COVID-19 กดตลาดหุ้นร่วงแรงเกือบ 3 %
เอเซีย พลัส มอง เกิดแรงขายจากความแพนิก
ชี้เป็นจังหวะของการสะสมหุ้นรอบใหม่
จากกรณีที่พบผู้ติดเชื้อไวรัส " COVID-19" ซึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน และมีประวัติเดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาล บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ ทำให้ความกังวลว่าการแพร่ระบาดในประเทศลุกลาม ทำให้ตลาดหุ้นถูกเทขายอย่างหนัก ดัชนีร่วงปิดภาคเช้าที่ 1,397.04 จุด ปรับลดลง 42.06 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -2.92% และปิดตลาดที่ 1,366.41 จุด หรือปรับลดลง 72.69 จุด หรือ -5.05%
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) มองว่า การปรับตัวลดลงแรงเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัส COVID – 19 ที่กดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงรวมถึงไทยด้วย และในไทยก็มีปัญหาในเรื่องเศรษฐกิจเชิงโครงสร้าง ที่สังเกตได้ว่า ประเทศไทยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มบริษัทที่เป็นหุ้นขนาดใหญ่ของตลาด ยังอยู่ในธุรกิจเดิมๆ ต่างจากประเทศอื่นๆที่เป็นธุรกิจไอที ซึ่งเป็นเรื่องของโครงสร้างตลาดทุน
อย่างไรก็ตามหากถามว่าตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงมาแรงน่าสนใจเข้าลงทุนหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าต้องดูเป็นรายตัวอย่างเหมาไปเป็นรายกลุ่ม หุ้นไทยหลายตัวยังลงทุนได้ ซึ่งในยามวิกฤติเราควรจะใช้จังหวะนี้ในการเข้าลงทุน เพราะจะทำให้ได้ของในราคาที่ถูก อย่างวอแรนต์ บัฟเฟต์ ที่จะพูดเสมอว่า ในยามที่พวกคุณกำลังกลัวและขายหุ้น ผมกำลังซื้ออยู่
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ จำกัด มองว่า ตลาดหุ้นไทยที่ร่วงแรงขนาดนี้เกิดจากความแพนิก และขนาดเดียวกันยังโดยถล่มซ้ำด้วยอนุพันธ์ต่างๆ ทั้ง บล็อกเทรด หรือ ดีดับบลิว TFEX ทำให้เกิดแรงเทขายที่มากเกินไป ซึ่งปัจจัยที่เข้ามากระทบ คือ เรื่องการแพร่ระบาดของ COVID – 19 ที่อาจจะระบาดรอบใหม่ในไทย
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเดิมคือ กำไรบริษัทจดทะเบียนไทยที่ค่อนข้างแย่ซึ่งจาการประกาศผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าที่เราคาดไว้มาก และมีสัญญาณชะลอตัว ซึ่งทางบล.เอเซียพลัสก็อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการณ์ใหม่ และมีความเป็นไปได้สูงว่ากำไรต่อหุ้นของ SET ในปีนี้ อาจต่ำในระดับ 80 -85 บาทต่อหุ้น ซึ่งแรงกดดันพวกนี้ยังควถล่มซ้ำตลาดหุ้นไทย
“ตลาดตอนนี้คือแพนิก ชัดเจน และเมื่อรัฐบาลเลิก LTF ไปแล้ว ก๋เท่ากับว่าไม่มีคนมารับ ให้เรานึกถึงภาพของก้อนหินที่กำลังกลิ้งลงมา เดิมจะมี LTF เข้าไปช่วยค้ำ แต่ตอนนนี้ไม่มีแล้ว”
ในด้านการลงทุนตอนนี้มองว่าไม่ใช่จังหวะที่จะขายหุ้นอีกแล้ว เป็นจังหวะของการซื้อหุ้น เพราะราคาหุ้นถูกมากในหลายกลุ่ม และเป็นโอกาสนักลงทุนรุ่นใหม่ที่จะเข้าลงทุน ควรรอจังหวะและทยอยเข้าสะสมหุ้น โดยหุ้นที่น่าสนใจนั้นมองว่า คือ AOT DIF CPN CPALL
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด ให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงมาจากความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศ จากกรณีล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น และมีเครือญาติติดเชื้อด้วย โดยสถานการณ์ปัจจุบันไม่สามารถประเมินได้ว่าดัชนีจะถึงจุดต่ำสุดที่เท่าไหร่ เพราะตลาดมีความกลัวมากขึ้น
โดยมองว่าหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอาจไม่ปรับตัวลงหนัก แต่ปัจจุบันเรามีความกลัวจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและรุนแรงในประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง ทำให้เกิดความกังวลว่าไทยอาจเกิดเหตุการณ์เหมือนกัน เนื่องจากไม่มีมาตรการสกัดกั้นการเดินทางเข้าหรือออกนอกประเทศ
อีกทั้งปัจจุบันเศรษฐกิจไทยค่อนข้างเปราะบาง การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอาจทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆชะงัก ประกอบกับกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว หากสถานการณ์เลวร้ายลงจะทำให้คนไม่อยากเดินทางไปซื้อของ เข้าห้าง ซึ่งจะส่งผลกับภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
ทั้งนี้ ความกังวลการแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังไม่แน่นอนและไม่สามารถบอกได้ว่าจะสิ้นสุดที่ตรงไหน หากพบผู้ป่วยในไทยในอัตราที่เร่งขึ้น ประเมินว่าตลาดหุ้นน่าจะปรับตัวลงหนักกว่านี้
ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้กระชับพอร์ต ขายเพื่อลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเหลือ 30-40% อย่างไรก็ตามในภาวะที่ตลาดหุ้นปรับลงหนัก สินทรัพย์เสี่ยงยังสนใจ แต่ต้องรอติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาด 1-2 สัปดาห์ เพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนที่เหมาะสม