จากกรณีมีการแชร์คลิปเด็กนักเรียนหญิง 3 คน ถูกผู้ปกครองของนักเรียนหญิงชั้นเดียวกันรุมทำร้าย ต่อหน้าตำรวจที่อำนวยความสะดวกหน้าโรงเรียน ตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายเป็นเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งที่จ.ราชบุรี ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายเคยมีเรื่องตบตีกับลูกสาวของกลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่ฝ่ายตรงข้ามแพ้จึงโทรศัพท์ฟ้องแม่ให้มาแก้แค้น
วันที่ 11 พ.ย. 62 นางออย (นามสมมติ) แม่ของ น.ส.แยม ผู้เสียหาย บอกว่า ตนเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ที่อยากจะช่วยลูก แต่ในมุมของตนเด็กทะเลาะกัน ควรให้เด็กเคลียร์กันเอง รับไม่ได้ที่ผู้ใหญ่รุมตบลูกสาวตน ส่วนอีกฝ่ายควรยอมรับผลของการกระทำ หากต้องติดคุกเพราะมีคดีรอลงอาญาอยู่ ก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย และขอยืนยันว่าลูกสาวตนไม่ใช่คนแชร์คลิปลงในโลกโซเชียลเพื่อประจานอีกฝ่ายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่อง กลัวอีกฝ่ายจะใช้อิทธิพลข่มขู่ครอบครัวตน เพราะมีชายปริศนาขี่รถจยย.มาป้วนเปี้ยนแถวบ้าน
ด้าน นางพัช (นามสมมติ) ผู้ปกครองที่ตบเด็ก บอกว่า ลูกสาวตนไม่ได้ชี้เป้าให้เข้าไปตบ ตนรู้อยู่แล้วว่าเด็กเคยมีเรื่องกันมาก่อนแล้ว ซึ่งตนยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไป แต่สาเหตุที่ทำให้ต้องบุกไปตบเด็กถึงหน้าโรงเรียน เพราะเป็นห่วงลูกสาวหลังติดต่อลูกไม่ได้ และคาใจคำพูดของอีกฝ่ายที่พูดกับลูกสาวตนว่า “เลิกเรียนมึงเจอกัน” ทั้งนี้ ลูกสาวตนไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ส่วนบุคคลปริศนาที่ขับรถวนบ้านน้องแยม ตนไม่ได้สั่ง ไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาเพิ่ม แต่ยังคาใจคนที่ปล่อยคลิป อยากรู้ว่าเป็นใคร และมีเหตุผลอะไรถึงต้องทำให้ครอบครัวตนเสื่อมเสีย ไม่กังวลว่าตนจะติดคุกจากที่เคยมีคดีรอลงอาญาก่อนหน้านี้ เพราะเรื่องเกิดขึ้นแล้วจะให้ย้อนไปแก้ไขอะไรคงไม่ได้ หลังจากนี้ยืนยันว่าอยากให้เรื่องจบด้วยดี ต่างคนต่างอยู่
ขณะที่ น.ส.สาวสริตา พรชัย ครูที่ปรึกษา บอกว่า ทราบเรื่องมาระยะหนึ่งแล้วว่า เด็ก 2 คนนี้ มีปัญหาไม่ถูกกัน แต่ไม่เคยเห็นว่ามีปัญหาด่าทอ หรือลงไม้ลงมือกันในชั่วโมงเรียนที่ตนดูแลอยู่ จากประวัติแล้ว น้องแยม เคยถูกทำโทษ จากปัญหาทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในโรงเรียนจนถูกพักการเรียนไปแล้ว 2 ครั้ง จากการถูกยั่วยุ ฟังคำพูดปากต่อปากแล้วระงับอารมณ์ไม่ได้
ทั้งนี้ เด็กทั้ง 2 คนต่างฝ่ายต่างไม่มีปัญหาอะไรต่อกันแล้ว ยังสามารถเรียนอยู่ห้องเดียวกันได้ตามปกติ เพียงแต่เรื่องเลยเถิดมาจนกลายเป็นปัญหาของผู้ใหญ่
https://youtu.be/IYEVaV7dwlQ
https://www.youtube.com/watch?v=8KqTP0vvtLg
ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น (0)