โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

แฟลชม็อบไล่เผด็จการ ธนาธรลงถนนเดือนหน้า

ไทยรัฐออนไลน์ - Politics

อัพเดต 14 ธ.ค. 2562 เวลา 17.05 น. • เผยแพร่ 14 ธ.ค. 2562 เวลา 22.30 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ชู 3 นิ้ว-เปิดไฟมือถือส่งซิกรอวันวิ่งไล่ลุง กห.ขออย่าเชื่อยุยง! 7ฝ่ายค้านลุยแก้ รธน.

แนวร่วมแฟลชม็อบพรึ่บแน่นลานสกายวอล์ก ปทุมวัน ชู 3 นิ้ว เปิดไฟมือถือตะโกนไล่เผด็จการออกไป “ธนาธร” ข่มขวัญ “ประยุทธ์” อย่าเพิ่งกลัวนี่แค่ซ้อมใหญ่ เดือนหน้าได้ลงถนนแน่ ส่งซิกกองเชียร์ซ้อมไว้ได้แล้วรอวิ่งไล่ลุง “ปิยบุตร” ชี้ถึงจุดเริ่มต้นแสดงพลังต่อต้านการปกครองระบอบ คสช. 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านลงนามสัตยาบันร่วมใจแก้ รธน.ตั้งวงเสวนาใน มธ. “เสี่ยเอก” ปลุกรื้อ รธน.คือทางรอดเดียว ลั่นจะแก้ด้วยเลือดหรือยินยอมพร้อมใจ เปรยของขวัญปีใหม่คนไทยจะมีความสุขที่สุด “บิ๊กตู่” ลาออกจากนายกฯ “เสรีพิศุทธ์” จองสอยนายกฯตู่ตกเก้าอี้ “วันนอร์” ขอคนไทยเป็นกำแพงพิงหลัง หน.อนค.ผู้นำทวงคืนประชาธิปไตยสับ รธน.เลวๆเลือกตั้งฉ้อฉลแจกกล้วยซื้อ ส.ส. บิ๊ก บช.น.สั่งเช็กข้อ ก.ม.หาช่องฟันผิด พปชร.อัดเห็นแก่ตัวจุดไฟขัดแย้ง โฆษก กห.เตือนอย่าหลงเชื่อยุยงปลุกปั่น

พรรคฝ่ายค้านจัดเสวนารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยหัวหน้า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านลงสัตยาบันร่วมใจแก้รัฐธรรมนูญ ปลุกกระแสประชาชนเป็นกำแพงให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่พิงหลัง เป็นผู้นำต่อสู้ทวงคืนประชาธิปไตย ขณะที่กิจกรรมแฟลชม็อบบริเวณลานสกายวอล์ก ย่านปทุมวัน ได้รับเสียงตอบรับเนืองแน่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเช็กข้อกฎหมายเตรียมพร้อมดำเนินคดี

บช.น.ดูข้อ ก.ม.ฟันม็อบ “ธนาธร”

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ธ.ค.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น. ตำรวจสันติบาล ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กเชิญชวนประชาชนนัดรวมพลหรือแฟลชม็อบที่สกายวอล์ก ปทุมวัน พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องไปศึกษาประเด็นข้อกฎหมาย เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการทำหนังสือแจ้งการชุมนุม จึงให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาอยู่ว่า หากถึงวันเวลาชุมนุมจริงแล้วยังไม่แจ้งมาจะเป็นความผิดหรือไม่ อย่างไรผู้เข้าร่วมชุมนุมไม่สามารถประเมินได้เพราะเชิญชวนผ่านโซเชียลมีเดีย แต่ตำรวจพร้อมดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย หากมีการกระทำผิดกฎหมายต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ชุมนุมฯ ต่างจังหวัดได้รับรายงานว่าที่ จ.เชียงใหม่ มีการชุมนุมลักษณะเดียวกันสั่งการให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงค์สุข ผบช.ภ.5 ดูข้อกฎหมายการชุมนุมอย่างเคร่งครัดเช่นกัน

เด็ก พปชร.บี้ย้ายสถานที่ชุมนุม

ที่ สน.ปทุมวัน เมื่อเวลา 10.00 น. นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้ายื่นหนังสือเพื่อให้ย้ายสถานที่จัดกิจกรรมแฟลชม็อบชุมนุมบนทางเดินสกายวอล์ก ปทุมวัน เวลา 17.00-18.00 น. มี พ.ต.ต.สมพร อุทัยวรรณ์ สว. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน รับเรื่อง นายสนธิญากล่าวว่ามายื่นคำร้องไม่ได้ห้ามไม่ให้ชุมนุม แต่ต้องการให้ย้ายสถานที่ชุมนุมไปที่โรงยิมเนเซียมหรืออาคารสนามกีฬาในร่ม 1 ศูนย์กีฬาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ห่างกัน 100 เมตร บนสกายวอล์กอาจรบกวนผู้สัญจรไปมา หากเริ่มต้นชุมนุมด้วยการลิดรอนสิทธิผู้อื่นคงไม่เหมาะสม ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ มาตรา 7 ห้ามไม่ให้ชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานในรัศมี 150 เมตร ประกอบมาตรา 8 ห้ามไม่ให้ชุมนุมกีดขวางทางเข้าออก มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือทั้งจำ ทั้งปรับ กลุ่มนายธนาธรมีทีมกฎหมายที่ดี น่าจะทราบ ให้นึกถึงสิ่งที่ตามมาว่าจะเป็นเช่นใด หากรวมตัวกันบนสกายวอร์กจะมาแจ้งความเอาผิดภายหลัง จากนั้น พ.ต.ต.สมพรได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ส่วนฝ่ายนายธนาธรที่นัดจัดกิจกรรมแฟลชม็อบยังไม่มีผู้ใดมาแจ้งหมายและรายละเอียดที่ สน.ปทุมวัน

“ธนกร” ซัดเห็นแก่ตัวจุดไฟขัดแย้ง

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยและไม่สบายใจอย่างยิ่ง จะนำไปสู่ความขัดแย้งอีก หากการชุมนุมบานปลายใครจะรับผิดชอบ การกระทำของนายธนาธรเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวที่สุด คำนึงถึงประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก บ้านเมืองสงบมานาน ประชาชนกำลังมีความสุข ยิ่งใกล้จะปีใหม่ ทำไมต้องมาเคลื่อนไหวอีก ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่นำปัญหาต่างๆเข้าสู่สภาฯมาตลอด ยืนยันจะไม่มีการปลุกม็อบลงถนน แต่วันนี้นายธนาธรกลับออกมาปลุกระดม จะนำไปสู่ปัญหาเหมือนในอดีตทำให้บ้านเมืองเสียหาย เราได้เห็นความเสียหายย่อยยับที่ฮ่องกงมาแล้ว บริเวณดังกล่าวมีการจัดคอนเสิร์ต เสมือนจงใจจัดชุมนุมใกล้ๆเพื่อโมเมว่าคนเข้าร่วมชุมนุมจำนวนมากหรือไม่ ไม่อยากเห็นการใช้มวลชน จนถูกมองว่ากดดันศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่

“ทยา” อัด อนค.ไม่รอบคอบเอง

เมื่อเวลา 12.00 น. นางทยา ทีปสุวรรณ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.อดีต กปปส.และภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โพสต์เฟซบุ๊กว่า “วันนี้คุณธนาธรชวนคนไปรวมตัวเพื่อใคร เพราะอะไรไม่ได้เดินเข้าสภาฯตามฝันสาเหตุโอนหุ้นไม่ทัน เพราะ กกต.สั่งฟ้องกรณีปล่อยกู้ให้พรรค ผิดมาตรา 72 และมีโอกาสโดนยุบพรรค พยายามบอกสังคมว่ามาลงถนนต่อสู้กับระบบที่มันบิดเบี้ยว มันไม่บิดเบี้ยวหรอก หากคุณและทีมงานรอบคอบในเรื่องกฎหมายมากกว่านี้ คนกำลังคิดจะไปร่วมกิจกรรม ถามตัวเองก่อนว่าทำเพื่ออะไร อย่าตกเป็นเครื่องมือของใคร”

ปชป.ติงไม่ควรใช้ ปชช.มาช่วยสู้คดี

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายธนาธรเชิญชวนคนมาร่วมชุมนุมแสดงพลังว่า ไม่เห็นด้วย ไม่เป็นผลดีกับประเทศ ทุกฝ่ายอย่ามุ่งเอาชนะคะคานกันจนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของประเทศที่กำลังก้าว ไปข้างหน้า คนที่ถูกฟ้องคดีไม่มีใครคิดว่าตัวเองได้รับความเป็นธรรม แต่สิ่งหนึ่งที่นักสู้ต้องทำคือนำความจริงสู้ในศาลรัฐธรรมนูญ มีขั้นตอนพิสูจน์อีกมาก ทั้งการตรวจรับคำร้อง กกต.หรือไม่ เมื่อรับต้องให้พรรคอนาคตใหม่ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาใน 15 วันขยายได้อีก หากนำกระแสภายนอกมาปลุกเร้ากดดันศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายและต่อประเทศ ประเด็นคดีนี้ไม่สลับซับซ้อนพิสูจน์ว่าเป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมายจะไม่เข้าองค์ประกอบกฎหมาย ไม่ควรใช้ประชาชนมาเป็นองค์ประกอบการต่อสู้คดี

“เทพไท” ตีเหล็กตอนร้อนจี้เร่งแก้ รธน.

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวนอกสภาฯ น่าจะเคลื่อนไหวการเมืองในสภาฯ ก่อน สังคมไม่อยากเห็นม็อบเสื้อสีส้มอีกครั้ง ความขัดแย้งในสังคม จมปลักอยู่กับความขัดแย้งเดิมๆ ที่ยืดเยื้อมานับสิบปี ทำลายโอกาสทุกสิ่งอย่าง อย่าปล่อยให้ใครหรือกลุ่มการเมืองใด จับเอาประเทศไทยเป็นตัวประกันทางการเมืองต่อไปอีกเลย ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยเตือนให้ระวังความขัดแย้งรอบใหม่ จะเกิดขึ้นด้วยเงื่อนไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จาก 2 ปัจจัยคือ 1.เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 60 ประเด็นที่มาการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ การแต่งตั้ง ส.ว.และการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาล 2.เกิดจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เปลี่ยนสถานะจากคนกลางมาเป็นคู่ขัดแย้ง จำเป็นอย่างยิ่งต้องถอดสลักความขัดแย้ง ด้วยการเร่งผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ญัตติการตั้งคณะ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ อยู่ระหว่างพิจารณาของสภาฯ

“อ้วน” ติงอย่าห่วงน้ำผึ้งหยดเดียว

เมื่อเวลา 13.45 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวถึง การจัดแฟลชม็อบที่สกายวอล์ก ปทุมวันว่า เป็นการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นสิทธิเสรีภาพที่กฎหมายคุ้มครองอยู่ อยากให้รัฐบาลมองอย่างเข้าใจ อย่ามองประชาชนเห็นต่างเป็นศัตรู มีหลายสิ่งที่รัฐบาลควรทำ ไม่ควรทำและทำเกินเลยจนเป็นสองมาตรฐาน หาก ส.ส.พรรคเพื่อไทยเข้าร่วมทำได้ หากแสดงออกโดยสันติภายใต้กฎหมาย ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มองว่าจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว คงเป็นความห่วงใยของนายกฯแต่เรื่องที่จะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวได้ยังมีเรื่องอื่นๆอีกมาก นายกฯไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ เชื่อว่าจะเป็นการชุมนุมอย่างสันติ ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุการที่พรรคเพื่อไทยจะไปช่วยพรรคอนาคตใหม่สู้คดียุบพรรค อาจเป็นการครอบงำพรรคการเมืองนั้น นายวิษณุเคยชินกับรัฐบาลและการเป็นผู้ปกครองมากเกินไป คิดลบเกินไป เราห่วงใยกันในฐานะเป็นพรรคการเมือง อะไรแนะนำได้ต้องทำ

“ธนาธร” โต้โชว์พลังคนไม่ยอมถูกกดหัว

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดแฟลชม็อบว่าเป็นการจัดกิจกรรมชวนประชาชนที่ไม่พอใจต่อระบอบการสืบทอดอำนาจของ คสช.ออกมาแสดงตน และแสดงพลังเพื่อให้เห็นหัวประชาชนบ้าง ขอให้ออกมาแสดงพลังร่วมกันว่าประชาชนเป็นผู้ทรงสิทธิในระบอบประชาธิปไตย พวกเขาจะทำงานโดยไม่เห็นหัวประชาชนต่อไปอีกไม่ได้ จะใช้เวลาไม่นานประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อถามว่า มีการจัดแสดงคอนเสิร์ตย่านสยามจะอาศัยกลุ่มคนที่มาร่วมคอนเสิร์ตอ้างเป็นพลังแฟลชม็อบหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า เราไม่ได้คิดขนาดนั้น คิดว่าเป็นสถานที่สาธารณะประชาชนเดินทางมาได้สะดวก ที่หลายฝ่ายกังวลจะเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้ง มองว่าคนที่นำการเมืองมาสู่ยุคนี้ และต้นตอความขัดแย้งไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นกลุ่มคนที่ยึดอำนาจมาตั้งแต่ปี 2557 และไม่ยอมจะให้ระบบรัฐสภาเดินหน้าไปอย่างปกติ คนที่ทำให้สังคมขัดแย้งคือกลุ่มคนที่สืบทอดอำนาจ คสช. ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุว่าเอาเรื่องส่วนตัวมาปลุกกระแส ขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของพรรคอนาคตใหม่ แต่เป็นการเชิญชวนประชาชนที่ไม่อยากถูกกดหัวจากระบบการสืบทอดอำนาจจาก คสช. มาแสดงตนและแสดงพลัง จึงเป็นเรื่องอนาคตของสังคมและพวกเราทุกคน

แฉมีกลุ่มจัดตั้งหวังให้เกิดเผชิญหน้า

เมื่อถามว่า การประกาศต่อสู้ทุกรูปแบบทั้งในและนอกสภาฯ กังวลจะทำให้วุ่นวายเหมือนอดีตหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า การชุมนุมแสดงจุดยืนทางการเมืองในที่สาธารณะ เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ได้รับรองในรัฐธรรมนูญ เป็นการชุมนุมแสดงตัวอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างสร้างสรรค์และสันติ แต่อาจมีกลุ่มคนที่ถูกจัดตั้งมาทำให้เกิดการเผชิญหน้า ความเกลียดกลัว และการเผชิญหน้าเป็นเงื่อนไขของการดำรงอยู่ของเผด็จการ ถ้าประชาชนไม่เกลียดกลัวกันเอง ไม่ขัดแย้งกันเอง พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะดำรงอยู่ ความเกลียดกลัวที่เราเห็นไม่ใช่การเกลียดกลัวกันเองที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เป็นการเกลียดชังที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างจงใจด้วยระบอบ คสช.เพื่อใช้เป็นข้ออ้างสืบทอดอำนาจ ขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล อย่าให้เกิดความรุนแรง อย่าไปหลงเชื่อคำว่าบอกว่าการชุมนุมคือความวุ่นวายหรือความรุนแรง

กร้าวนับหนึ่งยกแรกการต่อสู้

เมื่อถามว่า การชุมนุมครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ที่ผ่านมาความขัดแย้งยังไม่ได้หมดไป มันจบไปแล้วหรือไม่จบ และจะไม่จบจนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา ได้ข้อตกลงว่าจะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างไรกลับคืนมา ใครที่คิดว่า 5 ปีที่ผ่านมา คือความสงบมันไม่ใช่ ที่ผ่านมาคือการกดขี่ไม่ใช่ความสงบ ความขัดแย้งไม่ได้หมดไปจนกว่าเราจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ทุกฝ่ายในสังคมเห็นด้วย เมื่อถามว่า การแสดงพลังครั้งนี้จะเป็นยกแรกในการต่อสู้นอกสภาฯ นายธนาธรยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ครั้งที่หนึ่ง”

เปิดวงเสวนาแกนนำพร้อมหน้า

ต่อมาเวลา 14.30 น.ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดเสวนา “พรรคการเมืองร่วมใจแก้ไขรัฐธรรมนูญ” มีหัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ก่อนร่วมวงเสวนานายธนาธร ได้เดินไปดูป้ายกิจกรรมที่ตั้งอยู่บริเวณหน้างานเสวนา ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 นายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้เข้ามามอบกล้วยพร้อมงูยางให้แก่นายธนาธร เพื่อเรียกร้องให้จัดการกับ ส.ส.งูเห่าในพรรค ระบุว่านายธนาธรไม่มีกล้วย จึงเอากล้วยมาให้

7 พรรคฝ่ายค้านลงสัตยาบันแก้ รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มต้นการเสวนา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กล่าวนำให้สัตยาบันต่อการลงแรงและร่วมใจแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อประชาชน โดยยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และร่วมกับทุกภาคส่วนของสังคม อาทิ นักวิชาการ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และองค์กรต่างๆ เพื่อนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญที่สอดคล้องเจตนารมณ์ และแก้ปัญหาให้ประชาชน โดยหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านทั้งนายสมพงษ์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และนายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ร่วมลงนามในสัตยาบันดังกล่าว

ขยี้ 250 ส.ว.คือปัญหา รธน.ปี 60

นายสมพงษ์กล่าวว่า ความจำเป็นที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เพราะปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง 6 เดือนที่ผ่านมา เกิดจากความพยายามสืบทอดอำนาจและเขียนเนื้อหาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันสร้างความฉิบหายให้ประชาชน แม้ที่ผ่านมารัฐบาลเชื่อมั่นว่าภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ต่างชาติให้ความเชื่อมั่นด้านการค้า แต่ยังไม่พบการลงนามเพราะต่างชาติต้องการพิสูจน์ว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยเป็นของจริงหรือไม่ สำหรับประเด็นที่เป็นปัญหาของรัฐธรรมนูญ คือ ส.ว. จำนวน 250 คน ที่มาจากการแต่งตั้ง แผนยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งตนไม่เห็นด้วยที่จะให้ใช้เป็นกฎหมาย แต่สนับสนุนให้ใช้เป็นแนวทางเท่านั้น ขอเรียกร้องไปยังสังคมทุกภาคส่วนร่วมประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนให้เข้าใจต่อกระบวนการร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญจากความร่วมมือของประชาชนและขอให้รัฐบาลสละเงินเพื่อทำประชามติ เมื่อถึงเวลาทำประชามติตนขอเสียงประชาชนที่ร่วมออกเสียงให้เป็นคะแนนเสียงแบบถล่มทลาย และขอให้กำลังใจต่อนายธนาธรที่พร้อมจะต่อสู้ในรูปแบบอื่นๆต่อไป ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตหากพรรคเพื่อไทยช่วยเหลือพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทยอาจถูกยุบ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่เคยกลัวเพราะเมื่อมาด้วยกันต้องไปด้วยกัน

“ธนาธร” ปักหมุดแก้ รธน.ทางรอดเดียว

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กล่าวตอนหนึ่งว่าขอบคุณพรรคร่วมฝ่ายค้าน และประชาชนทุกคนที่ให้กำลังใจโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคอนาคตใหม่มีแรงเดินหน้าต่อเพื่อตอบแทน ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับพรรคอนาคตใหม่ จะไม่ทรยศต่อแนวทางประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชน รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของระบบที่เหนี่ยวรั้งประเทศไทย พวกเขาพร้อมทำทุกอย่างโดยไม่สนว่าราคาที่สังคมต้องจ่าย คนที่ต้องจ่ายต้นทุนการสืบทอดอำนาจคือประชาชน ถ้าประชาชนไม่เกลียดชังกัน จะไม่มีข้ออ้างให้เขายึดอำนาจ หน้าที่เขาคือทำให้ประชาชนเกลียดชังกัน และยังทำให้ระบบรัฐสภาฯ พัง ทำให้ ส.ส.ทรยศประชาชนด้วยการแจกกล้วย ระบบถ่วงดุลองค์กรอิสระขาดหายไป ดังนั้นรัฐธรรมนูญต้องแก้ไข การมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นการบอกว่าเรามาเริ่มใหม่ หากฎกติกาเป็นกฎที่จะอยู่ร่วมกัน ยืนยันการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ในสังคมไทย

ลั่นจะแก้ด้วยเลือดหรือยินยอมพร้อมใจ

“การแก้รัฐธรรมนูญมีเพียงสองทางคือแก้ด้วยเลือด หรือแก้ด้วยการยินยอมพร้อมใจของทุกฝ่าย ถ้าฝ่ายผู้มีอำนาจไม่ยินยอม ไม่พร้อมผ่อนปรน ไม่พร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้เห็นต่าง ก็ไม่มีทางเลือกทำให้เราต้องเปิดพื้นที่การเมืองใหม่ๆ นี่คือเวลาแสดงจุดยืน ไม่ใช่เวลาเหนียมอาย ไม่ใช่เวลาเกรงอกเกรงใจ แต่ต้องแสดงจุดยืนทางการเมืองที่สำคัญคือหยุดการสืบทอดอำนาจเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อประชาชน”

ของขวัญปีใหม่ดีสุด “ประยุทธ์” ลาออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธรได้กล่าวทิ้งท้าย กรณีผู้มีอำนาจไม่อยากให้มีการชุมนุมเพื่อให้ความสงบเป็นของขวัญประชาชนว่า “ของขวัญปีใหม่ที่ทำให้ประชาชนคนไทยมีความสุขที่สุดคือคุณประยุทธ์ ลาออกจากการเป็นนายกฯ”

“เสรีพิศุทธ์” จะสอย “บิ๊กตู่” ตกเก้าอี้

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ที่นายธนาธรบอกการให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกไปเป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดนั้นตนกำลังทำอยู่ เพราะการถวายสัตย์ปฏิญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ เมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบไม่สามารถปฏิบัติราชการหรือทำหน้าที่ได้มันผิดไปหมด การเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจึงไม่ชอบ จึงนำเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาฯ และวันที่ 18 ธ.ค. จะเชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ชี้แจงเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ จากนั้นจะเชิญนายดิสทัต โหตระกิต เลขาธิการ ครม.และนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เมื่อตรวจสอบแล้วจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ภายในเดือน ม.ค.2563 ถ้าเขาไม่เบี้ยว พล.อ.ประยุทธ์อาจถูกปลดได้

“วันนอร์” ซัด รบ.ยัดพันบาทวางยา ปชช.

ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เหตุที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ 60 เพราะไม่ใช่ของเรา เขาเคยบอกว่ารัฐธรรมนูญเป็นของเขาเพื่อพวกเขา ทั้งที่รัฐธรรมนูญต้องเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของ คสช.โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและคณะ ถ้ายังใช้รัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตยจะยังเกิดปัญหาทั้งในและนอกสภาฯ รัฐบาลยังอยู่ได้เพราะให้ยานอนหลับประชาชนให้ 500 ให้ 1,000 พอหมดก็หิวต่อ ในสภาฯให้กล้วย ตราบใดที่ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทั้งประเทศยังเป็นเหยื่อ นายธนาธรเป็นหนึ่งในเหยื่อของขบวนการเผด็จการ การตัดสินนายธนาธรเอาหลักศีลธรรมไปไว้ที่ไหน ทำเหมือนนายธนาธรปล้นเงินเขามา ทั้งที่ทำมาหากินเสียภาษีให้แผ่นดิน ทำอย่างตรงไปตรงมากลับบอกว่าผิดกฎหมาย นี่คือความคิดของคนเป็นเผด็จการลืมศีลธรรมเอาอำนาจและคำสั่งเพื่อทำลายอีกฝั่งที่ไม่ใช่ฝั่งตน ประชาชนต้องเป็นหลัก วันนี้นายธนาธรอาสาเป็นผู้นำ ทั้งที่เขาอยู่สบายอยู่แล้วไม่ต้องมาลำบาก แต่มาสู้วันนี้เพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ถ้าประชาชนเห็นแก่ 500 หรือ 1,000 ก็อยู่กันแบบนี้

ปลุกเป็นกำแพงพิงหลังนักสู้เพื่อ ปชต.

นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่าอยากให้ประชาชนเป็นกำแพงให้นายธนาธรได้พิง อย่าคิดว่านายธนาธรสู้เพื่อพรรคอนาคตใหม่ แต่สู้เพื่อประชาธิปไตยเพื่อคนทั้งประเทศ นายธนาธรจะชนะหรือแพ้หรือติดคุกย่อมเกิดขึ้นได้ แต่เผด็จการจะไม่มีวันชนะประชาชน จึงอยากให้ประชาชนไม่ทิ้งผู้นำเพื่อความสำเร็จ เพราะถึงเวลามีผู้นำแต่ไม่มีผู้ตามก็ไม่เคลื่อนไปข้างหน้า หรือมีผู้ตามแต่ไม่มีผู้นำเช่นกัน ถึงเวลาประชาชนแล้ว แม้จะมีรัฐธรรมนูญ มีการเลือกตั้งแต่ยังไม่ใช่ประชาธิปไตย ต้องมีรัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนจึงจะเป็นประชาธิปไตย

สับ รธน.เลว–ลต.ฉ้อฉล–แจกกล้วยว่อน

“รัฐธรรมนูญประยุทธ์ โดยมีชัย เพื่อ คสช.ไม่ใช่ของประชาชน เรารับไม่ได้ ระบบการเลือกตั้งแบบนี้ต้องการสืบทอดอำนาจ เสียงปริ่มน้ำก็เอากล้วย มาแจก เลวร้ายที่สุดคือเอาตัวเลขมาซื้อ ถ้าได้เห็นตัวเลขจะตกใจ ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจขอให้ประชาชนติดตามดูรัฐธรรมนูญเลวๆ ไม่เป็นประชาธิปไตย และการเลือกตั้งที่ฉ้อฉล ซื้อนอกและในสภาฯจะเป็น ประชาธิปไตยได้อย่างไร จึงอยากให้ประชาชนสู้เพื่อให้ได้ประชาธิปไตยเพื่อประชาชน โดยประชาชน ของประชาชน” หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าว

ไม่รื้อ รธน.เป็นทาสชั่วลูกชั่วหลาน

ขณะที่นายสงครามกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ขนาดเขาเป็นคนเขียน เป็นคนทำ ก็ยังทำผิดกฎหมายโดยตลอด เช่น การเสนองบประมาณต้องรู้แหล่งที่มาของเงิน เขาไม่เคยพูดถึง แต่ก็ทำได้ ถ้าเป็นพวกเราป่านนี้ติดคุกไปแล้ว ถ้าพวกเราไม่ร่วม แรงร่วมใจกัน ลำพังแค่นักการเมืองเองไม่สำเร็จ ดังนั้น ทุกคน ทุกฝ่ายที่รักประชาธิปไตยที่เสียสิทธิ์ต้องออกมาช่วยกันจะได้สำเร็จ ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญ เราจะ เป็นทาสตลอดไป

