เป็นดังที่ผมนำเสนอให้คุณผู้อ่านทราบกันก่อนหน้าว่าปัจจุบันแบรนด์ดังระดับโลกไม่ได้มีสัปดาห์แฟชั่นในเมืองชั้นนำอย่าง New York, London, Milan, Paris เป็นจุดหมายปลายทางในการแสดงผลงานเสมอไป
อีกทั้งรูปแบบการจัดแสดงแฟชั่นโชว์ก็อาจเปลี่ยนไปตามความเหมาะสม โดยมีเรื่องเศรษฐกิจที่อาจไม่มั่นคงมาเป็นตัวกำหนด หรือจัดแสดงในรูปแบบอื่นๆ ที่แตกต่างจากแฟชั่นโชว์ทั่วไป เพื่อสร้างสีสันและทำให้กลายเป็นประเด็นร้อนที่จะถูกแชร์กันบนโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย
ทั้งหมดที่ผมกล่าวมาจะเริ่มชัดขึ้นนับจากนี้เป็นต้นไป เห็นได้จากฤดูกาลล่าสุด ฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ประจำปี 2020 ของฝั่งเสื้อผ้าชายที่กำลังจัดแสดงกันอยู่ในช่วงเวลาที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ ดังเช่นที่แบรนด์ Alexander McQueen ย้ายโชว์เสื้อผ้าชายจากปารีสกลับไปยังลอนดอนบ้านเกิด แล้วใช้วิธีจัดแสดงผลงานในรูปแบบพรีเซนเตชั่นส่วนตัว เชิญเฉพาะลูกค้าและสื่อชั้นนำไปร่วมรับชมผลงานที่โชว์คุณค่าของงานหัตถศิลป์อย่างใกล้ชิด
แบรนด์หรูแห่งกรุงปารีสอย่าง Givenchy ก็กำลังจะแสดงผลงานในเมืองฟลอเรนซ์ เนื่องจากได้รับเชิญจากทาง Pitti Uomo หนึ่งในอีเว้นต์สำคัญของวงการแฟชั่นโลกที่นำเสนอคอลเล็กชั่นเพื่อเอาใจคุณสุภาพบุรุษโดยเฉพาะ ส่วนแบรนด์ Balmain ที่จะโชว์ในปารีสวันที่ 21 มิถุนายนนี้ ก็จะควบรวมระหว่างแฟชั่นโชว์และการแสดงคอนเสิร์ตเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเป็นสีสันให้กับงานเทศกาลดนตรี Fête de la Musique ที่โดยปกติแล้ววันที่ 21 มิถุนายนของทุกปี เมืองหลวงแฟชั่นโลกอย่างกรุงปารีสจะครึกครื้นด้วยการละเล่นและการแสดงดนตรีตลอดวันตลอดคืน
ดังนั้น Balmain จึงขอใช้ช่วงเวลาแห่งความรื่นเริงประจำปีเติมเต็มให้กับการแสดงแฟชั่นโชว์ที่คงได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานมาจากดนตรีเช่นกัน
แต่ที่จัดโชว์ได้อย่างน่าสนใจไปแล้วนั้น ผมขอยกให้แก่ 2 แบรนด์ชั้นนำจากมิลานและปารีส ทั้ง Prada และ Saint Laurent โดยในฤดูกาลส่งท้ายทศวรรษเก่าต้อนรับทศวรรษใหม่ Prada ย้ายโชว์จากมิลานไปจัดแสดงในมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเราก็คงพอคาดเดากันได้ว่า การที่ Prada มาโชว์ในประเทศจีนครั้งนี้ก็เพื่อเอาใจแฟชั่นนิสต้าและเศรษฐีชาวจีน ที่ในชั่วโมงนี้มีแบรนด์น้อยใหญ่คอยเอาอกเอาใจ เพราะขึ้นแท่นเป็นลูกค้าคนสำคัญแซงหน้าชาวญี่ปุ่นและอเมริกาที่เคยเป็นลูกค้าหลักเมื่อราว 20-30 ปีก่อนหน้า
โดยคอลเล็กชั่นสำหรับคุณสุภาพบุรุษของ Prada ในฤดูกาลนี้เชื่อมโยงกับคอลเล็กชั่น Resort 2020 ของสาวๆ ที่ผมเคยเขียนถึงเอาไว้ในฉบับก่อนๆ ว่าเป็นการเชื่อมโยงโลกศิลปะและแฟชั่นเข้าไว้ด้วยกัน จุดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นการใช้สีแบบคัลเลอร์บล็อก ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงกระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ รวมทั้งการเลเยอริ่งเพื่อให้เห็นระดับความสั้นยาวของชุดตัวในและตัวนอกอย่างชัดเจน
ส่วน Saint Laurent ไปจัดโชว์กันที่มาลิบูในลอสแองเจลิส มีลุคเด่นหลายลุคมาพร้อมผลงานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้าสำหรับทัวร์คอนเสิร์ตของ Mick Jagger แห่ง The Rolling Stones ในปี ค.ศ.1975 ดังนั้น คอลเล็กชั่นนี้ของ Saint Laurent จึงไม่เพียงมีชิ้นงานสไตล์ Androgynous ไปจนถึงชุดเทเลอร์คัตติ้งคมกริบ แต่ยังนำเสนอรูปแบบการแต่งหน้าสำหรับหนุ่มๆ สไตล์มิก แจ็กเกอร์ ที่มักมาพร้อมเมกอัพ 'กายไลเนอร์' หรือการกรีดไลเนอร์ของผู้ชายเพื่อให้ได้ลุคของหนุ่มๆ ผู้หลงใหลในแฟชั่นแอนโดรจีนัสอย่างสมบูรณ์แบบ
ขอบคุณภาพประกอบ: nowfashion.com
