วันนี้ (29 มี.ค. 63) ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตปราการหลังระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ออกโรงโต้กระแสแฟนบอลลิเวอร์พูล ที่ถล่มเข้าใส่อย่างหนักหน่วง หลังเจ้าตัวต้องการให้ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้เป็นโมฆะ เนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ลีกต้องเลื่อนไปแล้วสองรอบ และลีกระดับสมัครเล่นก็มีการประกาศยกเลิกการแข่งขันไปแล้วไปแล้ว
เวลานี้ หงส์แดง นำเป้นจ่าฝูง ด้วยการมีคะแนนเหนือกว่าอันดับสอง อย่าง แมนฯ ซิตี้ ถึง 25 แต้ม ขณะที่พวกเขาเหลือการแข่งขันอีก 9 นัด ขณะที่ เรือใบสีฟ้า เหลือ 10 นัด ซึ่งในทางทฤษฏีและปฏิบัติ หาก ลิเวอร์พูล เก็บชัยได้อีก 2 นัด จะคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการทันที แต่หลังจากที่โควิด-19 เข้ามาระบาดในแดนผู้ดี ทำให้ต้องมีการประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไปแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่ง ริโอ ที่ปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์ชื่อดังก็เป็นคนแรกๆที่ต้องการให้พรีเมียร์ลีก เป็นโมฆะในซีซั่นนี้
แต่หลังจากนั้น เขากลับโดนแฟนลิเวอร์พูลถล่มเข้าใส่ยับเยิน เนื่องจากไม่พอใจและคิดว่าสาเหตุที่ เฟอร์ดินานด์ ออกมาพูดแบบนี้เพราะ เป็นคู่อริของ ปีศาจแดง ที่กำลังจะคว้าแชมป์ แต่หากเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังจะคว้าแชมป์ เขาจะไม่มีทางแสดงความเห็นแบบนี้แน่นอน ทำให้เจ้าตัวต้องออกมาแก้ต่างประเด็นนี้ทันที
"ผมบอกเลยนะครับ ว่าช่วงเวลาแบบนี้ทุกคนควรตระหนักเรื่องสุขภาพและการใช้ชีวิตมากกว่ากีฬา ฟุตบอลมันเป็นเพียงแค่เกม ต่อให้จริงจังแค่ไหนสุดท้ายมันก็คือเกม คุณจะเห็นว่าโควิด-19 เข้ามาปั่นป่วนโลกใบนี้หนักแค่ไหน กว่าจะแก้ไขได้ผมมองว่ามันจะล่วงเลยนานมาก และนั่นเป็นสาเหตุที่ผมมองว่าฤดูกาลนี้ควรยุติแต่เพียงเท่านี้ และไปว่ากันใหม่ในซีซั่นหน้า"
"แฟนบอลลิเวอร์พูลมากมายที่ด่าผม เพราะคิดว่า สิ่งที่ผมคิดคือเป็นเป็นเพราะ ลิเวอร์พูลกำลังจะคว้าแชมป์ ผมบอกตรงนี้เลยนะ ถ้า แมนยู อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมก็จะคิดแบบเดียวกัน คือเอาสุขภาพและความเป็นอยู่ของสังคมวงกว้างมากกว่าผลประโยชน์ของตัวเองไว้ก่อน รวมถึงเรื่อง ตกชั้น , ขึ้นชั้นด้วย ทุกคนต้องยอมเจ็บแล้วเริ่มกันใหม่ในปีหน้า เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหนมันก็จะมีคนสมหวังและผิดหวังอยู่ดีครับ" ริโอ กล่าวผ่าน BT Sport
สำหรับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปัจจุบันอายุ 41 ปี ประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ระหว่างปี 2002-2014 และแขวนสตั๊ดในปี 2015 กับ ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส ก่อนจะผันตัวมาเป็นกูรูให้กับช่องกีฬาชื่อดังในอังกฤษหลายต่อหลายช่อง ทั้ง สกายสปอร์ต , บีบีซี และ บีที สปอร์ต
ขอบคุณภาพจาก : https://www.instagram.com/rioferdy5/