมทั้งท่าที่ของลูกคุณที่มีต่อเขาด้วย สิ่งนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นว่าควรจะไปต่อหรือจะหยุดความสัมพันธ์ลงเพียงเท่านี้

การที่ให้เขาได้พบปะสร้างความคุ้นเคยกันบ้าง มันจะช่วยให้ง่ายขึ้นกว่าการที่อยู่ๆคุณก็บอกให้ลูกรู้ถึงการตัดสินใจของคุณ หากทั้งคู่สามารถไปด้วยกันได้ดี ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะบอกข่าวนี้แก่ลูก

อีกประเด็นที่สำคัญคือต้องฟังเสียงตอบรับของลูกด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่ความรักของคนสองคนอีกต่อไป ฟังเสียงของลูกว่าเขาชอบหรือไม่ ในการที่คุณจะเปิดใจให้ใครคนใหม่เข้ามาในชีวิตและมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว

ความรักความเข้าใจต่อลูกเป็นสิ่งที่สำคัญนะคะ Motherhood เชื่อว่าหากคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวพิจารณาเลือกคนอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว เขาคนนั้นย่อมจะเป็นคนที่ดีพอที่จะใช้ชีวิตร่วมกับลูกรักของเราได้อย่างแน่นอนค่ะ ไม่มีทางจะมีปัญหาว่าลูกไม่ชอบพ่อเลี้ยง ลูกเกลียดแม่เลี้ยง และตำนานของแม่เลี้ยงใจร้ายก็จะมีแต่ในละครน้ำเน่าเท่านั้น

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0