แจกปฏิทิน “ทักษิณ–ยิ่งลักษณ์”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างจัดเสวนาด้านนอก ห้องประชุมคณะนิติศาสตร์ มีผู้นำปฏิทินปีใหม่ 2563 ที่มีรูปนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาแจกจ่ายกันด้วย โดยหลายคนต่างแสดงความชื่นชอบและถ่ายภาพร่วมเป็นที่ระลึก ข้อความในสวัสดีปีใหม่ที่นายทักษิณเขียนว่า “สวัสดีปีใหม่ 2563 ปีนี้เศรษฐกิจจะไม่ดี ผมจึงขอฝากกำลังใจมายังพี่น้องทุกคนให้ฝ่าฟันให้ผ่านพ้นไปได้ สำคัญที่สุดคือสุขภาพและความรักความเข้าใจกันในครอบครัว อย่าสร้างหนี้ใหม่โดยไม่จำเป็น ผมและ ครอบครัวเคยผ่านภาวะแบบนี้มาแล้ว จึงขอฝากกำลังใจมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ด้วยความรักและห่วงใย” ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์เขียนว่า “สวัสดีปีใหม่ 2563 ค่ะ ปีใหม่ปีนี้ดิฉันขอส่งมอบความสุขและความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนชาวไทยให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ สามารถก้าวพ้นปัญหา อุปสรรคต่างๆไปได้ ขอให้ เจริญรุ่งเรืองในทุกสาขาอาชีพ มีสุขภาพพลานามัยที่ สมบูรณ์แข็งแรงนะคะ ด้วยความรักและคิดถึงเสมอค่ะ”

แนวร่วมแน่นสกายวอล์กชู 3 นิ้วไล่ รบ.

จากนั้นเมื่อเวลา 16.30 น. ที่ลานสกายวอล์ก ปทุมวัน พรรคอนาคตใหม่ ได้จัดกิจกรรม “เมื่อเสียง ที่พวกเราเลือกเข้าสภาไม่มีค่า ได้เวลาประชาชนออกมาส่งเสียงด้วยตัวเอง” นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค พร้อมทีม ส.ส.และแกนนำของพรรค อาทิ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยการนัดชุมนุมระยะสั้น มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมากนับพันคน จนทางเดินบนสกายวอล์ก ตั้งแต่สถานีรถไฟฟ้า สนามกีฬาแห่งชาติไปจนถึงหน้าห้าง MBK มาบุญครองแน่นขนัด โดยประชาชนที่เข้าร่วมต่างพร้อมใจกันชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว และพากันตะโกนส่งเสียงดังกระหึ่มว่า “ประยุทธ์ออกไป ประชาธิปไตยจงเจริญ เผด็จการออกไป ธนาธรสู้ๆ” อยู่เป็นระยะ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตำรวจหญิงจาก สน.ปทุมวัน ประมาณ 30 นาย พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลและเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงนอกเครื่องแบบ ร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นี่แค่ซ้อมใหญ่เดือนหน้าได้ลงถนน

นายธนาธรกล่าวปราศรัยกับผู้เข้าร่วมงานว่า กิจกรรมในวันนี้ ไม่ได้มีเพียงในกรุงเทพฯ ยังมีที่จ.เชียงใหม่ ลำพูน และ จ.สมุทรปราการ ที่มีพ่อแม่ พี่น้องประชาชนพร้อมจะลุกขึ้นมายืน และบอกผู้มีอำนาจว่า “กลัวที่ไหน” ด้วยกัน วันนี้เราไม่ได้มาเพื่อปกป้องพรรคอนาคตใหม่ แต่เรามาเพื่อปกป้องอนาคตของประเทศไทย วันนี้ถือเป็นการซ้อมใหญ่ เราต้องการส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจ เป็นการแสดงตนแสดงพลังว่า เราจะไม่ทน ไม่ถอยให้กับระบอบเผด็จการอีกแล้ว ที่ผ่านมาเขาทำให้เรากลัว ใครลุกขึ้นสู้ก็ถูกจับยัดคดีใส่ ถูกเรียกไปปรับทัศนคติ นี่คือการเมืองของเขา แต่เขาไม่มีทางชนะความหวังของพี่น้องประชาชนได้ อย่างตอนนี้ ถ้าไม่ให้ลงถนน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เพราะประชาชนที่มาร่วมแสดงตนมีเยอะมาก และเดือนหน้าเราจะได้ลงถนนกันแน่ๆ ให้ซ้อมวิ่งกันไว้ได้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์อย่าเพิ่งกลัว ของจริงอยู่เดือนหน้า

ชี้จุดเริ่มต้นโชว์พลังต้านระบอบ คสช.

นายปิยบุตรกล่าวว่า การปกครองรัฐบาลชุดนี้ เป็นการปกครองของระบอบ คสช. เป็นการปกครองที่ไม่เห็นหัวประชาชน ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ มีข้อยกเว้นให้ตัวเองได้เสมอ รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แก้ปัญหาปากท้องก็ไม่ได้ ระบบรัฐสภาพังพินาศ เพราะมีทั้งซื้องูเห่า แจกกล้วย โหวตแพ้แล้วไม่รู้จักแพ้ ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้นายทหารคณะนี้อยู่ในอำนาจเรื่อยๆ ถ้าวันนี้เราไม่ลุกขึ้นมาแสดงออก ว่ามีประชาชนคนไทยจำนวนมากที่เป็นคนรักชาติ และเราไม่ปรารถนา ให้คณะผู้ปกครองชุดนี้ได้อยู่ต่อไป วันนี้คือจุดเริ่มต้นของการแสดงพลัง แสดงออกให้พวกเขารู้ว่า ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้ เห็นหัวประชาชนบ้าง เรามารวมกันวันนี้ นี่คือการต่อสู้เพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน ปัญหาทุกอย่างของประเทศนี้ ไม่มีทางแก้ได้ถ้ารัฐธรรมนูญชุดนี้ยังอยู่ ไม่มีทางแก้ไขได้ถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังอยู่

เปิดไฟมือถือไล่เผด็จการเตรียมวิ่งไล่ลุง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นแกนนำพรรคอนาคตใหม่ และ ส.ส.ของพรรคได้แยกย้ายพบปะประชาชนและถ่ายรูปกันตามจุดต่างๆ ประชาชนต่างตะโกนดังลั่นพร้อมกันว่า “ธนาธรสู้ๆ” พร้อมแสดงสัญลักษณ์ “ชู 3 นิ้ว” ต่อต้านระบอบเผด็จการ และนอกจากนี้ประชาชนยังร่วมเปิดไฟฉายโทรศัพท์มือถือพร้อมตะโกนขับไล่ “เผด็จการออกไป” ดังลั่น โดยกิจกรรมใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพียง 1 ชั่วโมงเศษ นายธนาธรไฮด์พาร์กสั้นๆราว 30 นาที ก่อนแยกย้ายลงไปพูดคุยกับประชาชนตามจุดต่างๆ ก่อนมีการเคารพธงชาติร่วมกันในเวลา 18.00 น. เสร็จสิ้นกิจกรรม ลงเมื่อเวลา18.20น.ประชาชนทยอยเดินทางกลับ แต่ยังมีประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมยังอยู่พบปะพูดคุยกันอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะมีการพูดถึงการนัดหมายเข้าร่วมกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ม.ค.63 โดยหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง ประเมินมีผู้สนับสนุนหนาแน่นนับพันคน

นศ.-คนเชียงใหม่ชุมนุมหนุน “เสี่ยเอก”

ที่ จ.เชียงใหม่ บริเวณลานข่วงประตูท่าแพซึ่งเป็น Landmark ของเมืองเชียงใหม่ได้กลุ่มนักศึกษาชื่อ “สมัชชาเสรีประชาธิปไตย” และประชาชนกว่า 300 คนเข้ามาร่วมกิจกรรมพร้อมเขียนข้อความแสดงความคิดเห็นลงบนผ้าสีขาว และชูป้ายเรียกร้องความยุติธรรมให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมถึงโชว์ปฏิทินรูปนายทักษิน ชินวัตร และ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีนายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย เขต 6 พรรคอนาคต-ใหม่กับนายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่เข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยการชุมนุม ครั้งนี้ทำควบคู่กับการรวมพลจัดกิจกรรมแฟลชม็อบที่บริเวณลานสกายวอล์ก แยกปทุมวัน กทม.ด้วย หลังจากทำกิจกรรมแล้วประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง กลุ่มผู้ทำกิจกรรมทั้งหมดได้สลายตัวกันไป โดยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น

“ศรีนวล” โดนแบนไม่ให้ร่วมกิจกรรม

นายพีรเดชเปิดเผยว่า กิจกรรมครั้งนี้เป็นเพียงการแสดงออกของประชาชนเท่านั้นไม่ได้เป็นการสร้างความรุนแรงแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นของประชาชนต่อรัฐบาล ส่วนกรณีของ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ที่ทำตัวเป็น ส.ส.งูเห่า ไปยกมือโหวตสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลนั้น ขณะนี้มีมติพรรคให้หยุดการเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคเป็นเวลา 3 เดือน และจะมีการหารือกันอีกครั้ง

ชาวลำพูนฉะเผด็จการพาชาติล่มจม

ส่วนที่ลานอนุสาวรีย์เจ้าแม่จามเทวี ต.ในเมือง อ.เมืองลำพูน เวลา 17.30 น. กลุ่มหนุ่มสาวและพลังบริสุทธิ์ที่รักประชาธิปไตยรวมตัวชูป้ายให้กำลังใจ กับพรรคอนาคตใหม่และเป็นกำลังใจให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในการต่อสู้กับเกมการเมือง ที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน รวมทั้งชาวบ้านทั่วไป ต่างจูงลูกจูงหลานมารวมตัวกันเพื่อขอพรให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูนอย่างวีรสตรีหนึ่งเดียวคือ เจ้าแม่จามเทวี ช่วยให้มีประชาธิปไตยและพรรคอนาคตใหม่ที่เรียกร้องประชาธิปไตยจงยืนหยัดต่อสู้กันต่อไป นอกจากนี้ ยังมีป้ายเขียนโจมตีรัฐบาลที่เป็นเผด็จการ ไม่เห็นหัวประชาชน ทำให้ประเทศชาติล่มจมลงไปทุกที หลังการชุมนุมเสร็จต่างแยกย้ายกันไปเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น.

ขอนแก่นชูป้ายท้า “กลัวที่ไหน”

ขณะที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายในศาล หลักเมืองขอนแก่น เขตเทศบาลนครขอนแก่น ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชนชาว จ.ขอนแก่น ที่ทราบข่าวการร่วมแสดงสัญลักษณ์จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้มีการนัดชุมนุมจัดกิจกรรมในหัวข้อ “เมื่อเสียงที่พวกเราเลือกเข้าสภาไม่มีค่า ได้เวลาประชาชนออกมาส่งเสียงด้วยตัวเอง” ด้วยการจัดกิจกรรมคู่ขนาน ด้วยการชูป้ายแสดงเชิงสัญลักษณ์ “กลัวที่ไหน” “ไม่ถอยไม่ทน” ที่เขียนขึ้นด้วยลายมือของผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกคน ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย ภายหลังจากนักศึกษาและประชาชนได้รวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมคู่ขนานด้วยการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการรวมตัวกันชูป้ายข้อความที่เขียนเตรียมไว้ จนได้เวลาพอสมควรจึงพากันสลายการจัดกิจกรรม โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรง

เชียงรายขยับเรียกคืนความถูกต้อง

วันเดียวกัน ที่สาขาพรรคอนาคตใหม่ ชุมชนร่องเสือเต้น ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย มี การจัดกิจกรรมเสวนาในหัวข้อ #กลัวที่ไหน มีนพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคอนาคตใหม่ พร้อมแกนนำและสมาชิกพรรคใน จ.เชียงรายเข้าร่วม โดย นพ. เอกภพ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่ เช่น การตัดสินให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค พ้นสมาชิกภาพ ส.ส. มีการกลั่นแกล้งหลายรูปแบบ พวกเราจึงต้องออกมาต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ที่ผ่านมา 4 ปี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งมา 1 ปี ยังไม่มีอะไรดีขึ้น แม้พรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบพรรค หรือคนของพรรคจะถูกกลั่นแกล้งอย่างไรก็ตาม จะมีคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นมาทดแทน เรื่องนี้คงยังจะอีกยาว คงไม่จบลงง่ายๆแน่นอน

โฆษก กห.เตือนอย่าหลงเชื่อการปลุกปั่น

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีกิจกรรมแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในที่สาธารณะว่า เป็นเรื่องปกติในวิถีประชาธิปไตย เราต่างต้องรับฟังและเรียนรู้ร่วมกันไป และเชื่อว่าหัวหน้าพรรคการเมืองที่จัด มีวุฒิภาวะและความรับผิดชอบต่อสังคมเพียงพอ ที่จะไม่สร้างปัญหายั่วยุให้เกิดความขัดแย้งทางสังคม หรือกระทำการใดที่ขัดต่อหลักกฎหมาย ทุกคนต่างได้รับบทเรียนจากอดีตและความเสียหายที่เกิดขึ้นร่วมกันมาแล้ว ขอยืนยันถึงเจตนาและความตั้งใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย ร่วมกันในการทำหน้าที่ดูแลประชาชนส่วนใหญ่ มิให้ได้รับผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ และมีความปลอดภัยภายใต้กรอบกฎหมายโดยเฉพาะไม่ต้องการให้มีการเผชิญหน้า หรือใช้ความรุนแรงกันในทุกกรณี จึงขอให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้ใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ในภาพรวมฝ่ายความมั่นคง ยังมีความกังวลอยู่บ้าง หากมีการปลุกปั่น ยั่วยุ รวมทั้งการนำเสนอข้อมูลด้านเดียวหรือไม่ครบถ้วน ทั้งในพื้นที่ชุมชนหรือในสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะการเผยแพร่ข่าวปลอม ซึ่งผิดกฎหมายและที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน จึงขอให้ประชาชนร่วมกันเตือนสติและใช้วิจารณญาณ ไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับอย่างรอบด้านและเท่าทัน เพื่อมิให้ตกเป็นเหยื่อ หรือเครื่องมือของบุคคลใด ยั่วยุให้เกิดความแตกแยกสามัคคีกันดังเช่นอดีต

“สุเทพ” สอนอย่าก่อความวุ่นวาย

ที่โรงเจหอคุณธรรมฟ้า วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย อดีตเลขาธิการ กปปส.และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวหลังร่วมเสวนาการเมืองหลักสูตรหัวข้อ “อุดมการณ์และสื่อสารทางการเมือง” ถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นัดชุมนุมทางการเมือง ว่า การแสดงออกทางการเมืองถือเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่ได้มีไว้ให้หลบเลี่ยง ไม่อย่างนั้นสังคมอยู่ไม่ได้ ถ้าเขาทำแล้วอยู่ในกฎหมายไม่เป็นไร แต่ถ้าทำให้เกิดความวุ่นวายหรือเสียหายก็ต้องว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย

หยันคนไทยมีบทเรียนไม่เอาด้วย

“การชุมนุมของพรรคอนาคตใหม่ ผมไม่ทราบว่าจะลงเอยอย่างไร เรื่องนี้ต้องติดตามดู แต่คิดว่าเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อมีคนละเมิดกฎหมายแล้วถูกตัดสิทธิทางการเมือง คนเหล่านี้ไม่ยอมรับ เราเคยเห็นในอดีตแล้วว่า พอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ออกมาปฏิเสธ ไม่ยอมรับคำสั่งศาล หรือพอศาลยุติธรรมมีคำพิพากษาก็ออกมาพูดจาในลักษณะที่ว่าศาลสองมาตรฐาน คิดว่าเรื่องแบบนี้คนไทยเคยเห็นมาแล้ว และเชื่อว่าคงไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก ดังนั้น จึงไม่เชื่อว่าจะมีใครมายุยงประชาชนให้กลับไปสู่ความรุนแรงได้อีก เพราะคนไทยมีประสบการณ์เรื่องแบบนี้มาเยอะแล้ว เนื่องจากการใช้ความรุนแรงไม่ใช่แนวทางที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศได้” นายสุเทพกล่าว

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0