ในช่วงที่มีความเสี่ยงที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอยู่รอบตัวโดยเฉพาะเชื้อไวรัสโคโรนาที่เข้ามาแพร่ระบาดในไทยล่าสุดติดเชื้อไปแล้ว 14 คน ซึ่งไวรัสชนิดนี้สามารถถ่ายทอดทางอากาศจากการจาม ไอ เสมือนพ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนออกมา แน่นอนว่าวิธีป้องกันที่หลายคนเลือกก็คือการ “สวมใส่หน้ากากอนามัย” และเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอย่างไวรัสโคโรนา รศ.นพ.รุจิภาส สิริจตุภัทร อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จึงได้ออกมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสวมใส่หน้ากากอนามัย สร้างความเข้าใจให้กับทุกๆ คน
“หน้ากากอนามัย” ใครควรใส่ แล้วมีกี่ชนิด?
สำหรับผู้ที่ควรใส่หน้ากากอนามัยนั้นมีด้วยกัน 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ป่วยที่มีอาการของหวัด เช่น ไข้ ไอ หรือน้ำมูก และผู้ที่ต้องอยู่ในสถานที่ที่มีคนหนาแน่น ซึ่งจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ดีที่สุด โดยผู้ป่วยควรใช้หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา ในขณะที่บุคคลทั่วไปสามารถใส่หน้ากากประเภทใดก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องใส่ให้ถูกวิธี สำหรับหน้ากาก N-95 เป็นหน้ากากที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงมักใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย เช่น บุคลากรทางการแพทย์ หน้ากาก N-95 ถ้าใส่อย่างถูกวิธี จะทำให้หายใจไม่สะดวกจึงไม่เหมาะสำหรับใช้กับผู้ป่วยหรือใส่เป็นเวลานาน
หน้ากากอนามัยใส่อย่างไรให้ถูกต้อง
1. ล้างมือให้สะอาดก่อนหยิบมาสวมใส่
2. ใส่หน้ากากโดยให้ด้านที่มีสี (เช่น สีเขียว หรือสีฟ้า) ของหน้ากากออกข้างนอก และเอาด้านที่มีขอบลวดขึ้นบน หากเป็นหน้ากากอนามัยแบบอื่น ควรใส่หน้ากากตามวิธีที่ระบุไว้ในคู่มือที่มากับหน้ากาก
3.ต้องกดขอบลวดของหน้ากากให้แนบชิดกับสันจมูก ซึ่งการสวมใส่หน้ากากอนามัยควรปิดตั้งแต่จมูก ปาก และคาง
4.ควรเปลี่ยนหน้ากากอย่างสม่ำเสมอ โดยจับที่สายหน้ากากขณะถอดออก ไม่ควรจับที่บริเวณหน้ากาก
5. ทิ้งหน้ากากที่ใช้แล้วลงถังขยะ
6. ล้างมือทุกครั้งหลังทิ้งหน้ากาก
หวังเป็นอย่างว่าทุกๆ คนจะเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับคำแนะนำในการสวมใส่หน้ากากอนามัยกันมากขึ้น และสามารถใช้งานอย่างถูกต้อง ซึ่งนอกจากเราจะสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว ยังสามารถป้องกันด้วยวิธีอื่นๆ อย่าง ล้างมือ กินอาหารที่สุกร้อน ใช้ช้อนกลางขณะกินอาหารร่วมกับผู้อื่น สุขภาพปลอดภัยไร้โรคแน่นอน
ข้อมูล : คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล