แม่เผยเหตุผล ให้พี่สาว "น้องชมพู่" โกหกว่าหลับ ในวันที่น้องหายตัว (คลิป)

แม่น้องชมพู่ เผยเหตุผล ให้ "สะดิ้ง" ลูกคนโตโกหกว่าหลับ ในวันที่น้องหายตัว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุ DNA อาจจะมี แต่ขาดความเชื่อมโยงถึงคนร้าย จึงต้องหาหลักฐานเพิ่ม

ยังคงเป็นประเด็นต่อเนื่องเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ"น้องชมพู่" ที่ผ่านมา 60 วันแล้ว ยังไม่มีการออกหมายจับคนร้าย ขณะที่คนในครอบครัวของน้องชมพู่ ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลต้องสงสัย ซึ่งเป็นคนในครอบครัวกันเอง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล

ความคืบหน้า ในรายการ "ถามตรงๆ กับจอมขวัญ" โดยพิธีกร จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ มีการพูดคุยเกี่ยวกับ ปริศนาการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า ยังไม่มีการออกหมายจับใครทั้งสิ้น ขณะที่ย้ำว่า คนที่เจ้าหน้าที่เรียกมาสอบสวนนั้น คนที่ถูกเรียกมา ไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะปิดข้อมูลของพยานให้

ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ นักวิชาการด้านอาชญาวิทยา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัย ก็คือผู้ต้องสงสัย แต่ยังไม่สามารถเอาผิดได้ จนกว่าจะมีหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งต้องชัดพอที่ศาลจะรับฟัง ปัญหาของคดีนี้คือ การปิดกั้นที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐานได้ไม่ดีพอ ทำให้ถูกทำลายโดยธรรมชาติ และมนุษย์ รวมถึงการส่งชันสูตรช้าเกินไป ทำให้เจออะไรที่ไม่สามารถมัดตัวผู้กระทำความผิดได้

ขณะที่การให้การในแต่ละครั้งที่ไม่ตรงกัน มีน้ำหนักต่อสำนวนมากขนาดไหน ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ระบุว่า การให้การของแต่ละคนที่ไม่ตรงกัน เป็นเรื่องของเทคนิคการสอบสวน แต่เราจะเอาผิดจากคำโกหก หรือข้อมูลเครื่องจับเท็จไม่ได้

เมื่อถามว่า ในเรื่องของความขัดแย้งของครอบครัว เท่ากับว่า ตอนนี้ผู้ต้องสงสัยที่เหลือจริงๆ เป็นคนในครอบครัวหรือไม่ ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ระบุว่า ตนเชื่อว่าไม่ เพราะตำรวจไม่อาจตัดข้อสงสัยให้เหลือแต่คนในครอบครัวได้ ซึ่งอาจจะมีเหตุอย่างอื่นก็ได้  ไม่มีใครบอกได้ว่าการเกิดเหตุจริงๆ เป็นอย่างไร

ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช เปิดเผยว่า เกี่ยวกับการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุว่า ปกติหลังเกิดเหตุต้องเก็บหลักฐานทันที แต่บางครั้ง เก็บไม่ได้ทั้งหมด ต้องย้อนกลับมาเก็บ จึงต้องกั้นพื้นที่เพื่อให้ปลอดการรบกวน ซึ่งนอกจากวัตถุพยานในที่เกิดเหตุแล้ว อาจจะต้องเป็นพยานที่เกี่ยวข้องแทน ซึ่งการจะสรุปอะไร ต้องรอหลักฐานให้ครบจริงๆ ถ้าไม่ครบ ก็ยังไม่สรุป 

เมื่อถามว่า สรุปแล้วตอนนี้หา DNA ผู้ต้องสงสัยเจอหรือยัง ผศ.นพ.วีระศักดิ์ ระบุว่า DNA ถือว่าเป็นหลักฐานที่เชื่อถือได้ 100% แต่การเก็บหลักฐานจาก DNA ไม่ได้ยากเย็น แต่ประเด็นคือวิธีการที่เก็บมาถูกต้องหรือไม่ ซึ่งบางครั้งยังไม่เพียงพอที่จะบอกได้ว่า คนผู้นั้นเป็นผู้กระทำความผิด แต่ถ้าเจอเส้นผม เส้นขน ในอวัยวะเพศ แบบนี้คือดิ้นไม่หลุด ซึ่งวันนี้ DNA อาจจะมี แต่จะเชื่อมโยงกับหลักฐานว่า คนผู้นี้เป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่ ดังนั้นเราจะต้องพึ่งแนวทางการสืบสวน สอบสวน เพื่อเชื่อมโยงไปให้ถึงผู้กระทำความผิด แต่ถ้ายังยืนยันไม่ได้ ก็ต้องหาพยานอื่นๆ มาประกอบไปเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า ในทางอาชญาวิทยา การทำให้สงสัยกันเอง ลักษณะแบบนี้เป็นวิธีการทำให้ได้ตัวคนร้ายหรือไม่ ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ระบุว่า ก็เป็นเทคนิคหนึ่งในการสอบสวน ซึ่งก็มี 2 ทีม แต่เมื่อก่อนไม่มีสื่อ โซเชียล กองเชียร์ แต่จะเรียก 2 ฝ่ายมาโรงพัก แล้วแยกสอบ บอกว่าอีกฝ่ายบอกแบบนั้นแบบนี้ แต่ในปัจจุบันพอมีองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาปั่น กลายเป็นดราม่า ตนเชื่อว่า ไม่ได้เป็นผลดี ซึ่งตำรวจแม้จะทำงานอย่างเต็มที่ แต่เชื่อว่าน่าจะทำงานด้วยความอึดอัด ยาก และไม่ทันใจกองเชียร์ทั้งหลาย

ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตอนนี้จากการพูดคุยกับแม่น้องชมพู่ แม่ยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนให้น้องพูดว่าหลับในวันที่น้องชมพู่หายตัว เพราะไม่อยากให้คนร้ายรู้ว่ารับรู้หรือเห็นอะไร ซึ่งหลังจากน้องหายประมาณ 5 วัน ตำรวจได้นำมือถือน้องไปตรวจสอบ ทำให้รู้ว่า มีการเล่นโซเชียลฯ ตลอดเวลา ตั้งแต่ 09.00-09.49 น. ทำให้รับรู้มาตลอดว่า น้องไม่ได้หลับ แต่ก็อยากให้ปล่อยเลยตามเลย เพราะกลัวว่าน้องจะมีอันตราย ถ้าคนร้ายรู้ว่าน้องไม่ได้หลับ 

ผศ.นพ.วีระศักดิ์ เผยว่า จากที่นักข่าวรายงานว่า ตำรวจทราบอยู่แล้วว่า น้องไม่ได้หลับ เท่ากับว่า จริงๆ ตำรวจ และแม่รู้อยู่แล้ว แต่แม่ได้สื่อสารให้คนอื่นทราบเท่านั้น ซึ่งตนเชื่อว่าไม่มีผลทางคดี ขณะที่ในทางอาชญาวิทยา จะทำให้แม่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่ ผศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ยืนยันว่า ไม่.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

• พ่อเคลียร์ข้อสงสัยชาวโซเชียล น้องชมพู่ ลูกใคร ทัวร์ลง น้าแต ถามแหวนไปไหน
• มือปราบหูดำ เชื่อพี่สาวน้องชมพู่ คือพยานสำคัญ รอจิ๊กซอว์จับคนร้าย
• สรุป ชายเร่ร่อน ผู้ต้องสงสัยคดีน้องชมพู่ "ป่วยจิตเวช" ต้องรักษาก่อน

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath