เพจเฟซบุ๊ก Rsathai ได้โพสต์ให้ความรู้ ถึงการคุมกำเนิดที่ มีการเข้าใจกันอย่างๆผิดๆในโซเชียล โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา ที่มีการแชร์เนื้อหาที่ บอกว่า การกินน้ำอัดลมเพื่อคุมกำเนิด โดยทางเพจได้ระบุข้อความไว้ดังนี้…
#ความซ่าส์ในน้ำมันไม่ใช่ยาคุม #ตั้งสติ จากกกระแสบนโลกออนไลน์ในช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาจากเพจดัง "มีเพศสัมพันธ์กับแฟนและไม่ได้คุมกำเนิด แฟนบอกให้กินโค้กกันไว้ แล้วล่าสุดเมื่อคืน เราก็เพิ่งมีอะไรกับแฟน แต่ไม่แน่ใจว่าแฟนไม่ได้ใส่ถุงหรือเปล่า พอเช้ามาแฟนก็เอาน้ำกระทิงแดงมาให้กิน เราอยากจะถามว่า โค้กกับน้ำกระทิงแดงช่วยได้จริงหรอ ?"
สิ่งที่ช่วยได้หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย หรือคุมกำเนิด คือ ต้องรีบใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน !!
ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในประเทศไทยพบในชื่อการค้าว่าโพสตินอร์ /มาดอนน่า /แมรี่พิงก์ มีจำนวน 2 เม็ด แต่ละเม็ดมียาลีโวนอร์เจสเตรล 0.75 มิลลิกรัม เป็นการวิธีการคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ในกรณีฉุกเฉินเพื่อลดโอกาสท้อง เช่น ไม่ได้คุมด้วยวิธีใดๆ เลย คุมแล้วพลาด ไม่ตั้งใจจะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น วิธีการกินที่ถูกต้อง คือ กินยาให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยกินพร้อมกันทั้งสองเม็ดหรือกินทีละเม็ดห่างกัน 12 ชม. หรือภายใน 120 ชม.
ผู้หญิง 100 คนที่มีเพศสัมพันธ์หนึ่งครั้งแบบที่ว่าไม่ได้ต้องการอะไรเลยจะพบการตั้งครรภ์ 8 คน แต่ถ้าใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีการตั้งครรภ์ลดเหลือ 1-3 แต่ควรใช้เฉพาะฉุกเฉินเท่านั้น อย่าใช้คุมกำเนิดระยะยาว เป็นประจำหรือซ้ำบ่อยๆ อันนี้ลุงหมอขอเน้นนะครับ เพราะยาจะช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ให้น้อยลงเท่านั้น ยิ่งใช้เร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้ผล สามารถใช้ได้ภายใน 5 วัน หรือ 120 ชั่วโมง หลังมีเพศสัมพันธ์ ได้ผลการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 52 ถึง 94%
Q : หลังกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไปแล้ว ประจำเดือนจะมาภายในกี่วันคะ ?
A: หลังกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว 1 สัปดาห์ อาจมีเลือดออกกระปิดกระปรอยทางช่องคลอด หลายคนมักเข้าใจว่าเป็นประจำเดือน แต่ความจริงเป็นผลข้างเคียงที่พบได้ ซึ่งเป็นผลจากลีโวนอร์เจสเตรลที่เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์โปรเจสตินในยาคุมฉุกเฉิน ส่วนประจำเดือนจะมาช้าหรือเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย ส่วนมากจะตรงกับวันที่เคยมา กรณีที่ไม่มีประจำเดือนมาตามปกติภายในสามสัปดาห์หลังกินยาควรตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ท้อง
อ้างอิงบางส่วนบางตอนจาก : ลุงหมอขอเคลียร์ ยาคุมฉุกเฉิน โดย นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล
